วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

คนศรีสะเกษ คงอยากยกผามออีแดงให้เขมร







ตอนนี้ทำได้แต่ภาวนาให้ศาลโลก ตัดสินคดีเขาพระวิหารให้เป็นผลดีแก่ไทย

ถ้าศาลโลกตัดสินให้ไทยชนะ ถามว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะกล้าไล่พวกเขมรที่สร้างหมู่บ้าน สร้างวัดรอบเขาพระวิหาร หรือไม่ ?

เพราะถ้าเขมรยันว่า ไม่ออกจากพื้นที่ แถมเจรจาก็ไม่สำเร็จ รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะกล้าสั่งให้ทหารไทยผลักดันเขมรออกจากพื้นที่ 4.6 ตร.กม. รอบเขาพระวิหารหรือไม่ ?

-------------

หรือถ้าศาลโลกตัดสินให้เขมรชนะ ถามว่า รัฐบาลไทยจะยอมยกอุทยานแห่งชาติผามออีแดง สระตราว และสถูปคู่ ให้เขมรหรือไม่ ?

เพราะรัฐธรรมนูญทุกฉบับของไทย ในมาตรา 1 เขียนว่า ราชอาณาจักรไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จะแบ่งแยกมิได้

------------

แต่ถ้าศาลโลกตัดสินแบบกลาง ๆ ไม่เข้าข้างฝ่ายไหน ปัญหาเขาพระวิหารก็จะคาราคาซังแบบนี้ไปตลอดกาล

--------------

คนศรีสะเกษ คงไม่โง่ยกจังหวัดนะ

หลายวันก่อนได้ดูข่าวช่อง 7 ไปสัมภาษณ์คนศรีสะเกษ เรื่องคดีเขาพระวิหาร

สรุปเลยว่า คนศรีสะเกษ แม่ง โง่เกือบยกจังหวัด ยังจะบอกอีกว่า เขมรเป็นบ้านพี่เมืองน้อง ถุย !

ถ้าเขมรมันเห็นไทยเป็นเหมือนพี่น้อง มันคงไม่แว้งกัดไทยมาตลอดแบบนี้หรอก

สงสัยคงต้องให้ทหารเขมรมาเยี่ยวรดหัวนอนคนศรีสะเกษก่อนล่ะมั้ง ถึงจะหายโง่กัน

เพราะทั้งลาว และเขมร เขาไม่เคยคิดว่า ไทยคือบ้านพี่เมืองน้อง จนถึงขนาดที่ว่า ถ้าใครไปเที่ยวลาว เขามีคู่มือแนะนำว่า อย่าพูดเรื่องบ้านพี่เมืองน้อง ให้คนลาวได้ยินเด็ดขาด เพราะเขาไม่เคยคิดว่า ไทยคือพี่น้องกับลาว

แบบเรียนเขมร ทุกวันนี้ ยังสอนให้คนเขมรเกลียดคนไทย หาว่าไทยเป็นพวกขี้ขโมย จนเขมรมันเรียกคนไทยว่า เสียม ซึ่งแปลว่า ไอ้ขี้ขโมย

ตอนนี้คนศรีสะเกษส่วนใหญ่ แม่ง ยังไม่รู้ตัวเลยว่า ถ้าไทยแพ้คดีเขาพระวิหาร ผามออีแดงก็จะกลายเป็นของเขมร เพราะผามออีดแดงอยู่ในพื้นที่ 4.6 ตร.กม.

ตอนนี้ผมทำใจได้แล้วว่า ถ้าคนศรีสะเกษที่โง่ ๆ มันอยากโง่นัก ก็ชั่งแม่มัน ให้มันไปเป็นเขมรซะ อยู่ไป แม่ง ก็หนักแผ่นดินไทย

ขออภัยคนศรีสะเกษที่ไม่โง่ด้วย แต่ผมเหลืออดจริง ๆ

----------------

เขาพระวิหาร แค่เป้าหลอก

จงจำไว้ว่า เขาพระวิหารเป็นแค่เป้าหลอก แต่เป้าหมายจริง ๆ ของเขมร คือต้องการให้ศาลโลกรับรองแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนถูกต้อง

เพราะถ้าศาลโลกรับรองให้แผนที่ 1 ต่อ 2 แสนของเขมรเป็นสิ่งถูกต้องเมื่อไหร่

หลายจังหวัดในอีสานใต้ และทรัพยากรในอ่าวไทยอีกมากมายจะกลายเป็นของเขมรในอนาคตอย่างแน่นอน

-----------------------

ลาวไม่ใช่พี่น้องกับไทย

เพราะคนไทยมักชอบคิดเอง เออเอง ว่า ลาวคือน้องไทย ไทยเราเป็นพี่ นี่แหละ คือสิ่งที่คนลาวเขาไม่ชอบ

ยิ่งเมื่อไม่กี่เดือนก่อน นักโบราณคดีได้ขุดค้นพบกระดูกมนุษย์โบราณ ก่อนยุคประวัติศาสตร์ในลาว

กระดูกที่พบนั้น เขาพิสูจน์แล้วว่า เป็นกระดูกมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เก่าแก่กว่ากระดูกมนุษย์ที่พบในจีนอีก

นั่นแสดงว่า ชนชาติลาว น่าจะเกิดมาก่อนชนชาติไทยมานานมาก

ลาว เขาถือว่า เวียดนาม ต่างหากที่เป็นบ้านพี่เมืองน้องกับลาว เพราะเขาระบอบปกครองเดียวกัน

ไทยเราน่ะ เป็นชนชาติที่ชนชาติแถวนี้เขารังเกียจมาแต่โบราณแล้ว เพราะไทยเราฉลาดกว่า เหนือกว่า และไปตีชนชาติแถบนี้มาเป็นเมืองขึ้น

แม้นั่นจะเป็นอดีตโบราณกาล แต่ปัจจุบันก็ได้พิสูจน์แล้วว่า เขมรมันยังแว้งกัดไทยอยู่เสมอ

ส่วนลาว เมื่อปี 2531 ก็เคยรบกับไทยในสมรภูมิบ้านร่มเกล้า

ฉะนั้นจงเชื่อในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาว่า สันดานชนชาติ ลาว เขมร ญวณ มลายู พม่า สามารถแว้งกัดไทยได้เสมอ ระวังไว้ให้ดี


คลิกอ่าน แผนยกเขาพระวิหารให้เขมรของทักษิณ


วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ถ้าอภิสิทธิ์เป่านกหวีด ยิ่งลักษณ์ขอเป่าด้วย







คำถาม - มันคืออะไร ?

ในขณะที่นายอภิสิทธิ์ไปร่วมเป่านกหวีด กปปส.ดัง ปิ๊ด !!

ณ. เวลาเดียวกันนั้น ที่โรงแรมหรูกลางเมือง

ยิ่งลักษณ์ก็ทำท่าเหมือนกำลังเป่าวัตถุขนาดใหญ่ยาวคล้ายขลุ่ย หรือปี่ อยู่เช่นกัน

"ปี๊ด !! " วัตถุที่ยิ่งลักษณ์กำลังเป่าอยู่ ก็มีเสียงดังปี๊ด พร้อมมีของเหลวพุ่งออกมาจากวัตถุนั้นเช่นกัน

ถามว่า มันคืออะไร ?

555 /@akecity






---------------------

เรื่อง สุดยอดคุณพ่อ

เมื่อเด็กชายโอ๊ควัย 13 ขวบ กลับมาจากโรงเรียน

แม่อ้อ ถามว่า "วันนี้ที่โรงเรียนเป็นไงบ้าง ?"

เจ้าโอ๊ค ตอบ "วันนี้ ผมมี SEX กับคุณครูครับ"

"โอว กล้วยทอด!! ลูกกลับไปที่ห้องซะ รอคุณพ่อกลับมาบ้าน"
แม่อ้อพูดด้วยความโกรธ

สักพักต่อมา เมื่อพ่อแม้วกลับมาบ้าน แม่อ้อก็เลยฟ้องว่า

"ขึ้นไปดูลูกชายคุณ แล้วก็จัดการกับเขาหน่อย มีสิ่งไม่ดีเกิดกับเขาในวันนี้"

พ่อแม้วขึ้นมาไปที่ห้องลูกโอ๊ค และถามถึงสาเหตุที่แม่โวยวาย

"ผมบอกแม่ว่า วันนี้ผมมี SEX กับคุณครูครับ" เจ้าโอ๊ค ตอบ

"ดีแล้ว ดีมาก นี่แหล่ะลูกพ่อ!" พ่อแม้วพูด

"รู้ไว้ซะลูก ผู้หญิงอย่างแม่ไม่คิดอะไรอย่างที่ผู้ชายคิดหรอก แต่พ่อก็ภูมิใจในตัวลูก ลูกอายุเท่าไหร่ล่ะ สิบสามแล้วใช่ไม๊... ว้าว!! นี่แหล่ะลูกพ่อ พ่อภูมิใจในตัวลูกมาก เดี๋ยวไปข้างนอกกับพ่อ แล้วเราไปซื้อจักรยานสวยๆ ที่ลูกอยากได้กัน"

ต่อมา...พ่อแม้วกับลูกโอ๊ค ก็ออกจากร้านขายจักรยานพร้อมกับ จักรยานที่ดีที่สุด รุ่นใหม่ที่สุด สีแดงจ๊าบที่สุด เท่ที่สุดในยุคนั้น

"จะขี่กลับบ้านเลยไม๊ลูก" พ่อแม้วถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอิ่มเอิบ

เจ้าโอ๊คตอบ "ไม่ล่ะครับพ่อ ผมยังเจ็บตูดอยู่เลย"

55555 /akecity

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สมเด็จพระสันตะปาปา สมเด็จพระสังฆราช และสมณศักดิ์พระ







การคำราชาศัพท์ใช้กับ สมเด็จพระสังฆราช และสมเด็จพระสันตะปาปา

เพราะวัฒนธรรมไทยมีการใช้คำราชาศัพท์ กับกษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง

และเมื่อประมุขของชาติ คือ พระมหากษัตริย์
ส่วนประมุขฝ่ายสงฆ์ คือ สมเด็จพระสังฆราช

วัฒนธรรมไทยก็เลยกำหนดให้ใช้คำราชาศัพท์แก่ประมุขของสงฆ์ด้วย

อีกทั้ง ประเทศไทยหรือชนชาติไทย มีพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงนับถือเลื่อมใสในพุทธศาสนามาโดยตลอด

พระพุทธศาสนาจึงเป็นศาสนาที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย เพราะคนไทยส่วนใหญ่ตามทะเบียนบ้านอ้างว่า ตนนับถือศาสนาพุทธ

ฉะนั้นการที่คนไทยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

ที่สำคัญที่สุด สมเด็จพระสังฆราชของไทย พระองค์ทรงได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำศาสนาพุทธของโลกอีกด้วย (รวมทุกนิกาย)

แต่ในความเป็นจริง เวลาชาวบ้านพบสมเด็จพระสังฆราชพระองค์จริง ก็ไม่ได้พูดราชาศัพท์กับพระองค์แต่อย่างใด

เพราะชาวบ้านทั่ว ๆ ไปก็เข้าใจว่า ท่านก็แค่พระรูปหนึ่งที่มีสมณศักดิ์สูงเท่านั้น

"เพียงแค่อย่ายึดถือ ใช้ก็ได้ ไม่ใช้ก็ได้ ไม่เป็นไร ขอแค่จริงใจก็พอ"

---------------------

สมเด็จพระสันตะปาปาแห่งคริสตศาสนา นิกายโรมันคาทอลิก

ในเมื่อคนไทยนิยมใช้คำราชาศัพท์กับประมุขของศาสนาพุทธ อย่างสมเด็จพระสังฆราช คนไทยเราเลยใช้คำราชาศัพท์กับสมเด็จพระสันตะปาปาแห่งคาทอลิกเช่นกัน

อย่างคำว่าสมเด็จ ในภาษาอังกฤษมีซะที่ไหน ไทยเรายังอุตส่าห์เติมคำว่า สมเด็จ ให้กับพระสันตะปาปา เป็นสมเด็จพระสันตปาปา เลยจริงไหมครับ

ถามว่า พวกฝรั่งเขามีคำราชาศัพท์ไหม ?

เท่าที่ทราบฝรั่งเขาไม่มีคำราชาศัพท์ จะมีแต่ใช้คำสุภาพให้มากขึ้น แต่เมื่อคนไทยพูดถึงกษัตริย์ของต่างประเทศ คนไทยเราก็ใช้คำราชาศัพท์แก่กษัตริย์ต่างประเทศทุก ๆ ประเทศเช่นกัน

โดยที่เราคนไทยก็ใช้คำราชาศัพท์แก่กษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ของทุก ๆ ประเทศอย่างเท่าเทียมกัน

เราคนไทยไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่า จะต้องใช้คำราชาศัพท์เฉพาะกษัตริย์ไทยเท่านั้น

เพราะนี่คือเรื่องของวัฒนธรรมทางภาษาของไทยที่สวยงาม

---------------------

การที่มีคนไทยบางคน ออกมาแสดงความเห็นว่าไม่ชอบคำราชาศัพท์

เมื่อใครไม่ชอบก็ไม่ต้องใช้ก็ได้นี่ครับ ส่วนถ้าใครเขาอยากจะใช้ ก็เรื่องของเขา เพราะมันเป็นสิทธิส่วนบุคคลของเขา

ไอ้คนไม่ชอบคำราชาศัพท์ แต่ดันไปเสือกยุ่งกับคนที่เขาอยากจะใช้ ผมว่าพวกนี้ออกจะเผด็จการไปด้วยซ้ำ เพราะวัฒนธรรมทางภาษาเป็นอะไรที่มีหลากหลายมากมายย่อมดีกว่าไม่มีให้เลือกใช้

พวกที่ดูถูกรากเหง้าและวัฒนธรรมอันดีของตัวเอง ที่แม้แต่ชาวต่างชาติยังยกย่องวัฒนธรรมไทย ความสวยงามของภาษาไทย

ผมว่าไอ้คนพวกนี้มันต้องมีปมด้อยหรือเก็บกดอะไรสักอย่างแน่ ๆ

--------------------

หรือถ้าใครอยากจะใช้คำราชาศัพท์ แบบที่คณะลิเกเขาเล่นกัน ก็ทำได้

บางคนอาจต่อต้านคำราชาศัพท์แต่เปลือก แต่ในความจริง ใจมันอยากจะใช้ มันเกิดความริษยาที่ชีวิตมันเกิดมาต่ำต้อย ไม่มีวาสนาได้ใช้ เช่น อยากจะเกิดเป็นเจ้าชาย เจ้าหญิงในรั้วในวัง

แต่ในโลกความเป็นจริง ดันเกิดเป็นกระเทยชั่วมารยาทต่ำ เป็นต้น

มันเลยไม่อยากให้มีเจ้า ไม่อยากให้มีราชาศัพท์ เพราะมันอิจฉาริษยาตาร้อน

แต่ถ้าใครอยากจะใช้คำราชาศัพท์ในชีวิตประจำวันจริง ๆ ก็แค่กลับไปบ้านแล้วไปบอกพ่อแม่และคนในบ้านว่า ต่อไปนี้บ้านเรามาใช้คำราชาศัพท์เรียกกันเองในบ้านกันดีกว่า

