วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559
ที่กรุงเทพฯ น้ำท่วมหนัก ก็เพราะกรมอุตุนิยมห่วย ?
เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน 2559 ผมได้ดูข่าวภาคเช้าทางทีวี ก็มีรายงานสภาพอากาศว่า กทม. จะมีฝนตกน้อยลง เหลือประมาณ 20 % ของพื้นที่
พอผมได้ฟังแบบนี้ ก็ตีความว่า กรุงเทพฯ แทบไม่มีฝนตกเลย หรือถ้ามีก็คงตกน้อยมาก ๆ เรียกว่า สบายใจได้เลย
แต่ที่ไหนได้ พอตกเที่ยง ๆ บ่าย ๆ ของวันที่ 20 มิถุนายน 2559 ก็มีฝนตกหนักในกรุงเทพฯ ซะแล้ว เริ่มมีน้ำรอการระบายในหลายพื้นที่
เห็นผู้ว่าฯ กทม. พูดว่า ตอนกลางวัน ฝนก็ตกไปประมาณ 80 มม./ชม. แล้ว ซึ่งถือว่าตกหนัก ทำให้น้ำในคลองต่าง ๆ เริ่มเต็ม
แล้วพอตกค่ำคืนของวันจันทร์ที 20 มิ.ย. ก็มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ อีกรอบ โดยเฉพาะย่านเขตลาดพร้าว เขตจตุจักร เขตห้วยขวาง เขตสุทธิสาร ตกเกือบทั้งคืน จนหยุดตกไปประมาณตี 4 ครึ่งของเช้าวันอังคารที่ 21 มิถุนายน
หมู่บ้านของผมน้ำท่วมแบบไม่รู้ตัวเลย เพราะผมมัวแต่ดูฟุตบอลยูโร กว่าจะจบตอนตี 4 พอออกมาดูหน้าบ้าน อ้าวเฮ้ย !! น้ำท่วมสูงเลย
แล้วพอเช็คข่าว จส.100 สรุปว่า น้ำท่วมหนักเกือบทั่วกรุงเทพฯ มีบางเขตเท่านั้นที่ฝนตกเล็กน้อยเท่านั้น
เช้าวันที่ 21 น้ำท่วมทำเอาคนกรุงเทพฯ หลายเขตสาหัสสากรรจ์กันไปเลย
ส่วนผมน่ะเหรอ แทนที่จะออกจากบ้านตอน 06.30 น. ตามปกติ ก็เลยออกไม่ได้ เพราะน้ำท่วมในหมู่บ้านยังสูง รถเล็กยังวิ่งไม่ได้
ผมต้องรอน้ำลดไปถึง 09.30 น. นั่นแหละ ถึงพอจะขับรถลุยน้ำออกไปได้ แล้วรถก็ติดสาหัสตั้งแต่ในซอยยันถนนใหญ่
เห็นผู้ว่า ฯ กทม. บอกว่า ฝนที่ตกตอนกลางคืนอีก 100 กว่า มม./ชม. ถ้ารวมฝนที่ตกตอนกลางที่ผ่านมาอีก 80 มม./ชม. ก็เท่ากับว่า ภายในเวลาไม่ถึง 24 ชม. มีฝนตกมากร่วม ๆ รวมแล้ว 200 มม./ชม. โดยประมาณ
ถ้าฝนตกมากขนาดนี้ในวันเดียว ที่ไหน ๆ ในโลกก็ท่วมครับ
-------------------
ความห่วยของกรมอุตุนิยมวิทยาไทย
คือ ที่จริงผมรู้ว่า การทำนายสภาพอากาศของกรมอุตุฯ ไทยน่ะห่วยมานานแล้ว เพราะผมเจอเข้ากับตัวเองประจำ โดยเฉพาะเรื่องการทำนายฝนตกแบบผิด ๆ น่ะ
แต่ยังไม่เคยเก็บหลักฐานไว้
แต่เหตุการณ์น้ำท่วมหนักกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมาเนี่ย ผมต้องโทษกรมอุตุฯ เต็ม ๆ เลยว่า ทำนายผิดอย่างมาก ตามรูปนี้ครับ
เห็นไหมครับ กรมอุตุนิยม ทำนายว่า วันที่ 20 มิถุนายน 2559 ตั้งแต่เวลา 06.00 วันนนี้ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ กรุงเทพฯ จะมีฝนแค่ 20 % ของพื้นที่เท่านั้น ซึ่งการทำนายแบบนี้โดยทั่วไปก็คือ แทบไม่มีฝนตกเลย
ถ้ากรมอุตุฯ ทำนายฝนมาแบบนี้ วันนั้นทางกรุงเทพมหานครเขาก็จะไม่พร่องน้ำในคลองลงเท่าไหร่ หรือแทบไม่พร่องน้ำในคลองเลย ก็ฝนตกน้อยนี่นา
แต่ที่ไหนได้ ฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 20 แถมตกค่ำก็ตกหนักอีกจนถึงตี 4 ของเช้าวันที่ 21 จนน้ำท่วมหนัก รถติดวินาศสันตะโร
เผอิญมีคนเข้าไปด่ากรมอุตุ ฯ ที่ทำนายสภาพอากาศผิดพลาดที่เฟสบุ๊คของกรมอุตุฯ เหมือนกัน ตามนี้
