วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิเคราะห์โจรก่อการร้ายใต้ต่อต้านรัฐประหาร วันบิ๊กตู่ไปมาเลย์






ในวันที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแห่งรัฐบาล คสช. รัฐบาลเผด็จการ นั่นแหละ

ย้ำว่า รัฐบาลเผด็จการ นะโว้ย

ทาง 3 จังหวัดใต้ โดยในจังหวัดยะลา ก็เกิดป้ายของพวกโจรก่อการร้ายใต้ ออกมาติดป้ายประท้วงการเจรจาระหว่างไทย-มาเลเซียทันที



คลิกที่รูปเพื่อขยาย



ตอนสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ส่งคนไปเจรจาปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้ที่มาเลย์ ก็เคยไม่มีป้ายประท้วงลักษณะแบบนี้นะ เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์มาจากประชาธิปไตยเหรอ ??

แต่ตรรกะบนป้ายก็เพี้ยนอยู่ดี ตรงที่เขียนว่า "เพราะไม่มีสิ่งใดที่เป็นหลักประกันให้เชื่อว่าจริง"

เหอะ ๆ ตลกดีไหม โจรแม่งเสือกเรื่องการเจรจาเพื่อหาทางแก้ไขความไม่สงบ ทั้ง ๆ ที่ตัวมันเองนั่นแหละคือตัวปัญหาที่สำคัญที่สุด

เรื่องหลักประกันที่ว่าน่ะ ไม่มีในรัฐบาลไหนหรอก ไม่ว่าจะรัฐบาลรัฐประหารหรือรัฐบาลประชาธิปไตยสามารถให้ได้ทั้งนั้น เพราะตัวการหลักตัวปัญหามันคือ ไอ้พวกโจรใต้ที่ไม่ยอมมาเจรจาให้ครบทุกกลุ่มนั่นแหละ ดังนั้นความวุ่นวายไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลไทยเป็นรัฐบาลรัฐประหารหรือไม่

แล้วพวกโจรใต้ พวกมึงมีสิทธิอะไรมาเสร่อถามเรื่องหลักประกัน เพราะพวกมึงไม่มีค่าอะไรนอกจากสัตว์นรกในคราบคนเลวเท่านั้น หรือว่ามึงถามแทนมาเลเซีย เจ้านายของมึง ??

ไอ้พวกโจรใต้พวกมึงเลวยิ่งกว่าสัตว์นรก พวกมึงต่างหากที่ไม่มีหลักประกันอะไรว่า พวกมึงคือโจรที่มีอุดมการ์จริง ๆ เพราะมึงมันขี้ขลาดตาขาว หัดไปดูกลุ่มไอเอสเขาบ้าง ที่ดูว่าเขาโหด เขาเลว แต่เขากล้าเปิดเผยตัวตน เขาไม่ขี้ขลาดหน้าตัวเมียหลบในรูแม่เหมือนพวกมึงไอ้โจร 3 จังหวัดใต้


แต่ทีนี้ผมว่า บางทีป้ายนี้อาจไม่ใช่ป้ายของโจรใต้ตัวจริงทำน่ะสิ แม้จะมีการซ่อนระเบิดไว้ดักทหารด้วยก็ตาม

ปัญหาโจรภาคใต้ มันไม่ใช่แค่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนเท่านั้นแล้ว มันมีกลุ่มโจรค้าของเถื่อน กลุ่มโจรค้ายาเสพติด ผสมปนเปกันไปหลายกลุ่ม ที่ช่วย ๆ กันสร้างสถานการณ์ให้ไทยปั่นป่วน แต่ทั้งหมดก็ถือเป็นแนวร่วมเดียวกันคือ ทำเพื่อมาเลเซียทั้งสิ้น

รวมทั้งกลุ่มโจรที่รับใช้นักการเมืองในพื้นที่ ที่รับใช้นักการเมืองระดับชาติอีกทอดนึงด้วย

ปัญหาความสงบของภาคใต้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรัฐบาลมาจากรัฐประหารหรือรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งเลย พวกโจรปลอมเสือกมาเสร่อมากกว่า

---------------------

ตรรกะท้ายบทความ 

ถ้า โจรใต้ ต่อต้านรัฐประหาร และอยากแบ่งแยกดินแดน ?