เช่น องค์หญิงอีอั้ม เสด็จพ่ออีอั้ม เสด็จแม่อีอั้ม เป็นต้น

ก็ไม่ได้มีใครห้ามปรามแต่อย่างใด 555

---------------------


มีเพื่อน ๆ ถามผมถึง สมณศักดิ์ของพระ ว่ามีไปทำไม เพราะพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ทรงกำหนดไว้

ขอตอบว่า สมณศักดิ์พัดยศของพระ เป็นเรื่องของทางโลก ที่พระเจ้าแผ่นดินในสมัยโบราณ ทรงยกย่องเชิดชูพระสงฆ์ และเพื่อเป็นการลำดับการปกครองคณะสงฆ์ให้สอดคล้องกับกฎหมายบ้านเมือง

ฉะนั้น เรื่องสมณศักดิ์พัดยศ จึงเป็นเรื่องของคฤหัสถ์ (กษัตริย์) ยกย่องเชิดชูพระสงฆ์ ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องที่สำคัญแก่การศึกษาธรรม หรือช่วยการหลุดพ้นจากกองกิเลสแต่อย่างใดครับ

แต่ในสมัยปัจจุบัน การเชิดชูยกย่องพระสงฆ์ด้วยการมอบสมณศักดิ์พัดยศแก่พระ หรือการแต่งตั้งพระเป็นระดับสมเด็จ เป็นเรื่องที่พระเจ้าแผ่นดินทรงมีส่วนร่วมน้อยมาก

เพราะกว่าเรื่องแต่งตั้งสมณศักดิ์พระจะส่งเรื่องมาถึงในหลวง ก็มีการดำเนินเรื่องในหลายขั้นตอนตามกฎหมายบ้านเมือง จากหน่วยงานหลายส่วนทั้งสำนักพระพุทธศาสนา ทั้งเถระสมาคม ทั้งรัฐบาล ทั้งสำนักพระราชวัง เป็นต้น

ที่มีปัญหาก็คือ มีพระจำนวนมากกลับหลงยึดติดในยศที่ทางโลกอุปโลกให้ ถึงขนาดซื้อขายสมณะศักดิ์ยศพระกันเลยทีเดียว

หลายคนเสนอว่า ยกเลิกไปเลยดีไหมไอ้สมณะศักดิ์พัดยศอะไรเนี่ย ?

แต่ถ้าเราชาวพุทธหัดฉลาดที่จะดู ฉลาดที่จะสังเกต การที่มีพัดยศสมณศักดิ์ให้พระนี่ก็ดีเหมือนกัน คือ จะทำให้เราสังเกตได้ง่ายกว่า ใครคือ ใจพระแท้ ใครคือใจพระเทียม

หมายถึงจิตใจพระแท้ ๆ กับพระที่มียังจิตหลงยึดติดลาภยศสรรเสริญเยินยอ

ดูง่าย ๆ คือ พระที่ไม่มีใจพระแท้ มักชอบพูดให้คนมาทำบุญเยอะ ๆ เดี๋ยวชวนทำบุญนั่น ทำบุญนี่ ชีวิตความเป็นอยู่พระพวกนี้มีแต่อาการยึดติดความหรูหราฟุ่มเฟือย อยู่อย่างสุขสบายเกินคำว่าพระ  และชอบพูดเรื่องการทำบุญเสมอ ๆ ว่าทำบุญแล้วดีอย่างนั้นดีอย่างนี้


วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เจ้าอาวาสวัดปากน้ำไม่สมควรเป็นพระสังฆราชองค์ที่ 20






สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ)  เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ แม้จะเป็นเจ้าคณะที่มีอาวุโสสูงสุด ก็ไม่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นสมเด็จพระสังฆราช ประมุขฝ่ายสงฆ์ องค์ที่ 20

เหตุเพราะเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ รูปนี้ ส่งเสริม สนับสนุนกิจกรรมหลอกบุญของลัทธิธรรมกายอย่างสม่ำเสมอ แถมท่านยังให้ท้ายสมีไชยบูลย์เรื่อยมาจนปัจจุบัน

นายไชยบูลย์ หรือ อดีตพระธัมมชโย ได้ปาราชิกไปแล้ว จากความผิดยักยอกที่ดินของวัดไปเป็นของตนเอง จนเกิดเป็นคดีความ พอจนตรอกก็รีบนำที่ดินมาคืน

แต่ความผิดฐานปาราชิกได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่สามารถยกเลิกได้ หรือจะย้อนไปออก กม. นิรโทษกรรมได้ 

ฉะนั้น นายไชยบูลย์ หรืออดีตธัมมชโย จึงเป็นสมีห่มเหลืองแล้วในปัจจุบันนี้

ลิกอ่าน พระลิขิตสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทั้ง 5 ฉบับที่ทรงวินิจฉัยธัมมชโยปาราชิก


แต่เพราะสมีไชยบูลย์มันมีเส้นสายทางการเมืองใหญ่ มันได้รับการสนับสนุนจากไอ้ชั่วทักษิณ ชินวัตร อยู่ ๆ อัยการสูงสุดก็เลยถอนฟ้องสมีไชยบูลย์ไปซะดื้อ ๆ

ทำให้ความผิดฐานปาราชิก จากการยักยอกทรัพย์วัดจึงถูกลืมเลือนไป โดยไม่มีใครไปตามเอาผิดอีก หรือเอามันออกจากการแต่งกายเลียนแบบสงฆ์

แต่คดียักยอกเป็นคดีแพ่ง สามารถถอนฟ้องได้ แต่ในส่วนคดีอาญาตามความผิด ปอ.มาตรา 157 โทษฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐประพฤติโดยมิชอบ ซึ่งเป็นความผิดอาญาไม่สามารถยอมความได้ (ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2505 ระบุให้เจ้าอาวาสวัด ถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ)

โครงการหลอกคนทำบุญหลายรูปแบบของลัทธิธรรมกาย มักได้รับการสนับสนุนจากเจ้าอาวาสวัดปากน้ำรูปปัจจุบัน อย่างสม่ำเสมอ

สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ, คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้เคยเทศน์แก่คณะพระธุดงค์บนกลีบกุหลาบจากลัทธิธรรมกาย ที่เดินแห่รูปทองคำหลวงพ่อสดไปทั่วกรุงจนถึงวัดปากน้ำ ว่า

“วันนี้วัดปากน้ำเนืองแน่นไปด้วยเทพบุตร เทพธิดา ซึ่งเทพบุตร เทพธิดาเหล่านี้ ก็คือญาติโยมผู้ศรัทธาในพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ เป็นการประกาศกตัญญูบูชาพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ทำให้วัดปากน้ำดูราวกับเป็นสังกัสสนคร อาตมาเองตั้งแต่เกิดมาจนถึงบัดนี้ 87 ปีแล้ว เพิ่งจะวันนี้เองที่ได้เดินบนกลีบกุหลาบ จึงชื่นใจ"

ที่มาคำกล่าวของเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ คลิกอ่านที่นี่

ะนั้น ถ้าสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20 เป็นเจ้าอาวาสวัดปากน้ำที่มีนามว่า สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์

ผมคนนึงล่ะ จะไม่นับถือ ไม่กราบไหว้ สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 นี้แน่นอน เพราะ 

"ภิกษุใดให้ท้ายสนับสนุนสมีปาราชิกให้เป็นภิกษุต่อไป ภิกษุนั้นย่อมต้องปาราชิกเช่นกัน"

ส่วนรูปด้านล่าง คือรูปที่เจ้าอาวาสวัดปากน้ำมอบพัดยศแก่สมีไชยบูลย์

หมายเหตุ รูปด้านล่างนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2554 พิธีมอบพัดยศให้สมีไชยบูลย์ (ที่ไม่ใช้คำว่าถวายพัดยศ เพราะมันเป็นสมี) ที่สำนักจานบินลัทธิธรรมกาย แต่ไชยบูลย์ มันได้ปาราชิกแล้วตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช มาตั้งแต่ ปี 2542

ก็เท่ากับว่า เจ้าอาวาสวัดปากน้ำได้ให้การสนับสนุนไอ้ปาราชิกตัวนี้

คลิกที่รูปเพื่อขยาย !!


สมีไชยบูลย์ ได้บวชพระเมื่อปี 2512 โดยมีสมเด็จพระรัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำองค์ปัจจุบัน เป็นพระอุปัชฌาย์

ย้ำ !! สมเด็จพระรัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เป็นพระอุปัชฌาย์ของสมีไชยบูลย์

อีกทั้งเจ้าอาวาสวัดปากน้ำองค์นี้ เคยประกาศในงานธุดงค์บนกลีบกุหลาบว่า

“วัดปากน้ำกับวัดพระธรรมกายเป็นวัดพี่วัดน้องหรือเสมือนหนึ่งว่าเป็นวัดเดียวกันมีอะไรก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน”



เพราะเหตุที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช รับรองสมีไชยบูลย์ นี่แหละครับ ที่ทำให้ไม่มีใครกล้าแตะต้องธรรมกาย

ส่วนห่มเหลืองที่เดินมารับพัดยศต่อจากสมีไชยบูลย์ ก็คือ เผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าสำนักลัทธิธรรมกาย


คลิกที่รูปข้างล่าง เพื่ออ่านรายละเอียด

http://imgur.com/6qjzgnQ
--------------------

ท่านพระพรหมคุณาภรณ์ ปราชญ์แห่งศาสนาพุทธโลก ยังยืนยันว่า คำสอนของลัทธิธรรมกายบิดเบือนศาสนาพุทธ

กรุณาคลิกที่รูปด้านล่างเพื่ออ่าน งานวิทยานิพนธ์ ของท่าน ว.วชิรเมธี ที่นำงานของพระพรหมคุณาภรณ์ มาอ้างอิงเรื่องลัทธิธรรมกาย



คลิกอ่าน เหตุผลที่แก้ พ.ร.บ.สงฆ์ สถาปนาพระสังฆราช ในปี 2535 และปี 2559

ลิกอ่าน กรรมการมหาเถรสมาคม ต้องปาราชิกยกคณะ

คลิกอ่าน สมเด็จช่วง ผู้หลงใหลลาภสักการะ


ความรู้ท่วมหอย เอาตัวไม่รอด







ขอเล่นแบบเพจชื่อดัง กะเขาบ้าง !!

"น้ำท่วมให้รีบกลับ น้ำรักให้รีบกลืน" จากยิ่งลักษณ์ แนะนำ

"เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ แต่เหี้ยหลายร้อยตัวอยู่พรรคเพื่อไทยได้" ไอ้เหลิม แนะนำ

"เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จกม.นิรโทษกรรม ถีบควายแดง" ทักษิณ แนะนำ

"น้ำมาปลากินมด น้ำลดปลอดแดกป่า" ปลอดเป็นศพแนะนำ

"อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจสัตว์แม้ว" แม่นางสาวเกตุแนะนำ


"รักผัวให้ดูด รักปูให้เลีย" ยิ่งลักษณ์แนะนำ

"ชีวิตไม่สิ้น โกงกินต่อไป" ทักษิณ แนะนำ

"พ่อตายไม่เสียดายเท่าสอบตก (สส.) " อีเดียร์ ส่งมา

"อย่าเข็นปืนครกขึ้นเขา แต่ควรยกเขาให้เขมรไป" ไอ้ปิ้ง แนะนำทหารไทย

"อย่ามัวงมเข็มในมหาสมุทร แต่ให้ปล่อยน้ำมันดิบลงมหาสมุทรแทน" ประหลาด ปตท. แนะนำ

"มีปืนใช้ปืน มีมีดใช้มีด น้ำล้านลิตรมันไปหาเอาข้างหน้า เผาเลยครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง" คำพังเพยใหม่ อำมาตย์เต้นกับนักร้องชอบอมส้นตีน แนะนำมา

""อยู่พรรคเพื่อเหี้ยอย่างนิ่งดูดาย สอนวัวสอนควายให้เผาเมืองเล่น"" ไอ้เต้นส่งเข้าประกวด ก่อนเป็นอำมาตย์

"สีซอให้ควายแดงฟัง ไม่สู้ถีหูให้โอบามาเสียว" เจ๊ยิ่งลักษณ์ ขอตบท้าย 555


วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556

วิเคราะห์ เมื่อจ๊ะ คันหู เกาหู เพื่อเลี้ยงดูพ่อแม่







จากข่าว จ๊ะ คันหู เต้นเกาหูน้องสาว 2 ปี มีเงิน14 ล้านบาท สามารถซื้อบ้าน ซื้อรถ 3 คันด้วยเงินสด ให้พ่อแม่

ช่างน่ายกย่องเหลือเกิน สาวสมัยนี้ ถ้าบอกว่า จ๊ะ คันหู ทำท่าทางเกาบริเวณเป้าน้องสาว แล้วดัง แล้วรวย นำเงินไปสร้างบ้านให้พ่อให้แม่ เป็นสิ่งน่ายกย่อง

งั้นพวกกะหรี่ที่ขายตัวจนสร้างบ้านให้พ่อให้แม่ ก็ยิ่งนับว่าน่ายกย่องน่าชื่นชมยิ่งกว่าจริงไหม ?

เพราะจ๊ะ แค่เกาหูน้องสาว แต่กะหรี่ถึงขนาดยอมเสียน้องสาวที่ชื่อจิ๋ม ให้แขกเฉาะวันละหลายสิบคนจริงมะ ?? 555

--------------------

เราต้องแยกแยะระหว่าง ความกตัญญูต่อบุพการี กับการช่วยกันรักษาและจรรโลงศีลธรรมในสังคมในฐานะที่เกิดเป็นคนไทย ซึ่งเท่ากับเป็นการรู้คุณแผ่นดิน

เราต้องแยกแยะระหว่าง พ่อแม่ที่สอนให้ลูกทำมาหากินด้วยสัมมาอาชีพที่ไม่ทำลายสังคม กับพ่อแม่ที่ยอมตกเขียวลูก หรือพ่อแม่ที่พอใจที่ลูกโชว์เต้นเกาหูน้องสาวแลกเงิน ด้วยอาชีพเสื่อม ๆ

แม้ความกตัญญูพ่อแม่ถือเป็นบุญอันประเสริฐ แต่การเป็นตัวอย่างเสื่อม ๆ ทำลายศิลปวัฒนธรรมดี ๆ ของชาติให้เสื่อมลง ก็ต้องถือว่าเป็นบาปหนักเช่นกัน

แน่นอน หลายคนอาจบอกว่า กตัญญูต่อพ่อแม่ได้บุญมากกว่า การทำบาปในการช่วยทำลายศีลธรรมอันดีของชาติ ?

คนที่คิดแบบนั้นแน่ใจหรือว่าความเชื่อเช่นนั้นถูกต้อง ?

