วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ทำไมขายอาหาร ขายดีกำไรเยอะแต่ไม่รวยสักที






ผมเขียนเน้นเฉพาะผู้ขายอาหาร แต่อาชีพค้าขายอื่น ๆ ก็นำไปปรับใช้ได้

----------------

ผู้ขายอาหารเวลาขึ้นราคาอาหารมักขึ้นทีละ 5 บาท นี่เป็นเพราะประเทศไทยพิการเรื่องระบบจัดเก็บภาษี ทำให้บรรดาผู้ค้าทุกชนิดตั้งแต่ต้นทางยันปลายทางมักขึ้นราคาได้ตามอำเภอใจ

ส่วนคนทำงานกินเงินเดือนจำนวนมาก รายได้น้อยกว่าพ่อค้าแม่ค้าเสียอีก กว่าจะได้ขึ้นเงินเดือน ราคาสินค้าขยับหนีไปหลายรอบแล้ว

ใครไม่เชื่อแต่ผมเชื่อเรื่อง กฎแห่งกรรม !!

ผู้ค้าใดเอาเปรียบผู้ซื้อเกินเหตุ ค้ากำไรเกินควร เขาผู้นั้นมักมีเหตุให้ต้องเสียเงินเสียทองในทางอื่น ๆ เสมอ จึงไม่รวยสักที

เช่น อาจเสียเงินเพราะลูกเกเร หรือไม่คนในครอบครัวก็อาจต้องเจ็บป่วยเสียเงินเสียทองโดยใช่เหตุอยู่เสมอ นั้่นเพราะค้าขายเอากำไรอย่างเดียว โดยไม่ค้าขายแบบได้ทั้งกำไรพอประมาณ และได้บุญไปด้วย

การเห็นใจลูกค้า เมตตาต่อลูกค้าเป็นกุศลในอาชีพค้าขายอย่างหนึ่ง ที่จะเป็นเกราะคุ้มภัยให้ผู้ค้าขายเอง เช่น จะมีลูกใฝ่ดี คนในครอบครัวสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัย เพราะลูกค้ามักอวยพรให้แก่ผู้ค้าขายที่ไม่เอาเปรียบลูกค้าอยู่เรื่อย ๆ

ผิดกับผู้ค้าที่เห็นแก่เงินเกินไป มักได้รับคำด่าในใจลูกค้าอยู่เรื่อย ๆ เช่นกัน การโดนชาวบ้านด่าบ่อย ๆ ย่อมเป็นเสนียดแก่ตัวผู้ค้าขายเอง

ผมขอทิ้งท้ายว่า "ค้าขายได้กำไรแแต่พอควร เปรียบเสมือนได้ทำบุญทุกวัน ดีกว่าขูดรีดลูกค้า แล้วเอาไปทำบุญภายหลัง"

เพราะอย่างหลังได้บุญไม่มากหรอกครับ เชื่อผม การเห็นใจซึ่งกันและกัน สังคมจะคืนสิ่งดี ๆ ให้คุณเอง เพราะคุณมีบุญคุ้มครอง /@akecity


------------------------

ถาม มีบ้างไหมที่ ขายของแบบเอากำไรเกินควร แต่ก็ยังขายดีและรวย

ตอบ มีเยอะครับ ผมเห็นมาเยอะ อย่างบางร้านรสชาติไม่ได้อร่อยมากมาย แต่โชคดีที่ได้ทำเลดี แถมคู่แข่งก็ไม่มี เลยขายดีมาก ๆ มีลูกค้ามาอุดหนุนอยู่เรื่อย ๆ เขาก็ขึ้นราคาตามอำเภอใจเหมือนกัน นั่นคงเพราะบุญเก่าเขาคงทำมาดี เขาคงเคยให้การเกื้อหนุนผู้คนมากมายในอดีต ชาตินี้แม้จะค้าขายเอาเปรียบลูกค้าไปบ้าง แต่ก็ยังมีคนมาอุดหนุนสม่ำเสมอ

ฉะนั้น ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกครับ เพราะเราไม่สามารถทราบได้ว่า ในอดีตชาติเราสั่งสมมามากน้อยเพียงใด และกรรมใดจะส่งผลให้เรามากน้อยแค่ไหน

-------------


ผมเชื่อว่า ผู้ค้าขายย่อมรู้ตัวเองดีว่าได้ขายอาหารเอาเปรียบลูกค้าหรือไม่ ?