เสื้อแดง ต่อต้านรัฐประหาร และอยากแยกประเทศเป็น ประเทศล้านา ย้ำ ล้านา เขียนไม่ผิดหรอก

พวกล้มเจ้าก็ต่อต้านรัฐประหาร มันอยากเปลี่ยนแปลงระบอบเลยไอ้พวกขั่วนี่ เปลี่ยนแปลงระบอบก็คือ ก็เหมือนเปลี่ยนประเทศใหม่

สรุป โจรใต้ = โจรเสื้อแดง = โจรล้มเจ้า พวกมันมีแนวคิดไม่ต่างกัน

แม่งเลวสัสเดียวกันทั้งนั้น

คลิกอ่าน แผนชั่วของมาเลเซียใน 3 จังหวัดใต้ไทย







วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ความปอดแหกของพวกล้มเจ้ากับพวกต่อต้านรัฐประหาร






"ถ้าคิดทำการใหญ่ ต้องไม่กลัวตาย" เรื่องแบบนี้นั้นไม่มีแน่ในหมู่พวกล้มเจ้า และพวกแอบอ้างประชาธิปไตยบังหน้า (ซึ่งไอ้พวกนี้คนละพวกกับพวกเสื้อแดง เพียงแต่ทำตัวเป็นเห็บหมัดของทักษิณ เกาะกระแสเสื้อแดงบังหน้าเท่านั้น)

เพราะอะไรผมถึงว่าเช่นนั้น ?

คือพวกล้มเจ้า อยากด่าเจ้า แต่ดันกลัวมาตรา 112 ก็ออกมาโชว์ความปอดแหก ออกมาเรียกร้องว่าให้ยกเลิกมาตรา 112 ลงเสีย เพื่อพวกมันจะได้ด่าเจ้า ใส่ร้ายเจ้าได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่มีความผิด

ทั้ง ๆ กฎหมายปกป้ององค์พระประมุขแบบมาตรา 112 มีอยู่ในทุกประเทศ เพียงแต่ว่า ประเทศไทยพวกล้มเจ้ามันเหี้ยและปอดแหกกว่าชาติใดในโลก พวกมันเลยแกล้งทำโง่หลอกควายแดงที่โง่กว่าว่า ประเทศอื่นเขาไม่มีกฎหมายแบบนี้ แล้วพวกควายแดงก็เชื่อโดยง่าย (ก็เพราะมันควายไง)

คนเราถ้าคิดจะต่อต้านอะไร ก็ต้องกล้าชนกับสิ่งนั้น ๆ ไม่ใช่บอกว่า เฮ้ยพวกกูอยากล้มเจ้า แต่พวกมึงช่วยล้มกฎหมายปกป้องเจ้าให้กูหน่อยสิ กูจะได้ไม่กล้ว กูจะได้ไม่ปอดแหก

ถุย !!! พวกล้มเจ้านี่แม่งสวะ แม่งปอดแหกจริง ๆ โดยเฉพาะไอ้พวกแกนนำ มีหน้าที่มโน แต่งนิยายหลอกควาย ส่วนตัวมันเองกลับหนีหางจุกตูดไปเมืองนอก แล้วส่งเรื่องมาหลอกให้พวกตะกวดที่ยังอยู่ในไทยออกไปสู้แทน

แต่ก็ยังดีอย่างคือ พวกตะกวดล้มเจ้าในไทยส่วนใหญ่มันก็ปอดแหกเหมือนแกนนำล้มเจ้านั่นแหละ มันเลยทำได้แค่เฮฮาในกะลา 555

----------------

หรืออย่างตอนนี้เป็นยุคเผด็จการ คสช. ชื่อก็บอกว่า นี่คือยุคเผด็จการ แต่ไอ้พวกคลั่งประชาธิปไตย อยากจะต่อต้านรัฐประหาร อยากจะต่อต้านเผด็จการ แต่ดันปอดแหก ไปขอร้องเผด็จการว่า นี่พวกเผด็จการช่วยยกเลิกกฎอัยการศึกให้พวกกูหน่อยสิ พวกกูอยากออกมาประท้วงขับไล่เผด็จการ 

(พอไม่มีกฎอัยการศึก ตอนนี้เรียกร้องให้เลิก ม.44 แทน)