--------------

ขนาดพ่อแม่ทำผิดกฎหมาย หากลูกเป็นตำรวจที่มีหน้าที่จับคนทำผิดกฎหมาย ลูกก็ต้องจับพ่อแม่ตามหน้าที่ ไม่ถือว่าอกตัญญู

เช่นพ่อฆ่าคนตาย ถ้าลูกเป็นตำรวจก็ต้องจับพ่อมาดำเนินคดี เพื่อรักษาคุณธรรมและความถูกต้อง ไม่ถือว่าลูกทำบาปอย่างใด

หากลูกที่เป็นตำรวจกลับปล่อยให้พ่อที่ฆ่าคนตายลอยนวล นั่นก็ยิ่งกับทำบาปสองต่อ คือละเว้นหน้าที่ในการรักษาคุณธรรม และให้ท้ายพ่อ ส่งเสริมพ่อในทางที่ผิดยิ่งขึ้น

พ่อแม่ที่ดีก็ไม่ควรส่งเสริมลูกให้ทำลายวัฒนธรรมและศีลธรรมอันดีของชาติเหมือนพ่อแม่ของจ๊ะ คันหู ที่เห็นแก่เงินมากกว่าลูก

ถ้ากรณีจ๊ะ คันหู รู้กันอยู่ใวงแคบก็ไม่เท่าไหร่ แต่ดันมีสื่อหลักนำมาสนับสนุนออกอากาศด้วยนี่สิ สื่อพวกนี้ก็สมควรถูกประณาม

---------------------

กรณีจ๊ะ คันหู ผมไม่โทษจ๊ะหรอก แต่ผมโทษพ่อแม่ของจ๊ะมากกว่า ที่ไม่อบรมสั่งสอนลูกให้ทำอาชีพที่ดีกว่านี้ แต่กลับหลงในเงินตราที่ลูกนำมาประเคนให้

ถ้าใคร ๆ อ้างว่าจน แล้วก็มาขายตัว มาขายท่าเต้นโป๊ ๆ ต่อหน้าเยาวชนก็ได้ แล้วอ้างว่าเพื่อเลี้ยงดูพ่อแม้ ถ้าคนในสังคมเห็นว่าดี

แบบนี้ก็เท่ากับสังคมไทยมันเสื่อมมากแล้วจริง ๆ


วันนี้คุณได้สอนลูกสอนหลานให้แต่งตัวโป๊ ๆ เต้นท่ายั่วยวนเซ็กส์ เพื่อจะได้ใช้ลูกให้หาเงินเลี้ยงดูพ่อแม่แล้วรึยัง ?

ถ้าใครยังสอนไม่เป็น แนะนำปรึษานายกฯ ยิ่งลักษณ์ได้ที่ทำเนียบรัฐบาล 555

ก็เพราะรายนี้ เธอโกงชาติเพื่อตอบแทนบุญคุณพี่ชายเหมือนกัน


วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ทักษิณ ทายาทการเมืองผู้ทรยศ







แต่เดิม สันติอโศก วางแผนจะเผยแพร่พุทธศาสนาลัทธิสันติอโศก ด้วยการส่งพลตรีจำลอง เข้ามาเล่นการเมือง โดยเริ่มจากเป็นผู้ว่า ฯ กทม.

แล้วตั้งสโลแกนว่า มหาจำลอง ทั้ง ๆที่ พลตรีจำลองไม่เคยสอบได้เปรียญ 3

ทางสันติอโศก หวังว่า ถ้าพลตรีจำลองก้าวสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองได้ ก็จะทำให้ลัทธิสันติอโศกเผยแพร่และเจริญบนแผ่นดินไทยไปด้วย

แต่แล้ว พลตรีจำลองได้รู้ว่า ยากที่ตัวเองจะทำสำเร็จตามที่สันติอโศกคาดหวัง จึงได้หาทายาททางการเมืองขึ้นมาแทนตนเองที่เบื่อการเมืองแล้ว และอยากจะไปปฏิบัติธรรมเต็มตัว

และแล้วพลตรีจำลองก็ได้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาเป็นทายาททางการเมือง ซึ่งพลตรีจำลอง เชื่อว่า ทักษิณรวยมหาศาลแล้ว คงจะไม่โกง คงทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้เต็มที่ และช่วยสานต่อการเผยแพร่ลัทธิสันติอโศกให้เจริญมากขึ้น

"พี่จำลอง ผมรวยแล้ว ผมพอแล้ว ตอนนี้ผมอยากทำงานเพื่อบ้านเมืองมากกว่า" คำพูดที่ทักษิณเอ่ยกับพลตรีจำลอง

ซึ่งเราจะเห็นทักษิณในสมัยเป็นนายกฯ ก็ได้ทัวร์นกขมิ้น และไปแวะสนทนาธรรมกับโพธิรักษ์ที่ศรีสะเกษ อาบน้ำนุ่งผ้าขาวม้าจนเป็นข่าว จำได้ไหม

แต่แล้ว ทักษิณมันเป็นซาตานในคราบนักบุญผู้ร่ำรวย มันทรยศในคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับพลตรีจำลอง เพราะมันโกงภาษี มันซุกหุ้น มันลบหลู่สถาบัน

และที่เลวร้ายที่สุด คือ ทักษิณมันสร้างความแตกแยกให้แก่บ้านเมืองอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ครับ !!

ทุกวันนี้พลตรีจำลองมักโทษตัวเองเสมอว่า เป็นคนชักชวนให้ทักษิณมาเล่นการเมือง แลัวก็โดนมันหลอก จนทำให้บ้านเมืองเราวุ่นวายจนวันนี้ !!


-----------------

เมื่อทักษิณแตกหักสันติอโศก เลยไปซบธรรมกาย

เพราะตามแนวสันติอโศก ต้องกินน้อย ใช้น้อย พึ่งพาตนเอง อยู่อย่างธรรมชาติมากที่สุด ได้แตกหักกับทักษิณซึ่งเคยปวารณาตนเป็นศิษย์

ทักษิณก็หันไปซบลัทธิธรรมกายแทน ซึ่งลัทธิธรรมกายเป็นลัทธิขายบุญโดยใช้พุทธศาสนาบังหน้า สอนคนให้โลภมาก ทำบุญมาก ๆ แล้วจะยิ่งรวย

แต่ดั้งแต่เดิมไม่เคยมีรัฐบาลใดคิดแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนพระสังฆราชก่อน เว้นแต่สมเด็จพระสังฆราชจะทรงแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนพระองค์เอง เมื่อพระองค์ทรงพระประชวรหรือเสด็จไปต่างประเทศ

แต่ในสมัยไอ้เหลี่ยมเป็นนายกรัฐมนตรี ได้สร้างคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชขึ้นมาเมื่อปี 2547 นี้เอง แล้วให้สมเด็จเกี่ยว แห่งวัดศรีสะเกษเป็นประธานคณะนี้องค์แรก

ตอนนั้นทางฝ่ายหลวงตามหาบัว และลูกศิษย์ได้เป็นฝ่ายคัดค้านเรื่องนี้มาตลอดว่า มีสมเด็จพระสังฆราชพระองค์เดียวพอ ไม่ต้องมีใครมาทำหน้าที่แทนทั้งสิ้น เพราะสมเด็จพระสังฆราชไม่ได้มีพระประสงค์เอง

เพราะการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ก็คล้ายกับมีพระสังฆราช 2 องค์ ซึ่งความไม่สมควรคืออย่างไรนั้น

และหลังจากที่สมเด็จเกี่ยว ได้มรณภาพไปแล้ว

ตอนนี้ก็ได้แต่งตั้ง สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ซึ่งพระรูปนี้ที่หลงใหลอามิสจากลัทธิธรรมกายอย่างเสมอต้นเสมอปลาย เพราะสนับสนุนอีเวนต์ของธรรมกายมาโดยตลอด ได้มาเป็นประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ตามหลักการพระราชาคณะที่อาวุโสสูงสุด

ถ้าต่อไปยังให้เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ได้เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่ องค์ที่ 20 อีก ก็เท่ากับพระที่เข้าข้างลัทธิธรรมกายได้ครองตำแหน่งนี้ไปนั่นเอง

------------------------

สังเกตได้ว่า พอรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีอำนาจ ลัทธิธรรมกายก็ใหญ่คับถนน สามารถปิดถนนกลางกรุง ให้พระเดินกลางถนนให้คนตักบาตรได้คราวละเป็นหมื่นรูปได้

ปริศนาธรรม ? ยิ่งลักษณ์ Wholesale กับ ธรรมกาย 






วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ไม่เสียชาติเกิดแล้ว ได้รู้วิธีเลือกกล้วยน้ำว้าดีที่สุด






แม่ผมก็เคยสอนว่า จะเลือกกล้วยน้ำว้าต้องเลือกดูกล้วยลูกกลม ๆ อย่าเลือกกล้วยที่เป็นลูกเหลี่ยม ๆ ยิ่งเหลี่ยมมากเท่าไหร่ ยิ่งแสดงว่า กล้วยห่วย ไม่อร่อย

ระยะหลังผมไม่ค่อยอยากซื้อกล้วยน้ำว้าตามที่พวกแม่ค้านำมาวางขายแล้วล่ะ เพราะพวกนี้ห่วยแตก บางทีก็เอากล้วยที่ตัดเร็วเกินไปมาขาย

บางทีพวกแม่ค้าก็เอากล้วยที่ลีบเหลี่ยมมาขาย แถมไม่ใช่ถูก ๆ 30 บาทขึ้นไปทั้งนั้น จนเริ่มจะงอมแล้วนั่นแหละ ถึงจะเริ่มลดราคา

ซื้อกล้วยน้ำว้ามาทีไร ผิดหวังมากกว่า สมหวัง

ตอนนี้ที่ได้ทาน ก็เพราะป้าที่รูจักใกล้ ๆ บ้านผม จะนำมาให้นาน ๆ ที ประมาณ 2 เดือนได้ทานสักหวี

กล้วยน้ำว้าของป้าใกล้บ้าน เป็นกล้วยที่สวนหลังบ้านแกเอง มีคุณภาพดี ลูกกลม รสชาติหวาน แต่ผมก็ไม่รู้หรอกว่า จะสังเกตกล้วยน้ำว้าแบบถ่องแท้ว่าแบบไหนดี แบบไหนไม่ดีที่ชัดเจน

จนกระทั่งเพิ่งจะรู้ไม่นานนี่เอง ในรายการผู้หญิง ช่อง 3 ว่า กล้วยดี หวีนึงต้องมี 14 ลูกเป็นอย่างน้อย

กล้วยที่ดีเลิศที่สุด หวีนึงต้องมี 16 ลูก เพราะเป็นหวีที่อยู่กลางเครือ มีสารอาหารที่ดีที่สุด มีคุณค่าจากกล้วยน้ำว้ามากที่สุด สมบูรณ์ที่สุด

ล่าสุด โชคดีที่กล้วยน้ำว้าของป้าใกล้บ้าน ที่นำมาให้แม่ผมทาน มีครบ 16 ลูกใน 1 หวีทันที

------------------------

การฉีกกล้วยที่ถูกวิธี

ปกติแม่ผมถ้ากลัวทานกล้วยน้ำว้าไม่ทัน ก็จะฉีกกล้วยเป็นลูก ๆ แล้วนำไปใส่ในตู้เย็น แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก ความดำยังตามมมาเกาะกุมเปลือกกล้วยโดยเร็วอยู่ดี

จะดีก็ต้องถึงจะดำ ก็ดำตะติ๊งโหน่ง ข้างนอกดำปี๋ ข้างในขาวจั๊ว ยังกินได้อร่อยได้นาน

แต่เพิ่งจะรู้ว่า การฉีกกล้วยให้เป็นลูกๆ ที่ถูกวิธี คือ ต้องฉีกไปพร้อมกับก้านที่หัวกล้วยไปด้วย ฉีกออกไปพร้อม ๆ กัน ให้แต่ละลูกยังมีก้านที่ต่อกับหวี ติดมากับกล้วยทุกลูก

จะทำให้กล้วยดำช้า เก็บทานได้นานเรื่อย ๆ แล้วถ้าดำแล้ว แต่ยังไม่หมด ค่อยไปแช่ตู้เย็นต่ออีกทีครับ

ดูคลิปเต็ม ๆ จากรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง



คำประกาศ สู้ไม่มีแพ้ ของทักษิณของแท้






ขำสัส บนยอดเขาควายแดง

ทักษิณ "ถ้าผมสู้ ผมไม่มีวันแพ้ หาก กม.นิรโทษกรรมไม่ผ่าน ถ้าผมไม่ได้เงิน 5 หมื่นล้านคืน พี่น้องเสื้อแดงอย่าลืมออกมาตายบนถนนอีกนะครับ แล้วถ้าเสียงปืนนัดแรกดังขึ้นอีกเมื่อไหร่ ลูกโอ๊ค รีบพาแม่และน้อง ๆ หนีไปช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่นเลยนะ"

555/@akecity


----------------------

ตามหลักนิติธรรมทั่วโลก ที่เคยออก กม.นิรโทษกรรม

เขาต้องค้นหาความจริง ทำความจริงให้กระจ่าง หาว่าใครถูก ใครผิด ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน

แล้วถ้าอยากจะนิรโทษกรรม ก็มาทำเมื่อความจริงได้ปรากฏชัดเจนแล้ว

แต่สำหรับพรรคขี้ข้าทักษิณพยายามปกปิดความจริง แล้วรีบดัน กม.นิรโทษกรรม

เพื่อจะได้ให้ควายแดงเชื่อเป็นตุเป็นตะต่อไป ว่า อภิสิทธิ์ และสุเทพ สั่งฆ่าประชาชน ไปตลอดกาล

วิธีนี้ได้ใช้กับเสธ.แดงมาแล้ว คือปิดปากมันซะ

ถ้า กม.นิรโทษกรรม ออกมา จะทำให้ความจริงไม่ปรากฏ พวกเสื้อแดงก็จะไม่มีทางรู้เลยว่า ไอ้หน้าเหลี่ยมคือ คนสั่งฆ่าประชาชนตัวจริง !!

กม.นิรโทษกรรม ก็คือ การปิดปากความจริง !!


