วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เหตุผล 3 ข้อที่ทำให้พระอานนท์สำเร็จอรหันต์ช้า






เดิมพระอานนท์ ทรงเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพระพุทธเจ้าของเรา เพราะทรงเป็นเจ้าชายแห่งราชสกุลศากยวงศ์ ซึ่งเป็นราชสกุลเดียวกับพระพุทธเจ้า โดยเจ้าชายอานนท์ทรงเป็นพระโอรสของพระเจ้าสุกโกทนะ ผู้เป็นพระอนุชาของพระเจ้าสุทโธทนมหาราช พระพุทธบิดา

เมื่อพระอานนท์ได้อุปสมบทแล้ว ได้ศึกษาธรรมจากสำนักของท่านพระปุณณมันตานีบุตร ไม่นานก็ได้สำเร็จโสดาปัตติผล

ต่อมาพระอานนท์จึงได้กราบทูลขอพร 8 ประการจากพระพุทธเจ้า หากพระองค์ทรงประทานพร 8 ประการนี้ พระอานนท์ก็จะรับตำแหน่งพุทธอุปัฏฐาก

พรที่พระอานนท์ขอจากพระพุทธเจ้าทั้ง 8 ข้อมีดังนี้

1. ถ้าจักไม่ประทานจีวรอันประณีตที่พระองค์ได้แล้วแก่ข้าพระองค์
2. ถ้าจักไม่ประทานบิณฑบาตอันประณีตที่พระองค์ได้แล้วแก่ข้าพระองค์
3. ถ้าจักไม่โปรดให้ข้าพระองค์อยู่ในที่ประทับของพระองค์
4. ถ้าจักไม่ทรงพาข้าพระองค์ไปในที่ที่ทรงรับนิมนต์ไว้

5. ถ้าพระองค์จักไปสู่ที่นิมนต์ที่ข้าพระองค์รับไว้
6. ถ้าข้าพระองค์จะพาบริษัทซึ่งมาแต่ที่ไกลเพื่อเฝ้าพระองค์ได้ในขณะที่มาแล้ว
7. ถ้าความสงสัยของข้าพระองค์เกิดขึ้นเมื่อใด ขอให้ได้เข้าเฝ้าทูลถามเมื่อนั้น

8. ถ้าพระองค์ทรงแสดงธรรมเทศนาอันใดในที่ลับหลังข้าพระองค์ จักเสด็จมาตรัสบอกพระธรรมเทศนานั้นแก่ข้าพระองค์อีก

พระพุทธเจ้าตรัสถามถึงโทษและอานิสงส์ที่ทูลขอพร 8 ประการนี้

พระอานนท์จึงกราบทูลว่า ถ้าข้าพระองค์ไม่ทูลขอพรในข้อ 1-4 ก็จักมีคนพูดได้ว่า ท่านรับตำแหน่งพุทธุปัฏฐาก เพื่อหวังลาภสักการะอย่างนั้น ๆ เพื่อป้องกันปรวาทะอย่างนั้น ข้าพระองค์จึงได้ทูลขอพร 4 ข้อนี้

ถ้าข้าพระองค์ไม่ทูลขอพรในข้อ 5-7 ก็จักมีคนพูดได้ว่า พระอานนท์บำรุงพระศาสดาไปทำไม เพราะกิจเท่านี้พระองค์ก็ยังไม่ทรงสงเคราะห์เสียแล้ว

แล้วหากข้าพระองค์ไม่ทูลขอพรข้อ 8 เมื่อมีคนมาถามลับหลังพระพุทธองค์ว่า คาถานี้ สูตรนี้ ชาดกนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสที่ไหน?

ถ้าข้าพระองค์ตอบเขาไม่ได้ เขาก็จะพูดได้ว่า พระอานนท์เฝ้าติดตามพระผู้มีพระภาคเหมือนเงาของพระองค์อยู่เป็นเวลานาน ทำไมเรื่องแค่นี้ยังไม่รู้?