ถุย !! ไอ้พวกนี้แม่งสวะประชาธิปไตยจริง ๆ

ผมจะยกตัวอย่างให้ไอ้พวกชั่วและโง่ได้เห็นตัวอย่าง

ที่อียิปต์ ประชาชนอียิปต์รุกฮือขับไล่อดีตประธานาธิบดีฮุสนี มูบารัค ที่ปกครองประเทศมา 30 กว่าปี

ต่อมากองทัพอียิปต์เข้าปกครองบ้านเมืองหลังหลังล้มอดีตประธานาธิบดี ฮุสนี มูบารัค ลงแล้ว รัฐบาลทหารก็ปกครองแบบแกล้งทำลืมว่า ต้องรีบคืนประชาธิปไตยให้ประชาชนโดยเร็ว จนผ่านไปปีกว่า ก็ยังไม่เห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วเสร็จสักที

จนประชาชนอียิปต์เริ่มทนไม่ไหว เลยออกมาประท้วงขับไล่รัฐบาลทหารออกไป รัฐบาลทหารก็ปราบปรามประชาชนที่ออกมาประท้วงเต็มที่ รัฐบาลทหารอียิปต์ประกาศเคอร์ฟิวส์ แต่ประชาชนอียิปต์ก็บ่ยั่น ไม่ถอย จนมีประชาชนบาดเจ็บล้มตายไปพอควร

จนในที่สุด รัฐบาลทหารก็ยอมถอยให้ประชาชนอียิปต์ ประกาศวันเลือกตั้งในเวลาต่อมา นั่นเพราะประชาชนอียืปต์เขาคือของจริง เขาไม่ปอดแหกเหมือนคนไทยที่คลั่งประชาธิปไตยแต่ปอดแหก

และที่น่ายกย่องอยู่อย่างคือ คนอียิปต์เขาไม่จองเวรทหาร พอทหารคืนอำนาจให้ก็ถือว่า จบกันไป

แต่พวกควายธิปไตยไทยแลนด์กลับไม่ใช่แบบนั้น เพราะมีอย่างที่ไหน พวกมึงอยากจะต่อต้านรัฐประหาร ดันบอกให้ทหารเก็บปืนก่อน ช่วยยกเลิกกฎอัยการศึกก่อน

กูว่า พวกมึงโง่แน่นอน แต่พวกมึงนี่โง่ขั้นแอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส คือ โง่ถึงขั้นอีเดียตเลยว่ะ 55555555

ถ้าพวกมึงเจ๋งจริงออกมาต่อต้าน ออกมาประท้วงเยอะ ๆ เลยสิวะ ถ้าพวกมึงแน่จริง !!

จำไว้ ถ้าพวกมึงอยากจะล้มอะไร ก็ต้องออกมากันเยอะ ๆ ออกมาเป็นหลายล้านคนยิ่งดี

เช่น ถ้าอยากล้ม ม.112 พวกมึงก็ต้องออกมาให้เป็นล้านคน ถึงจะมีโอกาสชนะ (เห็นหลายครั้งแล้วที่พวกล้มเจ้ามันโอ้อวดว่า พวกมันมีหลายล้านคนแน่นอน )

แล้วถ้าจะโดนจับ ก็ยอมให้จับไปเลยหลายล้านคน ให้คุกแตกไปเลย ดูซิจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ไหม

ไม่ใช่พวกมึงเอาแต่เห่าหน้าคอมฯ แล้วหวังจะให้ยกเลิก ม. 112  แถมอวดโง่คุยโอ้อวดกันแต่ในกะลาว่า พวกล้มเจ้าในไทยมีหลายล้านคน ถุยส์ !!

-----------------

พวกล้มเจ้า ไม่มีโอกาสกลับมาบอกว่า ผมผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว

คือพวกล้มเจ้ามันก็เฮฮาในหมู่พวกชั่วด้วยกัน โดยไม่รู้ตัวว่า วันใดที่ความตายแบบพิสดารจะมาถึงพวกมัน

พวกมันกลับไม่มีโอกาสได้กลับมาบอกพวกเดียวกันว่า เฮ้ย พวกมึงเลิกเลวได้แล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวตายแบบกูนะโว้ย