เพราะร้านบางร้านค่าเช่าแพง ก็ต้องขายแพงอันนี้พอเข้าใจ ต้นทุนวัตถุดิบพากันขึ้นราคาพร้อม ๆ กันหลายอย่างก็ทำให้มีเหตุให้ขึ้นราคา

แต่ผมเคยเจอนะ อย่างเช่นข้าวเหนียวหมูเส้นหวาน จาก กล่องละ 10 บาทเป็น 15 บาท ทันทีแบบนี้ก็เกินไป

อย่างร้าน ช.ศรแก้ว ร้านข้าวเหนียวชื่อดังในโชคชัย 4 เคยขายข้าวเหนียวสังขยากล่องเล็ก ๆ 10 บาท ต่อมาขึ้นเป็น 15 บาทเลย แบบนี้ก็ขึ้นเกินไปครับ


คลิกอ่าน ร้านข้าวแกง 10 บาท ในกรุงเทพฯ พร้อมที่จอดรถให้ 80 คัน

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ12 ตุลาคม 2556 เวลา 20:12

    ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกคิดที่จะพูด คิดที่จะทำ ท่านทั้งหลาย พระพุทรเจ้าท่านได้สอนให้ใช้ทางเดินสายกลางไม่ตึงเกินไปและหย่นเกินไป จงใช้สติคิดให้รอบคอบ ทุกสิ่งทุกอย่างมีด้านดีและด้านไม่ดี มีเหตุและผลของตัวเอง ทำไมเขาต้องขายสินค้าแพง ทำไมเราต้องซื้อเขากินละ แล้วทำไมเราไม่ทำกินเองหรือทำขายเองดีไหม การเที่ยวไปด่าคนอื่นโดยที่ไม่ได้มองตัวเราเลย มันไม่ถูกต้องนัก

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เหอะ คุณไม่รู้เหรอว่าทำไมสินค้าแพง ทำไมคนเราต้องจำยอมซื้อสินค้าแพง

      ผมไม่ได้ห้ามให้ใครขายแพง อ่านให้ดี ใครอยากขายแพงก็ขายไป อย่ามาอ้างเรื่องเหตุผล เพราะคุณจะเหมือนพวกรัฐบาลที่อ้างว่ามันคือกลไกตลาด

      และเมื่อกลไกตลาดมันคือปลาใหญ่กินปลาเล็ก และระบบผูกขาดล่ะ

      คนเราบางครั้งตกอยู่ในสถานการณ์มัดมือชก ถ้าคุณขายอาหารคุณขายแพง แล้วมีคนกิน ก็ตามสบายครับ

      แต่ผมกำลังพูดถึง การค้าขายแบบเห็นใจซึ่งกันและกันครับ

      ผมว่า คุณมองโลกแบบเห็นแก่ตัวครับ หากร้านค้าเหนแก่ตัวหมดทุกร้าน คนที่เขาไม่มีเวลา ไม่มีกำลังทรัพย์พอ เขาก็ต้องจำใจซื้อ แต่เขาก็เดือดร้อนที่ถูกพวกร้านค้าร่วมกันเอาเปรียบไงครับ

      ถ้าคุณขายของหวังรวยโดยไม่สนอะไร ก็ตามสบายครับ อย่ามาอ้างพระพุทธเจ้า

      การขึ้นราคาจาก 10 บาท เป็น 15 บาท คุณว่ามันไม่เอาเปรียบใช่ไหมครับ และผมก็ไม่ซื้อร้านที่เอาเปรียบคนอื่นแบบนี้ไปแล้ว

      ถ้าอ่านที่ผมตอบไม่เข้าใจ กลับไปอ่านใหม่ ว่าบทความนี่สื่ออะไร เพราะคุณมั่วครับ

      ลบ




counter statistics