ครั้นพระอานนท์ได้ทูลชี้แจงแสดงโทษในข้อที่ไม่ควรได้ และอานิสงส์ในข้อที่ควรได้อย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคจึงทรงประทานพรตามที่พระอานนท์กราบทูลขอทุกประการ

จากนั้นพระอานนท์จึงได้รับตำแหน่งพุทธอุปัฏฐาก และได้อุปัฏฐากพระพุทธองค์ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาจนถึงวันเสด็จดับขันธปรินิพพานของพระผู้มีพระภาค เป็นเวลา 25 พรรษา

ตั้งแต่วันที่ได้ตำแหน่งอุปัฏฐาก พระอานนท์ก็ได้อุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยดี กิจที่ท่านทำเป็นประจำแก่พระพุทธเจ้าคือ

ถวายน้ำสรง 2 ครั้ง, ถวายไม้ชำระพระทนต์ 3 ครั้ง, นวดพระหัตถ์และพระบาท, นวดพระปฤษฏางค์, ปัดกวาดพระคันธกุฏี และบริเวณพระคันธกุฏี ไปไหนก็ไม่ไกลพระศาสดา คิดอยู่เสมอว่า เวลานี้พระศาสดาควรจะได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ เราควรทำสิ่งนี้ ๆ

ในเวลากลางคืนท่านก็ถือด้านประทีปดวงใหญ่ เดินตรวจไปรอบบริเวณพระคันธกุฏีที่ประทับ 9 ครั้ง ด้วยคิดว่า ถ้าเราง่วงนอน นอนหลับก็จะไม่อาจขานรับเมื่อพระศาสดาเรียกหาได้ ท่านจึงไม่ปล่อยด้ามประทีปจากมือตลอดคืนยันรุ่ง
ด้วยเหตุนี้ในบรรดาพระภิกษุผู้เคยอุปัฏฐากพระพุทธเจ้ามาแล้ว จึงไม่มีใครทำได้เสมอเหมือนท่าน

(ย่อความจากประวัติพระอานนท์ ในสารานุกรม พระไตรปิฎก ฉบับธรรมทาน)
--------------------

ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า

"อานนท์! พุทธบริษัททั้ง ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ทำสักการะบูชาเราอยู่ด้วยเครื่องบูชาสักการะทั้งหลายอันเป็นอามิส เช่น ดอกไม้ ธูป เทียน เป็นต้น หาชื่อว่าบูชาตถาคตด้วยการบูชาอันยิ่งไม่ อานนท์เอย! ผู้ใดปฏิบัติตามธรรมปฏิบัติชอบยิ่ง ปฏิบัติธรรมให้เหมาะสม ผู้นั้นแลชื่อว่าสักการะบูชาเราด้วยบูชาอันยอดเยี่ยม"

คุณผู้อ่านครับ เห็นไหมครับว่า โดยเนื้อแท้แล้ว พระพุทธเจ้าไม่ทรงสรรเสริญผู้สักการะบูชาพระองค์ด้วยอามิสเท่าไหร่นัก เช่น ดอกไม้ ธูป เทียน (แต่ไม่ทรงห้าม)

เพราะการบูชาสักการะพระพุทธเจ้าที่ถูกต้องที่สุดก็คือ การปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้าต่างหาก

ฉะนั้นพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จงอย่าหลงมัวเมายึดติดแต่เปลือกและพิธี หลงในการสักการะบูชาพระพุทธเจ้าและภิกษุทั้งหลายด้วยอามิสบูชาจนกลายเป็นความหลงงมงายในบุญอีกเลย หันมาสนใจใฝ่หาศึกษาและปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องดีกว่าครับ

(ไม่ใช่ไปหลงเชื่อสมีบางคนที่แอบอ้างเรื่องให้พระเดินบนกลีบดอกไม้มาหลอกขายบรรดาสาวกแล้วว่าจะได้บุญมหาศาล แถมยังมีพระระดับสูงก็พลอยหลงใหลได้ปลื้มการเดินบนดอกไม้อีกด้วย)


แล้วคุณผู้อ่านเห็นพรที่พระอานนท์ทูลขอจากพระพุทธเจ้าไหมครับ โดยเฉพาะในข้อ 1 และข้อ 2 นั่นคือ พระอานนท์ขอไม่ให้พระพุทธเจ้าประทานอาหารอันประณีตหรือจีวรอันประณีต ที่พระพุทธเจ้าได้รับถวายมาจากฆราวาสแก่พระอานนท์

พระอานนท์ทรงเป็นแบบอย่างในความมักน้อยและสมถะยิ่งนัก แล้วพระสงฆ์ในสมัยนี้ล่ะ ??