เช่น พวกล้มเจ้าอาจเบลอเหยียบคันเร่งจนขับรถตกลานจอดรถห้างลงมาตายเป็นต้น

หรือพวกล้มเจ้า เดินข้ามทางรถไฟ พอผัวตะโกนห้าม บอกว่า รถไฟกำลังมา แต่พวกล้มเจ้าดันมองไม่เห็นรถไฟ แถมไม่ได้ยินเสียงผัวตะโกนเตือน ก็ข้ามทางรถไฟจนโดนรถไฟทับตาย เป็นต้น

หรือบางครั้งพวกล้มเจ้า ก็ขับรถตกทางด่วนลงมาตายก็มี หรือบางทีพวกล้มเจ้าดันโดนหมาที่บ้านตัวเองกัดตายก็มี

หรือบางทีไปท่องเที่ยวพักผ่อน นั่งทานอาหารในรีสอร์ทกับครอบครัว ดันอยู่ ๆ ต้นไม้ใหญ่ในรีสอร์ทดันล้มมาทับตายก็มีมาแล้ว

หรืออยู่ดี ๆ ดันขี่มอไซค์แล้วขี่ไปชนเสาหลักกิโลจนตายห่าเองก็มี

หรือเดินห้างอยู่ดี ๆ แผ่นกระเบื้องดันหล่นลงมาใส่หัวตายก็มี

มีอีกมากมายที่พวกล้มเจ้าตายแบบพิสดาร แล้วพวกนี้ก็ไม่มีโอกาสได้กลับมาเตือนพวกชั่วด้วยกันว่า เฮ้ยพวกมึงหยุดเลวเถอะ ไม่งั้นพวกมึงจะตายประหลาดแบบกูนะโว้ย

เข้าใจนะ 5555



----------------

ขันขำ ประควายธิปไตย

ตัวแทนหมาไรเที่ยงคืน "ผมขอเรียกร้องให้ยกเลิกประกาศกฎอัยการศึก"

นักข่าว "ทำไมต้องยกเลิกล่ะคะ คุณเดือดร้อนตรงไหนที่มีกฎอัยการศึก"

ตัวแทนหมาไรเที่ยงคืน "กฎอัยการศึกมันตั้งอยู่บนหัวพ่อแม่บังเกิดเกล้าผมครับ ผมเลยต้องออกมาคัดค้าน"

555555/@akecity


ที่บ้านมึงน่ะ เอาตัวให้รอดก่อนเถอะ โอบามา

คลิกอ่าน เมื่อ akecity ถามพระเจ้าว่า พวกล้มเจ้าได้ไปเกิดที่ไหนต่อ


วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ต้องยึดทรัพย์ครอบครัวตำรวจในขบวนการส่วยหมื่นล้านด้วย







จากคดีส่วยหมื่นล้านของขบวนการตำรวจเลว ที่มี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ เป็นหัวโจก ที่มีตำรวจ 1 ในขบวนการได้กระโดดตึกหนีความผิดไปแล้ว

เมื่อ 2 วันก่อนผมได้ไปโพสที่คอลัมภ์เปลว สีเงิน ไว้ดังนี้




สมัยเมื่อสัก 15 ปีที่แล้ว ผมขี่จักรยานในซอยบ้าน จะมีบ้าน พล.ต.ต. นายหนึ่ง บ้านใหญ่มาก และมีรถยุโรปหรู ๆ จอดในบ้านประมาณ 5 คัน ส่วนใหญ่เมอร์ซิเดสเบนซ์ ทั้งนั้น

ผมยังนึกว่า ตำรวจนี่รวยดีจัง ?? แต่ผมเชื่อว่า ไม่ได้รวยเพราะเงินเดือนหรอก

แต่ประเทศไทยไม่เคยมีระบบตรวจสอบทุจริตเหมือนที่สิงคโปร์ ที่ว่า ข้าราชการมีเงินเดือนเท่านี้ ทำไมซื้อรถราคาแพง ๆ ได้ ?

สิงคโปร์เขาจะตรวจสอบที่มาของเงินว่า คุณไปรวยจากไหน ถึงได้เงินมาซื้อรถราคาแพงแบบนี้ได้อย่างไร ?

รายได้ที่คุณได้มา มีการเสียภาษีประจำปีถูกต้องหรือไม่ ?

แต่ประเทศไทยไม่มีระบบตรวจสอบในเรื่องนี้ แค่อ้างว่า เมียขายที่ดินมรดกได้ ก็จบแล้ว ไม่มีใครตามตรวจสอบว่า ขายได้จริงหรือมั่วนิ่ม ?