สรุปคือ ถ้ากรมอุตุนิยมวิทยาทำนายสภาพฝนได้ถูกต้องแม่นยำ ทางกรุงเทพมหานครและสำนักการระบายน้ำก็จะได้เตรียมการรับมือน้ำท่วมได้ถูกต้องมากขึ้น จะได้เตรียมพร่องน้ำในคลองต่าง ๆ รอไว้
ปัญหาน้ำท่วม กทม. ก็อาจไม่หนักหนาสาหัสเท่าไหร่นัก แบบผ่อนหนักเป็นเบา
ผมว่า ถึงคราวต้องปฏิรูปกรมอุตุนิยมวิทยาไทยใหม่ได้แล้วมั้ง หรือไง ?
----------------
ขำ ๆ ท้ายบทความ
ชื่อเรียกใหม่ของ "อาบอบนวด"
วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2559
ขึ้นภาษีเครื่องดื่มมีน้ำตาล คือการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด
เมื่อสักช่วงเดือนที่ผ่านมา มีข่าวว่า คณะกรรมการปฏิรูปแห่งชาติเสนอให้ขึ้นภาษีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลให้สูงขึ้น เพื่อหวังจะให้คนไทยลดการกินหวานลง (เห็นว่าเจตนารมณ์ของแนวคิดนี้เขาอ้างแบบนี้)
ผมขอบอกเลยว่า พวกที่คิดแก้ปัญหาด้วยการขึ้นภาษีเพื่อหวังให้ประชาชนลดบริโภคสิ่งที่พวกผู้มีอำนาจไม่อยากให้ประชาชนบริโภคนั้น ถือเป็นความคิดแก้ปัญหาแบบมักง่ายที่สุด (ถ้าคิดได้แค่นี้ ไม่ต้องเรียนจบสูงหรอกครับ)
เพราะที่ผ่านมาเช่น การขึ้นภาษีบุหรี่ ภาษีเหล้า สุดท้ายก็ทำให้คนไทยลดการบริโภคสิ่งเสพติดเหล่านี้ไม่ได้เลย
แต่การขึ้นภาษีสินค้า กลับทำให้ผู้ผลิตสินค้าได้กำไรมากขึ้นต่างหาก เพราะการเพิ่มภาษีสินค้าของรัฐบาล ผู้ผลิตก็จะผลักภาระภาษีไปที่ผู้บริโภคอยู่ดี แล้วเปอร์เซนต์กำไรของผู้ผลิตก็จะเพิ่มตามไปด้วย (ผู้ที่เข้าใจระบบคำนวณต้นทุนสินค้าจะรู้ดี)
แต่กรณีขึ้นภาษีสิ่งเสพติดนั้น โอเค ผมไม่ได้สนใจมากนัก เพราะมันคือสิ่งเสพติด
แต่ในกรณีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ดันมีคนในคณะกรรมการปฏิรูปโง่ ๆ บางคนเสนอแนวคิดขึ้นภาษีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล โดยอ้างแบบโง่ ๆ อีกเช่นเคยว่า หวังให้คนไทยบริโภคหวานน้อยลง
---------------
ถ้าขึ้นภาษีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล คิดว่าจะกระทบต่อการผลิตน้ำตาลในประเทศหรือไม่ จะกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยหรือไม่
แล้วมันยุติธรรมหรือไม่ ถ้าขึ้นภาษีเฉพาะเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล เป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่
ต่อมาเลยมีคนเสนอว่า ถ้ามีเจตนาอยากให้คนไทยลดการบริโภคหวานจริง ๆ ทำไมไม่ขึ้นภาษีวัตถุดิบที่ต้นทางของการผลิต นั่นคือ ขึ้นภาษีน้ำตาลไปเลยล่ะ
แต่น้ำตาลไม่ใช่สารเสพติด ไม่ใช่สิ่งเสพติด และน้ำตาลมีประโยชน์มาก ๆ ในอุตสาหกรรมอาหารตั้งแต่ในครัวเรือนไปจนอุตสาหกรรมอาหารขนาดใหญ่ และอุตสาหกรรมทางการแพทย์ และอื่น ๆ อีกมากมาย
ดังนั้นถ้ามีการขึ้นภาษีน้ำตาลจริง ๆ ขึ้นมา ก็จะกระทบอุตสาหกรรมสำคัญ ๆ ของประเทศไทยในวงกว้าง รวมถึงกระทบไปถึงทุกครัวเรือน แล้วจะมีผลทำให้ราคาสินค้าอีกมากมายขึ้นราคาตามไปอีกเป็นลูกโซ่ ทั้งยา ทั้งอาหารต่าง ๆ
ถามว่า สุดท้ายใครกันแน่ที่เดือดร้อน ?