คลิกอ่าน จดหมายลับถึงสรย้วย แฉพ.ต.ท.หน้าเหลี่ยมหวังฮุบสมบัติ X จักรพันธุ์

วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ต้นข้าวสูง 3 เมตรทำตื่นเต้นไปได้







เมื่อช่วงหลายวันที่ผ่านมา มีข่าวว่า พบต้นข้าวสูงกว่า 3 เมตร ในอำเภอแม่ฟ้าหลวง ทำผู้คนฮือฮาเห็นเป็นของแปลกว่า นี่คือต้นข้าวที่สูงที่สุดในโลกประมาณนั้นเลย

ทำให้ผมนึกถึงตอนผมเด็ก ๆ พ่อผมเคยเล่าให้ฟังเสมอว่า ตอนพ่ออายุ 14-15 หรือช่วงก่อนพ.ศ.2500 ต้นข้าวในนาข้าวก็สูงท่วมหัวพ่อ เลยหัวพ่อผมทั้งนั้น

พ่อผมสูง 177 ซม. ตอนพ่ออายุ 14-15 พ่อก็น่าจะสูงเกิน 170 ซม.ไปแล้ว นั่นแสดงว่า ต้นข้าวสมัยพ่อผมยังวัยรุ่น ก็น่าจะสูงถึง 2 เมตรทั้งสิ้น

จริง ๆ แล้ว ข้าวพันธุ์พื้นเมืองของไทยในอดีต ก็น่าจะมีความสูงตั้งแต่ 2 เมตร ถึง 3 เมตรทั้งสิ้น

แต่พอยุคหลังแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 1 เรื่อยมา ต้นข้าวที่ชาวนาไทยปลูก ก็ไม่ใช้พันธุ์พื้นเมืองอีกแล้ว เป็นพันธุ์ข้าวที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์เพื่อให้กินปุ๋ยได้ดี ได้ผลผลิตต่อไร่สูง ๆ

จึงทำให้ข้าวสายพันธุ์พื้นเมืองของไทยเริ่มไร้คนปลูก คงเหลือแต่พันธุ์ข้าวที่พัฒนาเพื่อการส่งออก ที่รัฐบาลหลอก เอ้ย ! ให้ชาวนาปลูกเรื่อยมา ซึ่งข้าวพันธุ์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น ต้นจะเตี้ย ปลูกได้ผลผลิตเร็วขึ้น

ในขณะที่ข้าวพันธุ์พื้นเมืองของไทยต้องปลูกในระยะเวลาที่นานกว่าคือ ประมาณ 5 เดือน แต่พันธุ์พื้นเมืองนั้น ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า ธรรมชาติสร้างมาให้เหมาะสมแก่ภูมิประเทศนั้น ๆ

พันธุ์ข้าวพื้นเมืองของไทยจึงมีลักษณะลำต้นที่สูงมาก ธรรมชาติสร้างมาเพื่อให้สูงเหนือน้ำท่วมทุ่งที่มาในทุกฤดูฝนของแผ่นดินสุวรรณภูมิ

ที่เขาเรียกว่า ดินแดนสุวรรณภูมิ ก็เพราะมีที่มาจาก ดินแดนที่เต็มไปด้วยทุ่งนา เวลาข้าวออกรวงสุกจนเหลืองอร่าม และดูเป็นทุ่งสีทองทั้งแผ่นดิน

---------------------

การที่คนไทยยุคนี้ตกใจเมื่อได้เห็น ต้นข้าวสูง 3 เมตรกว่า ๆ

จึงเป็นสิ่งประจักษ์ชัดแจ้งว่า ธรรมชาติได้มาช่วยเตือนว่า คนไทยกำลังหลงลืมรากเหง้าของต้นข้าวพันธุ์พื้นเมืองไปแล้ว

หันกลับมาสนใจข้าวพันธุ์พื้นเมืองกันบ้างเถิด เพราะถ้าน้ำท่วมไม่ถึง 3 เมตร ข้าวไทยรอดตายได้แน่นอน




ขนาดนักเรียนป.6 ยังรู้ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นไม่ยาก






นักเรียนหญิงป. 6 บอกมาว่า "เป็นนายกรัฐมนตรีไม่เห็นจะยากเลย แค่แต่งตัวสวย ๆ แล้วก็ไปเปิดงาน ไปเยี่ยมชาวบ้าน ไปตัดริบบิ้น ไปต่างประเทศ แค่เนี้ย ไม่เห็นจะยากเลย"

พอถามว่า นายกรัฐมนตรีต้องบริหารราชการแผ่นดิน ต้องแก้ปัญหาทั้งประเทศด้วยนะ

เด็ก ป.6 ตอบว่า "ไม่เห็นจะยากเลย ก็ปล่อยให้หน่วยงานต่าง ๆ รับปัญหาไปรับผิดชอบเองสิ รัฐมนตรีก็มีตั้งเยอะแยะ นายกรัฐมนตรีแค่สวยดูดี ใครเห็นใครก็รัก ก็พอ"

555 /@akecity

วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556

คติธรรม ความประมาทคือหนทางสู่ความตาย






พุทธโอวาทสุดท้าย ก่อนพระพุทธเจ้าจะทรงเสด็จดับขันธปรินิพพาน

"ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย... บัดนี้ เราเตือนท่านทั้งหลาย สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลาย จงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด"

ความประมาท คือ ความเลินเล่อ เผลอสติ ไม่สำรวมระวัง กาย วาจา ใจ

ส่วนความไม่ประมาท ได้แก่ ความรอบคอบ มีสติคอยกำกับการกระทำ วาจา ใจ

--------------

ความประมาทเป็นหนทางสู่ความตาย

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จสังฆราช เคยทรงอธิบายว่า ความตายนั้นไม่ใช่ตายแบบเสียชีวิตเท่านั้น

แต่ความประมาท สามารถทำให้คนเราตายจาก อำนาจ วาสนา ชื่อเสียง เงินทอง ก็ได้เช่นกัน

แต่ในทางพุทธศาสนา ความประมาทคือ การไม่เร่งความเพียรในทางธรรม เราก็จะตายจากไปแบบสูญค่า เสียเวลาที่เกิดมาเปล่า ๆ


ข้อคิดสอนใจ ในซีรีย์ มรดกรักฉบับพันล้านวอน






เมื่อก่อนผมเคยตั้งกระทู้เกี่ยวกับ พวกดาราที่ชอบอวดรวย อวดกระเป๋าใบละหลายแสน ลงในเว็บสนุก ซึ่งผมได้ลงทิ้งท้ายทำนองว่า ตอนรวยก็อวดรวยกันจัง แต่ตอนจนกลับมาขอให้แฟน ๆ จน ๆ มาบริจาคช่วยเหลือ

ซึ่งก็จะต้องมีคนที่ไม่เห็นด้วย ทำนองว่า เงินของเขา อิจฉาเขารึไง

ผมได้อธิบายตอบไปว่า ความอวดรวยของดารา สร้างค่านิยมผิด ๆ ให้แฟน ๆ ของดาราเลียนแบบทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รวยแบบดารา

และการอวดรวยของดารา มันก็คือเงินที่ได้มาจากประชาชนทางอ้อม เพราะค่าโฆษณาที่ดาราได้รับคราวละหลายล้านบาทนั้น

สุดท้ายมันก็ตกเป็นต้นทุนของสินค้าอยู่ดี ก็เท่ากับเป็นเงินที่ได้จากประชาชน

----------------

ตัวอย่างดี ๆ สอนคน ในละครเกาหลี

มชอบที่ละครเกาหลีเรื่อง มรดกรักฉบับพันล้านวอน มาก ก็ตรงที่ เกาหลีเขาสอนให้คนเกาหลีลดความเยอหยิ่ง ทนงในความร่ำรวยฟุ้งเฟ้อของตน โดยผ่านทางพระเอกที่เป็นทายาทเศรษฐี ทำตัวหรูหรา ใช้เงินแบบไม่เห็นคุณค่าของเงิน

แต่สุดท้ายพระเอกก็กลับตัวกลับใจมาเป็นคนที่เห็นคุณค่าของเงิน และเห็นอกเห็นใจคนจนเป็น

เพราะพระเอกถูกคุณย่าตัดหางปล่อยวัด คุณย่าจะไม่ให้เงินใช้ ถ้าพระเอกยังไม่ยอมทำงาน แถมคุณย่ายังแก้พินัยกรรมใหม่ ด้วยการยกมรดกทั้งหมดให้กับนางเอกแทน ทั้งที่นางเอกไม่ใช่ลูกใช่หลานเลย

ส่วนพระเอกถ้าอยากมีเงินใช้ ก็ต้องไปทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ ไปเป็นพนักงานฝึกหัดที่ร้านอาหารขายน้ำซุปเนื้อ ซึ่งเป็นร้านกิจการในบริษัทของคุณย่า



พระเอกไม่มีสิทธิเหนือกว่าพนักงานคนอื่น ๆ แถมรถสปอร์ตของพระเอกก็ถูกคุณย่ายึดคืน ทำให้พระเอกต้องนั่งรถเมล์ไปทำงานทุกวัน

ซึ่งในตอนหลัง ๆ หลังที่พระเอกเริ่มกลับตัวได้ เริ่มเปลี่ยนนิสัยได้

แต่มีวันหนึ่ง มีชายแก่คนนึงโทรมาสั่งน้ำซุปให้ไปส่งที่บ้านแค่ชุดเดียว ซึ่งตามกฎของร้าน ลูกค้าจะต้องสั่งซื้อซุปอย่างน้อย 2 ชุด ทางร้านถึงจะไปส่งให้ถึงบ้าน

แต่ผู้จัดการร้านได้สั่งให้พระเอกไปส่ง พระเอกก็สงสัยว่า ทำไมต้องไปส่งด้วย ทั้ง ๆ ที่ลูกค้าสั่งไม่ถึง 2 ชุด

ผู้จัดการร้านบอกพระเอกว่า "เอาน่าไปส่งเถอะ เขาเป็นลูกค้าประจำมานาน"

พอพระเอกไปส่งน้ำซุป ระหว่างเดินทางไปบ้านชายแก่ ซึ่งอยู่ในดงสลัม พระเอกก็มองไปรอบ ๆ จนทั่ว แล้วคิดว่า สภาพแวดล้อมแถวนี้แย่ยิ่งกว่าบ้านเช่าของนางเอกอีก

และเมื่อพระเอกได้เข้าไปส่งน้ำซุปถึงในห้องเช่าของชายแก่ที่สั่ง ชายแก่ที่สั่ง เขามีเมียที่กำลังนอนป่วยอยู่

ชายแก่บอกว่า เมียของแกบ่นอยากกินซุปเนื้อ ก็เลยโทรไปสั่ง แล้วชายแก่ก็ขอโทษพระเอกว่า ต้องขอโทษด้วยนะ ที่สั่งแค่ชุดเดียว แถมยังทำให้พระเอกต้องลำบากมาส่ง

แล้วชายแก่ก็หยิบเงินจ่ายให้พระเอก แต่แกต้องค้นหาเงินอยู่สักพัก เพราะเงินที่แกเตรียมไว้จ่ายเกิดไม่พอ ทำให้แกต้องไปเปิดใต้เสื่อเพื่อหาเศษเหรียญหยิบให้พระเอกเพิ่มอีกจนครบ

แล้วชายแก่ก็ยังหยิบลูกอมให้พระเอกอีก 2 เม็ด บอกว่า ถือว่าขอบคุณที่อุตส่าห์มาส่ง ทีแรกพระเอกก็จะไม่รับลูกอม แต่ชายแก่บอกว่า รับไว้เถอะ ถือว่าแทนคำขอบคุณ เอาไว้กินระหว่างกลับ

ช่วงที่พระเอกกลับจากบ้านคนแก่ ก็แอบมองผ่านหน้าต่าง ได้เห็นชายแก่ค่อย ๆ พยุงเมียขึ้นมา เพื่อป้อนน้ำซุปเนื้อให้ทาน

เมื่อพระเอกกลับถึงร้าน ก็ได้ขึ้นไปนั่งพักผ่อนบนดาดฟ้าร้าน แล้วก็นึกถึงตอนที่ชายแก่พยายามค้นเงินและเศษเหรียญเพื่อจ่ายค่าน้ำซุปให้ครบ คิดถึงตอนที่ชายแก่ให้ลูกอมแล้วบอกว่า แทนคำขอบคุณที่ยังอุตส่าห์มาส่งน้ำซุปให้ถึงบ้าน

แล้วพระเอกก็แกะลูกอมของชายแก่ขึ้นมาอม แล้วคิดหวนไปถึงที่ตอนที่ ตัวเองเคยพาเพื่อนไปเลี้ยงเหล้าในผับอย่างหรูหรา ฟุ่มเฟือย จ่ายค่าเลี้ยงดูเพื่อนคืนละ 8 แสนวอน

พระเอกคิดถึงตอนที่เขาเคยปาเงินใส่หน้าผู้จัดการร้านที่ตัวเองทำงาน เพราะตอนนั้นพระเอกยังไม่ยอมมาทำงานที่ร้าน ยังหยิ่งทนง คิดว่าตัวเองเป็นหลานเจ้าของร้าน

คิดถึงตอนที่เคยแกล้งขัดขาให้นางเอกหกล้ม แล้วโยนเงินใส่นางเอก แล้วบอกว่าให้เป็นเงินค่ายารักษาแผลและค่าซักเสื้อผ้าที่เลอะ

ในขณะที่คนยากจน เงินที่แม้จะซื้อซุปเนื้อมาให้เมียที่กำลังป่วยทานสักชุดก็ยังแทบไม่มี แต่พระเอกกลับใช้เงินแบบไม่เคยรู้คุณค่าที่แท้จริงของเงินเลย

หลังจากพระเอกคิดถึงนิสัยแย่ ๆ ที่ใช้เงินฟุ่มเฟือย ใช้เงินเพื่อข่มเหงคนอื่นเสร็จแล้ว พระเอกก็พูดขึ้นมาลอย ๆ ว่า เรานี่มันเลวจริง ๆ

หากคุณผู้อ่าน อ่านแล้วยังมองไม่เห็นภาพ ผมได้หาคลิปเฉพาะตอนนี้มาให้ดูแล้ว กรุณาดูตั้งแต่นาทีที่ 7.24 เป็นต้นไปครับ



---------------------

ผมชอบตอนนี้ของซีรีย์เรื่องนี้มาก ผมว่า เกาหลีเขาสอนคนของเขาผ่านละครได้ดีมาก ในเรื่องที่ว่า ถึงเงินจะเป็นเงินของคุณ แต่ก็ต้องรู้จักค่าของเงินด้วย จงใช้เงินแบบที่ควรเห็นใจคนที่เขาจนกว่าเราด้วย

ไม่ใช่แค่คิดติ้น ๆ โง่ ๆ ว่าก็เงินของเขา ไปเสือกอะไรด้วย อิจฉาเขาเหรอ ??



วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ทักษิณ กับ ปตท. สันดานเดียวกัน







"ถ้าคิดจะโกง อย่าเอาแต่โกงอย่างเดียว ต้องโยนเศษกระดูกที่โกงมาให้พวกปากหมามันได้แทะบ้าง แล้วเราจะอยู่โกงได้นาน ๆ "

ไม่มีนักการเมืองหน้าโง่ที่ไหน ที่มันมุ่งแต่จะโกงโดยไม่ทำประโยชน์อะไรบ้างเลย พวกมันต้องทำประโยชน์ให้แก่ประชาชนบ้าง เพื่อไว้เป็นคะแนนเสียงสนับสนุนให้พวกมันอยู่โกงได้นาน ๆ

อย่างเช่น นักการเมืองอาจของบประมาณมาทำถนนลาดยางอย่างดีเข้าหมู่บ้าน สัก 10 ล้านบาท

นักการเมืองมันก็โกงกินไปสัก 3 ล้านบาท ที่เหลือก็เอาไปสร้างถนนให้ชาวบ้าน 7 ล้านบาท

ชาวบ้านหน้าโง่ก็ปลาบปลื้มดีใจว่า นักการเมืองคนนี้ดีนักหนา

ทั้ง ๆ ที่นักการเมืองมันโกงกินไป 30% หรือ 3 ล้านบาท ส่วนชาวบ้านในหมู่บ้านมีทั้งสิ้น 1,000 คน ได้ถนน 7 ล้านบาท แถมเผลอ ๆ ได้ไม่ถึงอีก เพราะผู้รับเหมาโครงการดันเป็นเครือญาตินักการเมือง อาจโกงไปอีก 1 ล้านบาท

เท่ากับว่า ถนนที่ชาวบ้าน 1,000 คนได้ มีค่าเพียง 6 ล้านบาทเท่านั้น

เท่ากับชาวบ้านได้เฉลี่ยคนละ 6 พันบาทเท่านั้น !!