จนเมื่อครั้นพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พระอานนท์ซึ่งได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้ามามีความจำเป็นเลิศ เพราะติดตามรับใช้พระพุทธเจ้าอย่างใกล้ชิด และยังได้รับการสอนธรรมจากพระพุทธเจ้าในทุกเรื่องตามที่พระอานนท์เคยขอพรในข้อที่ 7 และข้อที่ 8 ไว้

ดังนั้นพระอานนท์ฺจึงได้รับมอบหมายจากพระอรหันต์อีก 499 รูป ซึ่งมีพระมหากัสสปะเป็นประธานสงฆ์อรหันต์ ให้พระอานนท์มาเข้าร่วมกันสังคายนาพระไตรปิฎกเป็นครั้งแรกในพุทธศาสนา

แต่มีปัญหาว่า พระอานนท์ยังไม่สำเร็จอรหันต์ จึงเกิดความกดดันตัวเองอย่างมาก จึงไม่สำเร็จพระอรหันต์เสียที

ทำไมพระอานนท์ถึงสำเร็จอรหันต์ช้า ไม่ทันพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ทั้ง ๆ ที่ใกล้ชิดพระพุทธเจ้ามากที่สุด

มีเหตุผล 3 ประการที่ทำให้พระอานนท์สำเร็จอรหันต์ช้า ก็คือ

1 พระอานนท์สั่งสมบารมีธรรมไม่มากพอ หรือมีอินทรีย์บารมีญาณยังไม่แก่กล้าพอที่จะสำเร็จอรหันต์ได้ทันก่อนที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน

2 เหตุเพราะพระอานนท์ถูกกดดันจากความสงสัยจากพระรูปอื่น ๆ ที่พากันสงสัยว่า ทำไมพระอานนท์ยังไม่สำเร็จอรหันต์สักที ทั้ง ๆ ที่จดจำคำสอนของพระพุทธเจ้าได้มากที่สุด ใกล้ชิดพระพุทธองค์มากที่สุด

และเหตุเพราะ พระอรหันต์อีก 499 รูป ยังคงรอให้พระอานนท์สำเร็จอรหันต์ เพื่อมาร่วมกันสังคยนาพระไตรปิฎกครั้งแรก

3 พระอานนท์รู้สึกตัวเองเป็นตัวถ่วง จึงเกิดความกดดันตัวเอง พยายามเร่งความเพียรให้มากขึ้นเพื่อหวังสำเร็จอรหันต์โดยเร็ว แต่ยิ่งเพียรมากเท่าไหร่ก็ยิ่งไกลห่างมากขึ้นเท่านั้น

จนเมื่อคืนหนึ่งที่พระอานนน์เอนกายล้มตัวลงนอน ด้วยความเหนื่อยล้าจากความเพียร แล้วเอ่ยว่า "สำเร็จก็ดี ไม่สำเร็จก็ช่าง"

เพียงเท่านี้แค่ศรีษะพระอานนท์ยังไม่ทันลงถึงหมอน พระอานนท์ก็สำเร็จอรหันตผลทันที

นั่นคือ เมื่อพระอานนท์ปล่อยวางตัณหา หรือความอยากจะเป็นพระอรหันต์ลงได้ ท่านก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในทันทีครับ

------------

พระอนิลมาน ผู้สืบเชื้อสายศากยวงศ์สายเดียวกับพระอานนท์


สมเด็จพระสังฆราช กับ พระอนิลมาน ธมฺมสากิโย หรือพระ ดร.อนิลมาน ศากยะ ภาพ : ไทยโพสต์


พระอนิลมาน หรือพระศากยวงศ์วิสุทธิ์ พระผู้รับใช้ใกล้ชิดของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ นั้น ท่านเป็นผู้สืบเชื้อสายศากยวงศ์เดียวกับพระอานนท์

ในยุคบรรพกาล ได้มีชนเผ่าเชื้อสายอริยกะหรืออารยัน (ชาวเปอร์เซียโบราณ)  อพยพเข้ามาตั้งรกรากและราชธานี ณ เชิงเขาหิมาลัย