ก็ประชาชนนั่นแหละครับที่เดิอดร้อน แต่ผู้ผลิตสินค้าเขาไม่ค่อยเดือดร้อนเท่าไหร่หรอก
--------------------
ผมว่า แนวคิดการขึ้นภาษีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลนั้น คงเริ่มมาจากการบริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเพื่อหวังชิงโชคอย่างบ้าระห่ำของคนไทย(บางส่วน)มากกว่า
คงไม่ต้องบอกหรอกนะครับว่า คนไทยบ้าดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงเพื่อหวังรวยจากรหัสใต้ฝานั้นมียี่ห้ออะไรบ้าง
เพราะตอนนี้มีกลยุทธ์หวยใต้ฝาแทบทุกยี่ห้อไปแล้ว
ถ้าอยากจะให้คนไทย(บางส่วน)เลิกบ้าหวยใต้ฝาจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง ๆ จำนวนมาก ๆ เพื่อหวังเล่นหวยอย่างบ้าระห่ำนั้น
ก็ง่ายนิดเดียว รัฐบาลออกกฎหมายห้ามเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลทุกชนิด ออกกลยุทธ์หวยรหัสใต้ฝา และกลยุทธ์การส่งชิงโชคทุกรูปแบบซะก็สิ้นเรื่อง
ทำไมพวกมีอำนาจในคณะกรรมการปฏิรูปดันไม่คิดวะ ???
เพราะการขึ้นภาษีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลน่ะ ไม่ทำให้คนไทย(บางส่วน)บริโภคหวานน้อยลงหรอก ตราบใดที่ยังมีหวยใต้ฝาให้ลุ้นโชคอยู่
เพราะคนไทย(บางส่วน)น่ะบ้าการพนันแฝงแบบนี้เข้าเส้นไปแล้ว ติดยิ่งกว่าสิ่งเสพติดเสียอีก ขอบอก คุณผู้อ่านว่าจริงไหม
แล้วคนไทยที่เขาดี ๆ ทานน้ำตาลแต่พอเหมาะ ดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลบ้างในบางครั้งเพื่อความสดชื่น เขาจะต้องมาซวยเพราะการขึ้นภาษีของรัฐไปด้วย มันสมควรแล้วหรือ
-----------------
ความเหมือนที่แตกต่าง
หลายวันก่อนผมฟังข่าววิทยุ เขารายงานข่าวว่า ทางการมาเลเซียกำลังจะลดภาษีให้เครื่องดื่มที่ลดปริมาณน้ำตาลลง เพื่อให้ราคาเครื่องดื่มที่หวานน้อยราคาถูกลง เพื่อจูงใจให้คนมาเลย์หันมาดื่มน้ำหวานลดลง
เห็นไหมครับ ทางการมาเลเซียเขาคิดลดภาษีเพื่อให้สินค้าราคาถูกลงเพื่อจูงใจประชาชน
แต่คณะกรรมการปฏิรูปแห่งชาติของไทย ดันคิดแต่จะเพิ่มภาษี เพื่อให้คนไทยซื้อของแพงขึ้น ห่วยจริง !!
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)