เช่นถ้าเป็นโครงการสร้างสะพานแขวนที่ถูกโกง ก็จะใช้ได้ไม่ถึงปี ก็จะพังถล่ม จนมีคนตาย!!

เช่นเดียวกัน ทักษิณมันโกงชาติเลี่ยงภาษีประจำปี ด้วยการซุกหุ้นไว้ในต่างประเทศ ทักษิณมันประหยัดเงินภาษีรายได้ประจำปีของมันปีละหลายพันล้านบาท

นโยบายของมันก็เอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจมันและพวกพ้อง

อย่างโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ปีแรกได้งบ 44,000 ล้านบาท แต่เมื่อหารด้วยคนไทยใช้สิทธินี้ 45 ล้านคน เหลือได้คนละ 977 บาทต่อคนต่อปีเท่านั้น

แต่ที่ทักษิณมันโกงปีละหลายพันล้านจนอาจเป็นหมื่นล้านบาทต่อปี คนไทยหน้าโง่กลับหลงชื่นชมมัน ทั้ง ๆ ที่เงินโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคก็ไม่ใช่เงินทักษิณซะหน่อย

นี่แหละเขาเรียก โกงไปหมื่นล้าน โยนให้หมาแทะกระดูกไปตัวละ 977 บาท หมามันก็หลงบูชาในบุญคุณแล้ว 555

---------------------

ปตท. ก็สันดานเดียวกัน

ปตท. หลังแปรรูปเป็นกึ่งเอกชนโดยทักษิณ ปตท.มันก็ร่ำรวยเอา ๆ ซึ่งผมเคยเขียนในบทความอื่น ๆ มาแล้วว่า

ผลกำไรของปตท. ที่เห็น มันน้อยกว่าที่มันได้กำไรจริง ๆ เพราะมันต้องเอาไปประเคนให้นักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังปตท. ก่อน

อย่าสงสัยว่า ปตท.โกงบัญชีอย่างไรให้จับไม่ได้ ก็ต้องจ่ายให้หน่วยงานตรวจสอบบัญชีทั้งหลายทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ก็จะโกงได้สมบูรณ์แบบ ไม่มีหลักฐานว่าได้แจ้งบัญชีอันเป็นเท็จ 555

ที่เรียกว่า โกงแบบบูรณาการ โกงตั้งแต่ต้นน้ำ ยันปลายน้ำ

ต่อมา ปตท. มันก็จ่ายเงินซื้อสื่อเพื่อปิดปากไม่กล้าโจมตี ปตท.

ปตท. มันจ่ายค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์บริษัทหลายแบบ หลายทาง

ปตท. มันให้เงินส่งเสริมสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการต่าง ๆ มากมาย สนับสนุนรายการทีวีเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นกระบอกเสียงให้ ปตท.

ปตท. มันจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือสังคมมากมาย

แต่อีกด้านหนึ่งของ ปตท. มันก็ขูดรีดประชาชนคนไทยเจ้าของทรัพยากรในแผ่นดินผืนนี้ อย่างเลือดเย็นเช่นกัน

กรณีอ่าวพร้าวคือตัวอย่างชัดเจน ในความตอแหลของ ปตท.

ปตท. มันก็สันดานเดียวกับทักษิณ ขูดรีดเสร็จ แล้วก็โยนเศษกระดูกให้คนไทยโง่ ๆ เพื่อให้คิดว่ามันคือบริษัทที่ดี รักสิ่งแวดล้อม

แต่อีกด้านนึง ปตท. มันก็เชือดเนื้อแถหนังคนไทยเอาไปกินแบบเลือดเย็นเช่นกันครับ

--------------

ใครเป็นเจ้าของ ปตท. ไม่สำคัญเท่าใครคุม ปตท.ได้

พวกฟายแดงล้มเจ้า มันจะมีตรรกะนึงคือ "ถ้าคุณรู้ว่าใครเป็นเจ้าของ ปตท. ตัวจริง รู้แล้วจะหนาว"

นี่คือตรรกะที่พวกแดงล้มเจ้าโง่ ๆ ชอบใช้

ผมเลยถามมันกลับไปว่า "ถ้ามึงคิดว่า ปตท. เป็นของคนที่มึงเชื่อจริงๆ  งั้นมึงทำไมไม่ออกมาทวงคืน ปตท. ให้เป็นของประชาชนจริง ๆ ล่ะวะ กูเห็นแต่ไอ้พวกฟายแดงอย่างมึง แม่งออกมาปกป้องราคาน้ำมันแพง ๆ และราคาแก๊สแพงๆ ของ ปตท. ตลอด"

ผมถามมันกลับแบบนี้ มันใบ้แดกสิครับ

จำไว้นะครับ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ใครถือหุ้น ปตท. เท่ากับ ใครส่งคนไปคุม ปตท.ได้ ต่างหาก


คลิกอ่าน ประชานิยมทักษิณ กับแชร์ลูกโซ่


ข้อคิดเรื่องการเร่งรีบล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์







มีข้ออ้างว่า ถ้าไม่รีบล้มรัฐบาลตอนนี้ชาติจะพังเสียก่อน

ไหนใครช่วยอธิบายมาหน่อยครับว่าจะล้มได้ยังไง ?

สำหรับผม มองเห็นอย่างเดียวที่จะล้มรัฐบาลได้คือ ทำแบบอาหรับสปริง พวกคุณต้องหยุดงานให้หมด ต้องเลิกขายของให้หมด แล้วออกมาร่วมกันล้มรัฐบาล

พวกคุณทำกันได้ไหม ต้องระดมคนให้เกิน 5 แสนคน ซึ่งรัฐบาลก็คงเลือกการปราบปรามเป็นวิธีสุดท้าย แต่รัฐบาลจะใช้วิธีปล่อยให้พวกเสื้อแดงออกมาประท้วงพวกคุณแทน

ซึ่งพวกคุณก็ต้องพร้อมเข้าแลกลุยกับเสื้อแดงเช่นกัน ตายเป็นตายเผาเป็นเผา เกิดเป็นสงครามระหว่างประชาชน 2 ฝ่าย!!

บ้านเมืองเกิดการจราลอย่างรุนแรง จนมีคนตายนับพันคน จนกว่าทหารจะทนไม่ได้ จนต้องเข้าแทรกแซง ยึดอำนาจ รักษาการ

แต่พวกเสื้อแดงก็ไม่ยอม มันยังออกมาเผาทั่วบ้านทั่วเมือง เผาสถานที่ที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นของพวกอำมาตย์ต่อไป

แบบนี้พวกคุณยังคิดจะล้มรัฐบาลหรือไม่ ?

ยิ่งตอนนี้พวกทหารก็พวกรัฐบาล เผลอ ๆ พวกคุณอาจตายเพราะทหารแบบในซีเรีย

แล้วพวกคุณต้องไปตั้งกองกำลังกบฎแบบซีเรีย หรือเข้าป่าแบบยุค 14 ตุลา แบบนี้จะเอาหรือไม่ ?

ถ้าเป็นแบบนี้เข้าทางพวกล้มเจ้าทันที เพราะประเทศไทยอาจต้องเปลี่ยนแปลงการปกครองไปเลย

เอ้า!  ถ้าโชคดีรัฐบาลเพื่อไทยยอมยุบสภา แต่เชื่อเถอะ เขาเลือกยุบในสถานการณ์ที่พวกเขาได้เปรียบแน่นอน

แล้วถ้ามีการเลือกตั้งในช่วงนี้พวกคุณแน่ใจหรือไม่ว่า เพื่อไทยจะไม่ชนะเลือกตั้งอีก อย่าแค่คาดว่า หรือคิดเข้าข้างตัวเองอย่างเดียว ต้องคิดเผื่อว่า ถ้าเพื่อไทยยังกลับมาเป็นรัฐบาลอีกล่ะ

ถ้าเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลอีก พวกมันก็จะใส่ร้ายพวกคุณทันทีว่า พวกฝ่ายต่อต้านรัฐบาลได้ทำให้ประเทศชาติเสียหาย จนต้องเสียงบประมาณในการเลือกตั้งใหม่ เพราะเลือกตั้งใหม่ พวกฝ่ายต่อต้านมันก็แพ้อยู่ดี จนทำให้เศรษฐกิจประเทศต้องหยุดชะงัก

แล้วสิ่งที่พวกรัฐบาลชั่วมันทำผิดพลาด พวกมันจะกลับมาโยนความผิดให้พวกต่อต้านรัฐบาลแทน และจะโทษพวกต่อต้านรัฐบาลว่า คือตัวต้นเหตุที่ทำให้ประเทศไทยต้องล้มเหลวในเรื่องเศรษฐกิจ

แถมทักษิณมันก็จะหัวเราะอย่างสะใจที่มันคือผู้ชนะตลอดกาล !! 

ส่วนพวกฝ่ายต่อต้านทักษิณก็คือไอ้พวกขี้แพ้ ไอ้พวกแพ้ซ้ำซาก !! ไอ้พวกนิยมระบอบอำมาตย์ !!

ผมบอกหลายครั้งแล้วว่า ประเทศจะพังก็ให้มันพังเพราะพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่พังเพราะพวกคุณ ไม่งั้นพวกคุณก็แพ้วันยังค่ำ

การเอาชนะในการเลือกตั้งใหญ่เท่านั้น คือหนทางที่ถูกต้องที่สุด

ต้องทำให้คนไทยส่วนใหญ่เชื่อพวกคุณว่ารัฐบาลนี้มันเลว ถ้าพวกคุณทำไม่ได้ ถึงมีเลือกตั้งใหม่ ก็แพ้พรรคเพื่อไทยอยู่ดี

หากเพื่อไทยยังชนะอีก พวกมันจะแกร่งขึ้น แต่พวกต่อต้านจะอ่อนแอลง

เพราะตอนนี้คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อว่า นโยบายของเพื่อไทยมันทำลายชาติ เพราะเขายังไม่เห็นหายนะจะจะ มาเยือนเขา

แล้วยิ่งถ้าพวกคุณไม่ยอมรับการเลือกตั้ง คุณก็จะกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาคนทั้งโลกครับ

ถ้าเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลอีก แล้วพวกคุณออกมาประท้วงอีก ทีนี้เพื่อไทยยิ่งมีความชอบธรรมในการปราบปรามพวกคุณ

อยากให้ดูอียิปต์เป็นตัวอย่าง ถ้ายังไม่สามารถทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมันเลวจริง ๆ

ไทยเราก็จะกลายเป็นเหมือนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่อียิปต์

/@akecity

-------------------



ข้อความด้านบน เป็นข้อความที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เอาชนะการเลือกตั้งปี 2535 ภายหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬได้

ผมเชื่อว่า ผู้ชุมนุมล้มระบอบทักษิณไม่ต้องการความรุนแรง แต่ฝ่ายเสื้อแดงนั่นแหละ ที่จะก่อความรุนแรงตามคำสั่งทักษิณ

--------------------


ผมขอแนะนำว่า การชุมนุมต่อต้านรัฐบาลต้องมีต่อไป แต่ต้องเป็นการชุมนุมช่วยให้คนตาสว่าง ไม่ใช่มุ่งแต่จะล้มรัฐบาลอย่างเดียว

ยิ่งถ้าจัดการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลให้ได้ทั่วกรุงเทพ หรือทั่วประเทศได้ ยิ่งดี เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 ปี รัฐบาลก็จะครบวาระแล้ว

สำหรับผม ผมคิดเหมือนอาจารย์วันชัย สอนศิริ ที่ว่า ยิ่งอยู่นานรัฐบาลนี้มันจะพังเอง เพราะความจริงมันจะโผล่มาทำลายพวกมันเอง

เพราะหากใครรีบชิงล้มรัฐบาลตอนนี้ พวกรัฐบาลมันจะถือโอกาสนำโครงการที่ล้มเหลวไปโทษที่ฝ่ายต่อต้านทันที เช่น โครงการรับจำนำข้าวทำให้พวกอำมาตย์เสียประโยชน์ เลยหาเรื่องใส่ร้ายรัฐบาล

เชื่อผม หากหายนะไม่มาถึงตัวพวกเสื้อแดง เลือกตั้งกี่ทีเพื่อไทยก็ยังมีโอกาสชนะสูงครับ

พวกฟายแดงหลายตัวเป็นประเภท ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ไม่เห็นหายนะมาเยือนไม่เลิกโง่

ส่วนเวทีต่อต้านทักษิณก็ต้องให้ความรู้ประชาชนต่อไป เพราะเสื้อแดงหายโง่ก็มีจำนวนเยอะขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว

/@akecity


---------------------

เหตุการณ์เผชิญหน้าของประชาชนเกือบจะเกิดขึ้นอย่างเต็มที่มาแล้ว ในปี 2549

ช่วงที่ พธม.ขับไล่ทักษิณ ทักษิณก็ได้เตรียมการนำเสื้อแดงหรือประชาชนที่สนับสนุนมาชนกับกลุ่ม พธม. จนอาจเกิดสงครามกลางเมืองได้

นี่คือเหตุผลสำคัญที่ คมช. ทำรัฐประหารทักษิณ อ้างเพื่อไม่ต้องการให้เกิดภาวะการเผชิญหน้าของประชาชน 2 ฝ่าย จนเกิดสงครามกลางเมือง

แต่เมื่อรัฐประหารแล้ว จนวันนี้ปัญหาความแตกแยกของคนไทยก็ยังไม่จบ จรืงไหม ?

และแม้ กม.นิรโทษกรรมผ่านสภาจนสำเร็จ ทักษิณอาจเดินทางกลับไทย ก็จะมีผู้คนออกมาไปประท้วงขับไล่ทักษิณ

คุณว่า เหตุการณ์แบบ 6  ตุลาคม 19 จะหวนกลับมาอีกหรือไม่ ?

กรณีทักษิณจะร้ายกว่ายุคถนอม ประพาส เพราะถนอม ประพาสเป็นเผด็จการทหาร คนไทยส่วนใหญ่เห็นในทิศทางเดียวกัน

แต่กรณีทักษิณ คนส่วนใหญ่เห็นมันคือฮีโร่ประชาธิปไตย พวกที่ออกมาต่อต้านคือพวกนิยมอำมาตย์ กลายเป็นพวกชื่นชมเผด็จการไป ถ้ารัฐบาลจะปราบพวกนิยมเผด็จการ พวกเสื้อแดงทั้งแผ่นดินมันจะชอบใจ สมน้ำหน้า ครับ

เชื่อผมหากทักษิณกลับมา อย่าใจร้อน ปล่อยให้เหมือนในบทความนี้ของผมดีกว่า

คลิกอ่าน แผนสังหารทักษิณ

คำประกาศเป่านกหวีดของเทพเทือก






"เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้นปี๊ดแรก ผมจะมาเดินนำขบวนพี่น้องเอง

ส่วนพี่น้องที่อยู่ต่างจังหวัด ให้ไปที่ศาลากลางได้ทันที แล้วตัดสินใจได้เลย

แต่ห้ามเผาบ้านเผาเมืองนะครับ เพราะมีแต่พวกเหี้ยเท่านั้นที่เผาบ้านเผาเมือง"

(ล้อเลียนคำประกาศของสุเทพ เทือกสุบรรณ)

555 /akecity

วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556

พระพุทธเจ้าประสูติแล้วเดินได้ 7 ก้าวจริงหรือ ?