ศากยวงศ์ทั้งหลายมีเชื้อชาติเป็นชาวอริยะหรืออารยัน ซึ่งเหล่าศากยวงศ์ ล้วนมีลักษณะเฉพาะตัวที่สำคัญประการหนึ่งคือ ถือตัวจัด ด้วยถือว่าชาติตระกูลของตนอยู่ในวรรณะกษัตริย์ อันเป็นวรรณะสูงสุด แม้ในเหล่าวรรณะกษัตริย์ด้วยกัน เจ้าแห่งศากยะก็ถือตัวว่ายิ่งใหญ่และบริสุทธิ์โดยสายเลือดกว่าใคร ๆ

พระอนิลมาน ธมฺมสากิโย เดิมเป็นชาวเนปาล* สมเด็จพระสังฆราช ทรงอุปถัมภ์ มาตั้งแต่อายุ ๑๔ ปี และทรงสั่งสอนหลักธรรมในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และส่งเสริมให้ท่านเรียนรู้ จนกระทั่งเดินทางไปเรียนจบ ปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ

ท่านเป็นพระภิกษุเชื้อสายศากยวงศ์รูปแรกที่บรรพชาและอุปสมบท สนองงาน สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ตั้งแต่เป็นสามเณร รวมถึงเป็นพระรูปแรกที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนส่วนพระองค์ เรียนจนจบปริญญาเอก (*ปัจจุบัน ท่านเปลี่ยนสัญชาติเป็นชาวไทยแล้ว)

โดยพระอนิลมาน เล่าเรื่องศากยวงศ์ไว้ว่า

"ต้นตระกูลอาตมาเกี่ยวโยงกับตระกูลที่ย้ายมาค้าขายที่กาฐมาณฑุ สมัยพุทธกาล"

พระอนิลมาน บอกความเป็นมาของตระกูลศากยะของตน ก่อนอธิบายว่า หลักฐานที่มี อยู่เป็นภาษาสันสกฤต เป็นคัมภีร์ที่เขียนขึ้นในราวศตวรรษที่ ๒ หรือ ๓ ชื่อ “มูลสราวาสติวาทิน”

คัมภีร์กล่าวว่า มีญาติของพระอานนท์มาค้าขายอยู่ที่กาฐมาณฑุ เมื่อมีพ่อค้าจาก
กรุงกบิลพัสดุ์ มาค้าขายที่กาฐมาณฑุ ญาติพระอานนท์จึงเข้าถามพ่อค้าว่า เจอพระอานนท์บ้างหรือไม่

พ่อค้าบอกว่าเจอประจำ เมื่อใดที่เห็นพระพุทธเจ้าก็จะเห็นพระอานนท์นั่งอยู่ข้าง ๆ

ดังนั้น ญาติพี่น้องเลยขอร้องให้พ่อค้าช่วยกราบทูลพระอานนท์ว่า มีญาติพี่น้อง ของท่านมาตกยากอยู่ที่กาฐมาณฑุ อากาศหนาว เดินทางลำบาก อยากจะไป กราบพระอานนท์ แต่ไม่สามารถเดินทางไปได้ อยากให้มาโปรดญาติพี่น้องบ้าง

เมื่อพ่อค้าส่งข่าวถึงพระอานนท์ ท่านจึงเดินทางไปเยี่ยมญาติ เมื่อกลับถึงที่ประทับ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปรากฏว่าเท้าแตก

พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็น ตรัสถามว่าได้ความว่า เพราะพระอานนท์ไป เยี่ยมญาติที่กาฐมาณฑุมา อากาศหนาวมาก จะสวมรองเท้าก็ไม่ได้ เพราะผิดพระวินัย

พระพุทธองค์จึงตรัสว่า ถ้าเป็นการเดินทางลักษณะนี้ควรใส่รองเท้าได้

"คัมภีรมูลสราวาสติวาทินนี้ โยงได้ว่า ต้นตระกูลของอาตมาที่กาฐมาณฑุ เป็น ตระกูลเดียวกัน อาตมาเป็นญาติทางพระอานนท์"

ดังนั้น ราชวงศ์ศากยะ สายพระอานนท์ ยังคงสืบเชื้อสายมาจนถึงทุกวันนี้

ที่มาประวัติพระอนิลมาน http://www.trueplookpanya.com/true/ethic_detail.php?cms_id=24215


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น




counter statistics