ซึ่งถ้าเมียขายที่ดินได้จริง ก็ต้องตรวจสอบต่อไปให้ลึกกว่านั้นอีกว่า ที่ดินของเมียที่ขายได้นั้นได้มาจากไหน เป็นที่ดินมรดกจริงหรือ ?

หรือว่า เป็นการได้รับมาจากคนจ่ายส่วยอีกทอด ซึ่งพวกนายตำรวจที่กินส่วย มันก็ฉลาดนะ มันให้คนจ่ายส่วยเป็นที่ดิน ให้โอนที่ดินไปที่พ่อตาแม่ยายของนายตำรวจก่อน แล้วอีกสัก 2 ปี ค่อยโอนกลับมาให้เมียตำรวจ หรือไม่ก็ขายที่ในชื่อพ่อตาแม่ยาย ญาติพี่น้องไปเลยก็มี แล้วค่อยเอาทรัพย์ที่ผ่านการฟอกแล้วมาคืนอีกที

วิธีการฟอกเงินในไทยทำง่ายมาก ๆ โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยนี่แหละ คือแหล่งฟอกเงินที่ปลอดภัยที่สุด เพราะไม่มีการตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินที่ซื้อหุ้น และไม่ต้องเสียภาษีจากการซื้อขายหุ้น.ในตลาดหลักทรัพย์อีกด้วย จึงปลอดภัยสุด ๆ ทำให้พวกนักฟอกเงินในคราบนักการเมือง หรือพวกโจรที่ต้องการฟอกเงิน จึงพยายามคัดค้านการเก็บภาษีจากการขายหุ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบนี่แหละ

------------------

จากคดีส่วยหมื่นล้านคดีนี้ ผมไม่รู้ว่า ทาง คสช . และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปจนถึง ปปง. จะมีการสาวลึกไปจนถึงทรัพย์สมบัติลูกเมีย พ่อแม่ พี่น้องของผู้ต้องหาหรือไม่ ?

ทั้ง ๆ ที่ความจริง ควรยึดทรัพย์ลูกเมียของผู้ต้องหาคดีนี้ให้หมด ไม่งั้น ทรัพย์ที่พวกผู้ต้องหาโอนไปให้ลูกให้เมียก็ยังมีกินมีใช้อย่างสบาย

รวมทั้งการสอบบัญชีทรัพย์สินไปถึงพ่อแม่ พ่อตาแม่ยาย พี่น้องของผู้ต้องหาทุกคนให้หมดด้วย เพราะพวกนี้คงโอนทรัพย์เพื่อการฟอกเงินไปให้ญาติพี่น้องไม่น้อยเช่นกัน

ถ้าคดีนี้ไม่ยึดทรัพย์ครอบครัวแล้วล่ะก็ ลูกเมียคนชั่วก็ยังสบายร่ำรวยเหมือนเดิม

การยึดทรัพย์ครอบครัวจนสิ้นไร้ไม้ตอกนี่แหละ เจ็บและทรมานยิ่งกว่าผู้ต้องหาถูกประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิตเสียอีก

โดยเฉพาะ พล.ต.อ.สมยศ ผบ.ตร.  เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ผมเกรงเหลือเกินว่า อาจเมตตาเพื่อนร่วมรุ่น จนปล่อยทรัพย์ลูกเมียของผู้ต้องหาให้ลอยนวลน่ะสิ

--------------------------------

คุณผู้อ่าน จำคดีเมื่อเดือนกันยายน ที่ทหารบุกจับบ้านพักตากอากาศของนายตำรวจระดับนายพลหลายนายที่ปากช่องได้รึเปล่า ?

ไม่รู้ว่า ใช่ขบวนการเดียวกันหรือไม่ เพราะจนวันนี้ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อนายตำรวจเจ้าของบ้านพักตากอากาศเลย




ถ้ายังถอดยศ นักโทษชายทักษิณไม่ได้ ไม่ควรรีบโม้นะสมยศ !!