พระมารดาของพระพุทธเจ้า หรือที่เรียกว่า พระพุทธมารดา เวลาทรงตั้งพระครรภ์ก็ไม่เหมือนคนท้องทั่วไป เพราะพระพุทธมารดายังคงมีหน้าท้องแบบเรียบเหมือนสาวแรกรุ่นทั่วไป

เวลาท้องก็ไม่มีพระอาดารแพ้ท้อง เวลาคลอดก็ไม่มีความเจ็บปวด คลอดง่าย และเป็นการยืนคลอดอีกด้วย

ตอนเจ้าชายสิทธิธัตถะประสูติ ไม่ต้องมีการตัดสายสะดือ ไม่มีมูกเลือดหรือรกจากครรภ์มารดา ทรงประสูติอย่างสะอาด

นี่คือ ปาฏิหาริย์สำหรับผู้ที่จะเป็นพระพุทธมารดาของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ซึ่งจะเป็นเช่นกับแม่ของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์

และหลังจากเจ้าชายสิทธิธัตถะประสูติได้ 7 วัน พระมารดาก็ทรงสิ้นพระชนม์ เสด็จไปประทับอยู่ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์

กรณีบุญลักษณะของพระพุทธมารดา มีเขียนไว้ในพระไตรปิฎก ลองไปหาอ่านเองนะครับ

เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ก็อยากตอบแทนพระคุณพระพุทธมารดา จึงเสด็จไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อเทศนาแสดงธรรมแก่พระมารดาตลอดช่วงเข้าพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน จนพระมารดาสำเร็จโสดาบัน

ครั้นเมื่อออกพรรษา พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็ได้แสดงพุทธปาฏิหารย์ เปิดโลก เปิดสวรรค์ เปิดนรก ให้ทั้งสามโลกมองเห็นกันทั่วว่า นรก สวรรค์ นั้นมีจริง !!

การแสดงธรรมตลอด 3 เดือนของพระพุทธเจ้าบนสวรรค์ หากจะว่าไปแล้ว ก็เพียงแค่เสี้ยวเวลาเดียวบนสวรรค์เท่านั้น

เพราะเวลาบนสวรรค์กับบนโลก แตกต่างกัน

------------------

หลังประสูติเจ้าชายสิทธิธัตถะ ทรงก้าวพระบาทได้ 7 ก้าวจริงหรือ ?

หลายคนบอกว่า คงเป็นแค่การแต่งเสริมเติมแต่งเท่านั้น ไม่มีทางที่เด็กที่เพิ่งเกิดจะเดินได้ทันที 7 ก้าวหรอก

แต่หลายคนคงไม่รู้ว่า แม้ในสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า นักโบราณคดีได้พบหินแกะสลักการประสูติของพระพุทธเจ้า ที่ถูกสร้างขึ้นในยุคพระเจ้าอโศกมหาราช ก็เป็นภาพเจ้าชายสิทธิธัตถะทรงยืนคู่กับพระมารดา เช่นกัน

ซึ่งสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชก็หลังจากสมัยพุทธกาลเพียงแค่ 200 กว่าปีเศษเท่านั้น นั่นแสดงว่า ความรู้ที่ว่า การย่างพระบาท 7 ก้าวของสิทธัตถะราชกุมาร มีมาแต่ดั้งเดิมแล้วไม่ใช่เป็นเรื่องแต่งขึ้นภายหลังในยุคไม่กี่ร้อยปีนี้

ซึ่งระยะเวลาในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชเป็นยุคที่พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองที่สุดในชมพูทวีป อีกทั้งยังมีพระอรหันต์อยู่มากมายในยุคนั้น

ดังนั้นระยะเวลาห่าง 200 กว่าปีของยุคพระเจ้าอโศกมหาราช ไม่ได้ห่างจากยุคพุทธกาลเท่าไหร่นัก การบันทึกประวัติศาสตร์ไม่น่าจะผิดเพี้ยน

ดังนั้นเรื่องที่สิทธัตถะราชกุมารยางพระบาท 7 ก้าวนั้น จึงน่าจะเป็นจริง

หินรูปการประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ ที่ถูกขุดพบใต้จุดที่มีหินสัญลักษณ์แสดงจุดประสูติของพระพุทธเจ้า ในสวนลุมพินีวัน ซึ่งเชื่อว่าหินนี้สร้างโดยคำสั่งของพระเจ้าอโศกมหาราช




มอยากจะบอกว่า ขนาดคนในยุคนี้ยังมีเด็กอัจฉริยะที่เรียนจบปริญญาเอกแค่อายุ 10 ขวบเท่านั้นก็มี

แต่พระพุทธเจ้าทรงเกิดมาเป็นมนุษย์ที่ประเสริฐที่สุดในโลก การย่างพระบาท 7 ก้าวจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

และในความจริงหลังจากเจ้าชายสิทธิธัตถะย่างพระบาท 7 ก้าว แล้วชูพระหัตถ์เหนือพระเศียร พร้อมตรัสว่า

"เราเป็นเลิศที่สุดในโลก ประเสริฐที่สุดในโลก การเกิดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของเรา"


ภาพการประสูติ ฝีมือครูเหม เวชกร

ลังจากย่างพระบาท 7 ก้าวและเปล่งวาจาแล้ว หลังจากนั้นเจ้าชายสิทธิธัตถะก็กลับมาเป็นเหมือนทารกปกติทั่วไป คือเดินไม่ได้อีกในวัยทารก

แต่ที่พระองค์ทรงย่างพระบาท 7 ก้าวได้นั้น นั่นคือโพธิสัตว์ปาฏิหาริย์ ของผู้จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า นั่นเองครับ

ถามว่า เป็นไปได้ไหมที่ทารกจะเดิน 7 ก้าว หรือเป็นแค่ความเชื่อและการแต่งเติมเรื่องอภินิหารเข้าไปเท่านั้น

โดย คห.ส่วนตัวผม ผมว่า เป็นไปได้ เพราะขนาดในยุคปัจจุบัน เรายังเคยเห็นเด็กอัจฉริยะที่สามารถเรียนมหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ จบด็อกเตอร์ได้ตอนอายุ 12 ขวบ ซึ่งเคยมีมาแล้วหลายรายในโลก

แต่กรณีที่เจ้าชายสิทธัตถะย่างพระบาท 7 ก้าวนั้น ก็ได้อธิบายแล้วว่า เป็นปาฏิหาริย์ของพระโพธิสัตว์

บุรุษผู้ที่กำเนิดมาเพื่อเป็นบุรุษที่ประเสริฐที่สุดในโลก และได้ตรัสรู้รู้แจ้งในสรรพสิ่ง  ซึ่งหลายกัปหลายกัลป์หลายอสงไขยกว่าจะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นสักพระองค์หนึ่ง ก็ย่อมไม่แปลกที่จะกระทำอะไรที่มนุษย์ในยุคปัจจุบันบอกว่า ไม่น่าเชื่อ

คลิกอ่าน ข้อคิดเรื่องการเกิด และการมีลูก


วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556

คำสารภาพของโจรมอมยาพระ






ขำสัส

นักข่าว "ทำไมคุณถึงชอบมอมยาพระล่ะคะ"

โจรมอมยา "ก็ผมรู้ว่า เวลาพระเดินทาง พระมักมีเงินติดตัวเป็นหมื่น ๆ ครับ"

นักข่าว "ไม่กลัวบาปเหรอคะ"

โจรมอมยา "ผมขโมยเงินพระพวกนี้ยังบาปน้อยกว่า ที่พระพวกนี้ไปหลอกให้ชาวบ้านมาถวายเงินครับ คิดดูพระมีเงินเกินบาทนึงไม่ได้ แต่พระที่ผมมอมยาแต่ละรูปรวย ๆ กันทั้งนั้น"

นักข่าว "แสดงว่าคุณกำลังช่วยปกป้องศาสนาเหรอคะ"

โจรมอมยา "ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ผมแค่ปล้นเงินโจรในผ้าเหลืองเท่านั้น"

นักข่าว "ถ้าไม่โดนจับเสียก่อน คุณเคยคิดจะเลิกอาชีพนี้ไหมคะ"

โจรมอมยา "เคยคิดจะเลิกหลายครั้ง แต่ก่อนเลิกผมก็อยากจะมอมยาพระอีกสักรูปก่อนจะวางมือครับ"

นักข่าว "พระรูปไหนคะ"

โจรมอมยา "ธัมมชโย แห่งวัดธรรมกายครับ"



(ปล. ธัมมชโย ปัจจุบันไม่ใช่พระ เพราะมันปาราชิกไปแล้ว)




คลิปนี้สังเกตดี ๆ จะมีช่วงหนึ่งเห็นเล็บนิ้วนาง และนิ้วกลาง ในมือขวาของไชยบูลย์ ทาเล็บสีเหลือง




วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556

แผนยกเขาพระวิหารให้เขมรของทักษิณ







ช่วงนี้ประเทศไทยโดนพายุนารีขี่ควายแดง ถล่มจนน้ำท่วมซ้ำในหลายจังหวัด แถมหนักกว่าเดิมที่ท่วมอยู่แล้ว

แต่รัฐบาลไทยกลับเห็นว่า ถึงน้ำจะท่วมหนักแค่ไหน ก็ไม่สำคัญเท่ารีบแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 190 หรอก เพราะเรื่องนี้สำคัญมาก ๆ

เรื่องรายละเอียดของมาตรา 190 ของรธน. 50 ผมไม่อยากลงรายละเอียด แต่เอาเป็นสรุปคร่าว ๆ ว่า ต่อไปรัฐบาลจะทำสนธิสัญญาอะไรกับต่างชาติ ก็ไม่ต้องผ่านสภาก็ได้

แนะนำไปคำอธิบายที่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ที่ บทความเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 คลิกอ่าน

นี่คือแผน1 ของทักษิณที่จะทำให้เขาพระวิหารอาจตกไปอยู่ในความครอบครองของเขมรได้ง่ายขึ้น

--------------------

แผน 2

เป็นที่รู้ ๆ กันว่า ไทยและเขมรกำลังรอคำตัดสินชี้ขาดของศาลโลกอีกครั้ง เกี่ยวกับเขาพระวิหาร

ดังนั้น แผนที่ 2 คือ แต่งตั้งยิ่งลักษณ์ให้มาเป็น รมว.กระทรวงกลาโหม

เพราะหากศาลโลกตัดสินให้เขมรชนะคดี รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็พร้อมที่จะทำตามคำสั่งศาลโลกแต่โดยดี โดยอ้างว่า ไทยเรามีมารยาทที่พร้อมจะรักษากฎกติกา จึงยอมรับคำตัดสินของศาลโลกแต่โดยดี

ทั้ง ๆ ที่ความจริง ไทยเราไม่ได้ยอมรับอำนาจศาลโลกมานานแล้ว

และที่ผ่านมากองทัพไทยมีหน้าที่ปกป้องแผ่นดินไทย แต่ถ้า รมว.กลาโหมหญิงคนแรก ไม่สั่งให้รบ กองทัพก็คงไม่กล้ารบโดยพลการ

นี่คือแผนของทักษิณที่ให้ยิ่งลักษณ์มาคุมกองทัพไทยโดยตรงนั่นเองครับ

หากไทยแพ้คดีเขาพระวิหาร ยิ่งลักษณ์ก็จะตีหน้าโง่เล่าความเท็จ โดยอ้างว่าเพื่อรักษาสัมพันธไมตรีที่ดีต่อประเทศเพื่อนบ้าน ไม่อยากให้เกิดสงคราม จึงขอทำตามคำตัดสินของศาลโลก แล้วยิ่งลักษณ์มันก็ยกแผ่นดินให้เขมรไปเลย

แต่ทั้งหมด ก็ต้องรอคำตัดสินของศาลโลกก่อนว่าจะออกมาแบบไหน

เช่น ถ้าไทยชนะคดี รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็จะถือโอกาสเอาหน้า เอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้พรรคประชาธิปไตย์ และฝ่ายต่อต้านทักษิณ ว่าพวกนี้ใส่ร้ายทักษิณขายชาติมาโดยตลอด

แต่ถ้าไทยแพ้คดี ก็จะเป็นดั่งที่ผมคาดการณ์ไว้คือ ยิ่งลักษณ์จะยอมยกเขาพระวิหารให้เขมรแต่โดยดี

ผมขอถามคุณผู้อ่านว่า ถ้าไทยแพ้คดี เราต้องเสียผามออีแดง สระตราว สถูปคู่ คุณคนไทยทั้งหลายยอมรับได้หรือไม่ ?

ส่วนต่อไปถ้าเสียพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบเขาพระวิหารแล้ว ต่อไปไทยจะเสียอะไรตามมาอีก

เขมรก็จะรุกคืบใช้แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน เพื่ออ้างสิทธิยึดดินแดนไทยเพิ่มขึ้นในอีกหลายจังหวัดทางอีสานและภาคตะวันออกครับ เพราะถือว่า ศาลโลกได้รับรองแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนแล้ว




การเจรจาปักปันเขตแดนไทยเขมร ยังไม่เสร็จสิ้น

หากศาลโลกตัดสินให้เขมรชนะคดี ศาลโลกรับรองแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ของเขมรถูกต้อง

การปักปันเขตแดนกันใหม่ ก็จะเปลี่ยนแปลงไป นั่นแหละ อีสานหลายจังหวัดอาจได้เป็นของเขมรแน่ ๆ

-------------------

แผน 3

เมื่อไทยกับเขมร เป็นมิตรที่ดีต่อกัน แถมมาตรา 190 ก็แก้ไขจนเข้าทางทักษิณแล้ว

ต่อไปหากรัฐบาลน้องสาวทักษิณ จะไปทำสัญญาสัมปทานแบ่งผลประโยชน์กับเขมร หรือชาติอื่น ๆ เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย ก็ไม่ต้องผ่านสภาเช่นกัน

ยิ่งถ้าเขมรได้เขาพระวิหารไปครอง ทรัพยากรทางทะเลก็ต้องเปลี่ยนแนวไป เขมรจะได้มากขึ้น ส่วนไทยเราได้น้อยลง

ซึ่งตรงนี้เราไม่อาจรู้ได้ว่า ทักษิณจะได้แบ่งเค้กก้อนโตจากเขมรเท่าไหร่

เตะหมูเข้าปากทักษิณสบาย ๆ ไปเลย ครับ

พูดง่าย ๆ คือ งานนี้ทักษิณมีแต่ได้กับได้ ไม่มีเสียทั้งขึ้นทั้งร่อง

--------------

สุดท้าย แผนเหนือเมฆ

ทำไมทักษิณถึงตั้งไอ้ปิ้ง สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล เป็น รมว.ต่างประเทศ รู้ไหม ?

เพราะคำพังเพยที่ว่า คบเด็กสร้างบ้าน คบหัวล้านสร้างเมือง ซึ่งพังเพยนี้เป็นพังเพยในทางประชดประชัน

เพราะเด็กมันจะมาสร้างบ้านได้ไง ? เพราะเด็กก็คือเด็ก ยังติดเล่น ยังติดสนุก ไม่สนใจการงานเท่าที่ควร ถ้าใครมัวเสียเวลาเล่นกับเด็ก จะเสียเวลางานการเปล่า ๆ ถ้ากำลังสร้างบ้าน บ้านก็จะสร้างไม่เสร็จ ทำนองนั้น

คบหัวล้านสร้างเมือง ก็หมายถึง คนหัวล้านมักคิดเล็กคิดน้อย ใจน้อย เพราะมีปมด้อยที่หัวล้าน ถ้าให้หัวล้านมาช่วยสร้างเมืองหรือทำงานใหญ่ ก็มักจะสำเร็จได้ยาก

ดังนั้น คำพังเพยที่แท้จริงคือ คบเด็กเสียบ้าน คบหัวล้านเสียเมือง

เมื่อให้ไอ้ปิ้ง หัวล้าน มาเป็น รมว.ต่างประเทศ ก็เสี่ยงจะเสียเมืองสูง  เพราะมันเป็นกาลกิณีของบ้านเมือง 555


คลิกอ่าน คนศรีสะเกษ คงอยากยกผามออีแดงให้เขมรมั้ง

บังยี เด็กใคร ถึงชนะสมัยที่ 4






บังยี เป็นเด็กใคร ใครก็รู้ ก็บังยียังนั่งเป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อทุย อยู่เลยในวันนี้ ไม่เชื่อไปดูที่เว็บพรรคเพื่อทุย ได้เลย !!

และที่น่าเกลียดพอ ๆ กับหน้าไอ้เหลี่ยม คือ ทีม BEC สังกัดทีวีช่องประชาหนีคุก มันดันให้บังยี เป็นตัวแทนทีมไปลงคะแนนเลือกตั้งได้ด้วยนี่สิ

สมบัติซบจริงเลย

---------------

คำทื่อเพื่อควาย !!

พวกไพร่ขี้ข้า เห็นไอ้ขี้ขำเป็นทองคำฉันใด
สโมสรฟุตบอลไทย ย่อมเห็นขี้หมาเป็นอาหารฉันนั้น

ขี้ข้าชอบเงินชั่วฉันใด สโมสรฟุตบอลไทยก็ชอบ บังยี ฉันนั้น
ชาตินี้ไม่ต้องไปไหน อยู่แม่ง แค่ซีเกมส์เท่านั้นแหละ 555 /@akecity


-------------

ยุคอีโง่กับขี้ข้าบังยี ถ่ายทอดสดทีมชาติไทยผ่านช่อง 11 ต้องมีโฆษณาคั่น

ถ้าจะไม่ให้มีโฆษณาคั่น กูก็ไม่ถ่าย !!

ไอ้เหลี่ยมมันจะรู้ไหมว่า บังยีชนะคราวนี้ ทำให้เสื้อแดงหลายคนที่รักบอลไทย เปลี่ยนใจและหายโง่ เลิกเป็นควายแดงก็ในวันนี้นี่แหละ

---------------------

ขำขันกับฟุตบอลไทย

บังยี "นายใหญ่ครับ ผมต้องใช้เงินวิ่งเต้นอย่างน้อยสัก 40 ล้าน เพื่อให้ได้คะแนนเกินครึ่งครับ"

นายใหญ่ "ได้ ! ไม่มีปัญหา แต่ว่าอย่าลืมถอนทุนคืนให้ผมสัก 25 ล้านล่ะ ที่เหลือถือว่าผมช่วย"

บังยี "ไม่มีปัญหาครับนาย เรื่องยักยอกผมทำมาหลายปีแล้ว แค่ 25 ล้านรับรองนายได้คืนในเวลาไม่นานแน่ครับ"

นายใหญ่ "ดีมากยี พวกสโมสรต่าง ๆ มันก็มีสันดานเหมือนไอ้พวกเสื้อแดงนั่นแหละ เห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้ามากกว่าความเสียหายของชาติ"

แล้วทั้งสองผู้ชั่วร้าย มันก็หัวเราะกันอย่างสะใจ 55555555


คลิกอ่าน ทักษิณกลัวใครมากที่สุด

วันพุธที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ดูจะจะ คำสอนเพี้ยน ๆ ของธัมมชโย







ลัทธิจานบิน ลัทธิที่ลวงหลอกผู้หลงผิดด้วยบุญว่า ยิ่งทำบุญเยอะ ๆ กับลัทธินี้เท่าไหร่ ก็จะช่วยให้ร่ำรวย ๆ มากขึ้น ๆ

ลัทธินี้แม่งรับแต่เงิน รับแต่สุข แต่ไม่ขอร่วมแบกทุกข์ของผู้ศรัทธา เพราะลัทธินี้ร่ำรวยจากการหลอกคนทำบุญ แต่พอคนทำบุญตาย

มึงไปเผาวัดอื่นไป๊ !!

ส่วนคลิปข้างล่างเป็นคำสอนที่สุดแสนมั่ว มีอย่างที่ไหนมันสอนว่า ไหว้พระพุทธรูป 1 องค์ก็ได้บุญเยอะแล้ว แต่ถ้าไหว้พระพุทธรูปล้านองค์ที่รายล้อมรอบธรรมเจดีย์จานบินครั้งเดียว ก็เท่ากับได้บุญมากกว่าไหว้พระพุทธรูปองค์เดียวนับล้านเท่า

ถ้าใครคิดว่าการไหว้พระพุทธรูปเยอะ ๆ ที่ลัทธินี้ดีกว่าไปไหว้ที่วัดอื่น เพราะไหว้ที่นี่ได้บุญมากกว่า เพราะมีพระพุทธรูปมากกว่าวัดอื่น

ใครคิดแบบนี้ ก็เดินทางผิดแล้วครับ ไม่ใช่ทางสายกลางที่พระพุทธเจ้าทรงสอนแน่นอน จะกลายเป็นทางแห่งความโลภมากกว่า



ถือเป็นการสอนผิด ๆ ด้วยการเน้นปริมาณบุญ ยิ่งมากยิ่งดี

โถ ๆ ยังมีคนหลงผิดดันไปเชื่อมันมากมาย

เพราะแท้จริงแล้ว การทำบุญเจตนาเพื่อลดละความโลภในใจเรา

ไม่ใช่สอนให้คนทำบุญแล้วกลับยิ่งมีความโลภมากขึ้น ๆ

ผมจะบอกอะไรให้ ยิ่งทำบุญหวังผล ก็ยิ่งได้บุญน้อย

แต่ถ้าทำบุญด้วยใจอยากจะทำเพราะจิตอยากเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่แก่ผู้อื่น ไม่ว่าจะเพื่อบำรุงพระศาสนา เพื่อช่วยเหลือพระสงฆ์ ช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก ด้วยจิตเมตตา กรุณา

นี่แหละ กุศลที่บริสุทธิ์แท้จริง

การสอนของลัทธิจานบิน เปรียบเสมือน คนทำบุญ 20 บาท แต่อธิษฐานขอให้ถูกรางวัลที่ 1 นั่นแหละ

ผู้ใดหลงผิดศรัทธาลัทธินี้อยู่ รีบถอยออกมาเถอะครับ ถอยออกมาแบบที่ผมได้ถอยออกมาแล้ว



วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สาเหตุที่ยิ่งลักษณ์ไม่ชอบเรียนวิชานาฎศิลป์







งานวิจัยมากมายได้พบว่า ถ้าเด็กเล็กยิ่งได้เล่นได้ออกกำลังกายในทุกส่วน จะทำให้สมองของเด็กเติบโตและพัฒนาได้ดี และถ้าเด็กๆ ได้เล่นกลางแจ้งก็จะทำให้เด็กมีภูมิต้านทานโรคดีขึ้นด้วย

และถ้าให้ดีที่สุด ก่อนเด็กอายุ 6 ขวบ ควรให้เด็กห่างไกลทีวี และคอมพิวเตอร์ให้มากที่สุด เพราะนั่นคือสิ่งทำลายพัฒนาการการเรียนรู้การเจริญเติบโตสมองอย่างเต็มที่ของเด็ก

แล้วทำอย่างไรที่จะทำให้เด็กไทยมันโง่ลง ?

ก็ให้เด็กมันเล่นและออกกำลังกายน้อยลง เล่นกลางแจ้งน้อยลงน่ะสิ ด้วยการแจกของเล่นที่ชื่อว่า แท๊บเล็ต มาให้เด็กเล่นน่ะสิ แล้วอ้างว่า นี่คืออุปกรณ์การเรียนที่จะช่วยให้เด็กไทยฉลาดขึ้น

ซึ่งนี่คือการเอาของเล่นหลอกเด็กมาให้เด็กไทยเสพ ส่วนเด็กและผู้ปกครองไทยก็หลงจะเชื่อว่า แท๊บเล็ต จะทำให้ลูก ๆ ของพวกเขาฉลาดขึ้น

นี่คือแผนชั่วทำลายอนาคตของชาติของมายาซาตานที่มีนามว่า ไอ้ขี้ขำหน้าเหลี่ยม !!


-----------------

ขำขัน

นักข่าว "ท่านนายกฯ ชอบเรียนวิชานาฎศิลป์ไหมค่ะ"

ยิ่งลักษณ์ "ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ค่ะ เพราะถ้ามัวแต่รำไทย จะทำให้เรียนเลขไม่เก่งค่ะ พี่แม้วเคยบอกไว้ว่า ต่อไปเราจะเป็นนักธุรกิจ ต้องสนใจวิชาเลขให้มาก ๆ อย่ามัวไปเรียนรำไทยให้เสียเวลาเรียนเลขค่ะ"

นักข่าว "อ๋อ เข้าใจแล้วค่ะ มิน่าล่ะ ท่านนายกถึงได้เก่งเลขมากๆ "

แล้วนักข่าวก็พากันอมยิ้มแอบขำกันใหญ่ ส่วนยิ่งลักษณ์ก็อมยิ้มอย่างภูมิใจ ^ ^


อุตสาหกรรมเครื่องไฟฟ้าไทยถดถอย เพราะประชานิยม









เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2256 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์นั่งเป็นประธานประชุมโต๊ะกลมร่วมกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องปรับอากาศ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลนั้น

เพราะว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเลคโทรนิคส์ของไทยได้ถดถอยลงอย่างมาก จนตอนนี้คู่แข่งอย่างเวียดนามใกล้จะส่งออกแซงไทยแล้ว

ซึ่งเท่าที่ผมตามอ่านข่าวจากหลายสื่อ ไม่ค่อยมีสื่อไหนลงรายละเอียดที่ว่า ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องไฟฟ้าได้ติงนโยบายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่า

รัฐบาลไม่ควรใช้นโยบายประชานิยมเรื่องค่าแรงและเงินเดือนในการหาเสียงและกำหนดเป็นนโยบายของรัฐบาลอีก เพราะมันกระทบต่อต้นทุนการผลิตและลดอำนาจการแข่งขันของอุตสาหกรรมเครื่องไฟฟ้าไทยลงไป เพราะตอนนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าชองไทยมีราคาสูงกว่าคู่แข่ง

ซึ่งในปี 2556 นี้คาดว่า การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าของไทยจะถดถอยลงประมาณ 3 % และคาดกันว่า เวียดนามจะส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าสูงกว่าไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าแน่นอน

ข่าวนี้อาจไม่ใช่ข่าวใหญ่ในสายตาสื่อมวลชนไทย แต่สำหรับผม ผมว่า มันใหญ่นะ เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไทยเราถือว่าเป็นผู้นำด้านการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อการส่งออก แต่นั้นมันคือยุคที่เวียดนาม จีน ยังไม่เปิดประเทศเหมือนเช่นทุกวันนี้

แต่วันนี้หลายประเทศได้เปิดประเทศ และเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยไปแล้ว

กรณีตัวอย่างนึงของยี่ห้อเครื่องไฟฟ้าญี่ปุ่น ที่เคยลงหลักปักฐานให้ไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ นั่นก็คือ Sanyo ซึ่งวันนี้ Sanyo ได้ปิดกิจการในประเทศไทยไปแล้วครับ

ส่วนซัมซุงไปเปิดโรงงานในเวียดนามแล้วหลายโรงงาน

นโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์หลายอย่าง เป็นการทำเพื่อหวังอำนาจรัฐ โดยไม่สนว่า อนาคตประเทศไทยจะเจ๊งอย่างไร

อย่างโครงการรับจำนำข้าวคือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ว่าประเทศไทยใกล้จะเจ๊งแล้ว หากยังฝืนทำโครงการนี้ต่อไป


วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เสกสรรค์ ประเสริฐกุล วีรชน14ตุลาตกยุค







ผมบอกตามตรง ผมฟังเสกสรรค์ ประเสริฐกุลพูด เนื่องในครบรอบ 14 ตุลาแล้ว ผมขอบอกว่า ผมว่า แกตกยุคไปแล้ว เป็นพวกประชาธิปไตยคร่ำครึ ที่เห็นว่า เผด็จการทหารมันเลวร้ายไปหมด

นั่นแสดงว่าความเป็นอาจารย์ของเสกสรรค์ ไม่ได้ช่วยให้เสกสรรค์วิเคราะห์อะไรในมุมมองสองด้านได้ดีเท่าที่ควร

แถมเสกสรรค์ ยังกล่าวหาชนชั้นกลางในกรุงเทพ ที่เคยขับไล่เผด็จการในพฤษภา 2535 ว่ากลายเป็นพวกชนชั้นกลางอนุรักษ์นิยมไปแล้ว

คือแกคงด่าอ้อม ๆ ว่า คนกรุงเลือกประชาธิปัตย์ เป็นพวกอนุรักษ์นิยม หรือแกเห็นคนกรุงเทพฯ ให้ดอกไม้ทหารเมื่อตอนล้มทักษิณ แกเลยรับไม่ได้

ผมจะบอกอะไรให้ ถ้าประเทศไทยในวันนั้น ไม่ใช่เผด็จการ ป่านนี้ไทยเราเป็นคอมมิวนิสต์ไปแล้ว

รัฐบาลถนอม ได้รับการสนับสนุนจากอเมริกาเพราะอะไรล่ะ ?

พวก 14 ตุลาบางคน มันตกยุคไปแล้วจริง ๆ ที่มันมองว่า เผด็จการทหาร เลวร้ายกว่า เผด็จการที่จากการเลือกตั้ง ที่มาพร้อมกับการคอรัปชั่นแบบถูกกฎหมายที่พวกกูออกเอง (การแก้กฎหมายเอื้อผลประโยชน์พวกพ้อง)

สิ่งที่เสกสรรค์พูด อย่างเช่น ชนชั้นกลางจากชนบทขับเคลื่อนประชาธิปไตย ที่พูดมาก็โง่ ๆ เพราะลองไปดูผลการเลือกตั้งในเขตอำเภอเมือง และเทศบาลเมือง ชนชั้นกลางในต่างจังหวัดในหลายจังหวัด แม้กระทั่งในหลายจังหวัดทางภาคอีสาน ก็ไม่เอาพรรคเพื่อไทยทั้งนั้น

เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ดูเหมือนฉลาดในสายตาคนทั่วไป เพราะแกได้ชื่อว่าเป็นผู้นำนักศึกษาในยุค 14 ตุลา 16 แต่ถ้ามองจริง ๆ แกเป็นคนมีความรู้ด้านเดียว มากกว่า เป็นประเภทศาสตราจารย์ในกะลา เพราะแค่การชื่นชมประชานิยมของทักษิณ ก็เท่ากับแกไม่ได้มีความรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์อะไรเลย

แถมที่เสกสรรค์ไปยกย่องเสื้อแดงว่า เป็นชนชั้นกลางรุ่นใหม่นั้น ยิ่งชี้ให้เห็นว่า เสกสรรค์ แกเป็น 14 ตุลาตกยุคแล้วจริง ๆ เพราะพฤติกรรมพวกฟายแดงที่ผ่านมา ดิบถ่อยเถื่อน นี่ไม่ใช่จิตวิญญาณประชาธิปไตยแน่นอน

เพราะประชาธิปไตยที่แท้จริงคือ การมีมารยาทให้เกียรติผู้เห็นต่าง แต่พวกฟายแดงมันถ่อยคุกคามข่มขู่หรือหวังจะทำร้ายผู้เห็นต่าง นี่หรือประชาธิปไตย

ผมขอจัดให้เสกสรรค์ไปอยู่ในร่วมไฟลัมฟายแดง ในระบอบขี้ข้าธิปไตยแล้วกัน


ผมอยากให้คนไทยทุกคนด้วยซ้ำให้ได้อ่านบทความ 2 บทความนี้ เพราะนี่คือการวิเคราะห์ที่ไม่บ้าประชาธิปไตยจนโง่ เหมือนพวก 14 ตุลาตกยุคบางคน นั่นก็คือ

บทความทำไมทหารต้องฆ่าประชาชนที่โดนหลอกมาตาย
http://akelovekae.blogspot.com.au/2012/11/blog-post.html

บทความแรกผมวิเคราะห์ที่มาที่ไปของระบอบคอมมิวนิสต์ในภูมิภาคนี้ และเรื่องแนวคิดทหาร และทำไมนักศึกษา 14 ตุลาหลายคนถึงจงรักภักดีสถาบันกษัตริย์อย่างมาก

และบทความ พวกไม่จงรักภักดีตอน4 เผด็จการ
http://akelovekae.blogspot.com/2008/12/4.html

บทความนี้ คุณจะเห็นว่า เผด็จการที่เลวร้าย ก็ยังร้ายน้อยกว่า เผด็จการในคราบทุนนิยมสามานย์ที่มาจากการเลือกตั้ง



สุดท้ายอยากจะบอกว่า เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ได้ฆ่าตัวตายกลางปาฐกถา 14 ตุลา ครบ 40 ปี

วันนี้ เสกสรรค์ ประเสริฐกุลตายไปแล้วจริง ๆ ตายจากอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่แท้จริง


วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2556

คำสารภาพของทักษิณ ใครฆ่าประชาชน






คำสารภาพของทักษิณ

ถาม "คุณทักษิณห่วงไหมว่า ความจริงเรื่องใครยิงประชาชนตาย99ศพเมื่อปี 53 จะถูกเปิดเผย ?"

"ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ไอ้เรื่องที่ยิงตายเนี่ย นี่ บังเอิญว่าไอ้พวกที่เป็นมือปืนทั้งหลายเนี่ย มันเสื้อแดงทั้งนั้นแหละครับ พวกมือปืนทั้งหลายมันเสื้อแดงทั้งนั้นล่ะครับ มันเห็นเสื้อแดงมันยิง.." ทักษิณโฟนเอ๋งวิดิโอลึงค์



ฮ่าฮ่าฮ่า ชัดเจนแจ่มแจ๋ว สมควรเอาไอ้หัวหน้าโจรไปตัดหัว 7 ชั่วโคตร

ถ้าไอ้ตัวพ่อมันไม่อยู่ ก็สมควรเอาไอ้ตัวลูกเมีย น้องสาวของมันไปประหารซะก่อนเลย  ถ้าเป็นท่านเปาชิงเทียนตัดสินนะ ไอ้พวกโคตรชินวัตรมันโดนเครื่องประหารหัวสุนัขไปแล้ว

แล้วทำไมไอ้จุลสิงห์ อดีตอัยการสูงสุด มันถึงแถว่า ทักษิณไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย เพราะอยู่ต่างประเทศ

เหอะ ๆ เพราะไทยมีอัยการสูงสุดเหี้ย ๆ แบบนี้นี่เอง พวกหนักแผ่นดินมันถึงได้เต็มบ้านเต็มเมือง

คลิกที่รูปเพื่ออ่านข่าว




ทักษิณกลัวอะไรมากที่สุด







ขำขัน จากนักโทษจรจัดไปถึงแยกอุรุพงษ์

ไอ้แจ๊ส "พี่ครับ พวกต่อต้านพี่มันดื้อไม่เลิกชุมนุมกันง่าย ๆ เลยครับพี่แม้ว"

ทักษิณ "ปล่อยมันชุมนุมไปเถอะแจ๊ส มันทำอะไรพี่ไม่ได้หรอก เพราะเดี๋ยวนี้พี่เลิกกลัวม็อบแล้ว แจ๊สก็รู้ว่าพี่คุมตั้งแต่เด็กอนุบาล อัยการสูงสุด ทหารไป ยันศาล รธน. ทุกอย่างอยู่ในมือพี่หมดแล้ว

ไอ้แจ๊ส "พี่ไม่เหลืออะไรที่กลัวบ้างเหรอครับ ผมจะได้ไปเตรียมการป้องกันไว้ก่อน"

ทักษิณ "ตอนนี้พี่เหลือเรื่องที่กลัวอยู่อย่างเดียวคือ.. ก็คือ พี่กลัวคนไทยจะฉลาด กลัวพวกเสื้อแดงมันหายโง่น่ะสิ แจ๊ส"

แล้วไอ้แจ๊ส กับไอ้เหลี่ยมจรจัด ก็หัวเราะฮากันแบบสะใจ

55555 /@akecity


จั๊ดจัดให้ !!




ข้อคิด เมื่อผู้อื่นมาทำให้เราทุกข์






เมื่อมีคนมาทำร้ายเรา มาเบียดเบียนเรา มาทำให้เราทุกข์ เมื่อมันผ่านไปแล้ว หน้าที่ของเราคือ อโหสิกรรม ให้แก่ผู้เบียดเบียนเรา

เพราะการที่เราได้รับทุกขเวทนาจากการถูกผู้อื่นทำร้าย ถูกเบียดเบียน มันเป็นส่วนบาปกรรมเก่าที่เราต้องชดใช้

เพราะเมื่อเรารู้สึกทุกข์เพราะคนอื่น เช่นเพราะคนที่เรารักทำให้เรารู้สึกเจ็บหรือทุกข์ก็ตาม

แต่จริงๆ แล้ว ขอให้เราระลึกว่า ที่จริงมันคือกรรมที่เราเคยทำกับคนอื่นไว้ เราเจ็บและทุกข์อย่างไร ให้รู้ว่าในอดีตเราเคยทำคนอื่นเจ็บแบบนั้นเช่นกัน

เช่น บางทีเราพูดจาไม่ดีกับพ่อแม่

แต่เมื่อพ่อแม่พูดไม่ดีกับเราบ้าง เราอาจไม่เจ็บไม่ทุกข์

กรรมเลยจัดสรรให้เราไปเจอคนที่เรารักคนอื่นมาพูดให้เราเจ็บและทุกข์แทน เป็นต้น

วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องคืออะไร

ก็คือ ให้ดูที่ใจว่า ทุกข์นี้เกิดจากใจเราเอง เกิดจากผลกรรมของเราเองในอดีตกำลังส่งผล

คนที่มาทำให้เราทุกข์เป็นแค่กรรมจัดสรรของเราเอง อย่าไปโทษคนอื่นว่าเขามาทำให้เราทุกข์ เพราะนั่นคือการก่อเวรต่อกันอีกไม่รู้จบ

จงให้อภัย เพื่อกรรมของเราจะได้จบ ส่วนถ้าคนอื่นเขาก่อกรรมไม่ดีกับเราจริงหรือไม่นั้น มันก็กรรมของเขาเอง เราอย่าพยาบาทจองเวร

เพียงเท่านี้บาปกรรมของเราก็จะไม่เพิ่มขี้น

เราไม่ต้องไปจองเวรอาฆาตเขา เพราะหน้าที่ของเราคือใช้กรรมในส่วนที่เป็นของเราเท่านั้น

หากเรายังอาฆาตแค้นแก่ผู้เบียดเบียนเรา เราก็จะไม่หลุดพ้นบ่วงเวรบ่วงกรรมนั้น เป็นการจองเวรจองกรรมซึ่งกันและกัน

ซึ่งนั่นคือบ่อเกิดแห่งการไม่มีทางพ้นทุกข์จากวัฏสงสารหรือการเวียนว่ายตายเกิดได้เลย

และเมื่อเราไม่ก่อบาปเพิ่ม วิบากกรรมที่เรากำลังประสบจะค่อย ๆ ลดลง แล้วในที่สุดเราก็จะพ้นจากทุกข์นั้นได้ โดยที่เราแค่อดทนเท่านั้น

สุขทุกข์ล้วนอยู่ที่ใจเราเอง พอวิบากกรรมหมด จู่ ๆ ใจเราก็หมดทุกข์ไปง่าย ๆ ได้เอง

---------------

สำหรับเรื่องการอโหสิกรรมให้แก่ผู้ที่เบียดเบียนเรา ทำให้เราทุกข์นั้น

แต่หลายคนอาจลืมคิดไปว่า การอโหสิกรรม นี่ช่างประเสริฐยิ่งนัก ไม่ใช่แค่ทำให้เราเลิกจองเวรจองกรรมเท่านั้น

การอโหสิกรรม เป็นกุศลกรรมที่มีอานุภาพมากที่สุดเช่นกัน เป็นเสมือนเชื้อเพลิงสะสมที่ช่วยพาเราไปสู่สุคติ เรื่อยไปจนถึงสำเร็จมรรค ผล นิพพานได้เลย

เพราะ อโหสิกรรม ก็คือ อภัยทาน นั่นเอง

อภัยทาน คือ กุศลสูงที่สุดอย่างหนึ่งในพุทธศาสนา บางครั้งอานิสสง์อาจสูงยิ่งกว่า ธรรมทานด้วยซ้ำ

เพราะแม้แต่ผู้รู้ธรรมะ เผยแพร่ธรรมะมามากมาย บางครั้งก็ยังให้อภัยทานไม่ได้เลย ซึ่งมีอยู่มากมาย

บางครั้งการให้อภัยทาน อาจทำได้ยากกว่าการเผยแพร่ธรรม

ต่อให้เผยแพร่ธรรมไปหลายร้อยหลายพันชาติ ก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้หากไม่เคยให้อภัยทานแก่ผู้มาเบียดเบียนเราทุกผู้ทุกนาม

-----------------------


ผู้ให้ธรรมทาน เป็นผู้ให้ปัญญา ซึ่งบางครั้ง ผู้ให้ธรรมทานกลับทำเองไม่ได้มีมากมาย

จึงมีข้อถกเกียงว่า ระหว่างธรรมทาน กับ อภัยทาน อย่างไหนมีอานิสงส์มากกว่ากัน

"การให้ธรรมทานชนะการให้ทั้งปวง" ข้อความนี้จริงแท้แน่นอน แต่ผู้ให้ธรรมทานจะต้องเข้าใจและปฏิบัติธรรมที่ตัวเองสอนผู้อื่นได้เองด้วยนะ ถึงจะเป็นธรรมทานที่บริสุทธิ์โดยแท้จริง และมีอานิสงส์มากที่สุด

ไม่ใช่สอนธรรมะผู้อื่น แต่ตัวเองกลับปฏิบัติเองไม่ได้ ผู้ให้ธรรมทานผู้นั้นก็ไม่อาจหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดไปได้

เช่น พระญี่ปุ่นรูปหนึ่งได้สอนธรรมะให้ประชาชนมานานกว่า 30 ปี อาจช่วยให้คนบรรลุธรรมไปแล้วก็ได้ พระญี่ปุ่นย่อมได้อานิสสงส์มากที่ช่วยให้ผู้อื่นบรรลุธรรม

แต่พระญี่ปุ่นเองกลับตัดกิเลสความรักความใคร่เองไม่ได้ ก็เลยสึกออกไปแต่งงานกับผู้หญิงที่ตัวเองรัก นี่ก็คือตัวอย่างนึงของผู้ที่สอนธรรมแก่ผู้อื่น แต่ตัวเองยังละกิเลสไม่ได้

ส่วนอภัยทาน ถือเป็นส่วนหนึ่งของธรรมทาน และไม่ได้มีเฉพาะแค่ในพระพุทธศาสนา ไม่ใช่ต้องเรียนธรรมะในพุทธศาสนาเท่านั้น จึงจะกระทำได้

แต่การให้อภัยทาน เกิดได้ทุกที่ ทุกแห่ง ทุกเวลา ทุกศาสนา เกิดขึ้นได้กับทุกคน หรือแม้แต่ในยุคที่ไม่มีพุทธศาสนาอยู่เลย ก็ยังสามารถให้อภัยทานได้

ความสงบ สันติสุข ไม่เบียดเบียน จองเวรกัน มีพื้นฐานมาจาก การให้อภัยทาน ทั้งสิ้น

ฉะนั้นการให้ อภัยทาน จึงยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับมวลหมู่สรรพสัตว์ทั้งหลายครับ

------------------------

"อภัยทานัง อามิสทานัง ชินาติ" ซึ่งแปลว่า "การให้อภัยทานย่อมชนะเสียซึ่งการให้ทั้งปวง" ดังนี้

อภัยทาน อภัยทานนี้เป็นการให้ทานที่ไม่ต้องลงทุนด้วยวัตถุ แล้วก็เป็นทานสูงสุด

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ใครเป็นผู้มีอภัยทานประจำใจ คนนั้นก็เป็นผู้เข้าถึงปรมัตถบารมีแล้ว

คำว่า ปรมัตถบารมี นี้เป็นบารมีสูงสุดเป็นบารมีที่จะทำให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน

ผู้ใดไม่รู้จักการให้อภัยทาน ผู้นั้นมิอาจหลุดพ้นจากสังสารวัฏได้

ต่อให้บรรยายธรรมแก่ผู้อื่นมานับร้อยนับหมื่นชาติ ก็ไม่อาจหลุดพ้นได้ ถ้าตัวเองยังไม่รู้จักการให้อภัยทานครับ





counter statistics