คลิกอ่าน ปฏิรูปตำรวจ คือสิ่งที่ตำรวจชั่วกลัว


วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ความห่วยกระทรวงสาธารณสุข กับการป้องกันอีโบลา







จากกรณีชายชาวเซียร์ลาลีโอน ที่เป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้ออีโบลาหายตัวไปนั้น

ตำรวจและกระทรวงสาธารณสุขห่วยมาก ถึงกับปล่อยผู้ต้องสงสัยจากประเทศที่มีการระบาดของโรคนี้อย่างหนัก กลับโรงแรมไปอย่างสบาย ๆ โดยนัดให้มารายงานตัววันรุ่งขึ้น

แต่พอกลับไปถึงโรงแรม ผู้ต้องสงสัยคนนี้ก็รีบเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมทันที แล้วก็หายเข้ากลีบเมฆ ไปตั้งแต่วันที่ 15 พศจิกายน

กระทรวงสาธารณสุข รีบออกมาแถลงข่าวแก้ตัวพัลวัน แต่ก็ฟังไม่ขึ้น กระทรวงสาธารณสุข พยายามจะยืนยันว่า ชายชาวเซียร์ร่าลีโอน ไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อ

แต่ที่ต้องตามล่าตัวกลับมาเพราะ กระทำผิดกฎหมายควบคุมโรค ภายใน 21 วัน

พอมองออกไหมครับ ?

คือ ก.สาธารณสุข พยายามบอกความจริงด้านเดียวคือ ยืนยันว่า ชายคนนี้ยังไม่ใช่ผู้ติดเชื้อ แต่ไม่ยอมบอกตรง ๆ กับประชาชนว่า ระยะฟักตัวของเชื้ออีโบลา มีระยะเวลา 2 - 21 วัน

ซึ่งหมายถึงว่า ตั้งแต่ที่ชายคนนี้เข้าประเทศไทยมาในวันที่ 13 แม้จะยังไม่มีไข้ ไม่แสดงอาการผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้หมายความ เขาจะไม่ได้ปลอดเชื้ออีโบล่า 100 % เพราะมันยังไม่ครบกำหนดดูอาการ 21 วัน

ดังนั้นนี่คือความห่วยแตกของมาตรการป้องกันโรคของไทย ที่อ้างว่านี่คือมาตรการควบคุมสูงสุด แต่ดันให้ผู้ต้องสงสัยกลับไปโรงแรมได้อย่างสบาย ๆ จนหนีไปได้

คือถ้ามาตรฐานการป้องกันและควบคุมโรคของไทยมีเท่านี้ ผมว่า เลียนแบบบางประเทศที่เขาห้ามคนจากประเทศที่มีการระบาดเข้าประเทศเลยดีกว่า

คือจากเหตุการณ์นี้ มาตรการป้องกันของกระทรวงสาธารณสุขไม่มีความน่าเชือถือแล้วล่ะ



ล่าสุดตำรวจจับชายชาวเซียร์ลาลีโอน ได้แล้ว และปรับเงินจำนวน 1 พันบาท

“ทั้งนี้ นายซีเซ ถือว่าทำผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2523 มีโทษปรับ 1,000 บาท อย่างไรก็ตาม จะเร่งประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อส่งตัวนายซีเซ่ออกนอกประเทศไทยไปยังประเทศแถบยุโรปตามที่เจ้าตัวต้องการ ส่วนการป้องกันการหลบหลีกการสอบสวนโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลานั้น กรมควบคุมโรคจะต้องเพิ่มการสร้างความเข้าใจกับผู้เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา คือ กินี เซียร์ราลีโอน และไลบีเรีย นอกจากนี้ ยังเพิ่มมาตรการป้องกันควบคุม พัฒนาระบบและซักซ้อมการรับสถานการณ์ให้เข้มข้นขึ้น” นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าว


วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

นักศึกษาดาวดินย้ายหนีแล้ว มโนว่า โดนทหารตำรวจคุกคาม






ผมล่ะขำจริง ๆ พวกอยากดังอย่าง นักศึกษากลุ่มดาวดิน ชู 3 นิ้วแบบโง่ ๆ คือในหนังเขาชู 3 นิ้วเพื่อแสดงความรักต่อพวกเดียวกัน แต่พวกคนไทยโง่ ๆ ดันเอามาใช้ผิดๆ

ตัวอย่างคนเสื้อแดงไปงานศพอภิวันท์ ชู 3 นิ้วให้ยิ่งลักษณ์




วันนี้กลุ่มดาวดินได้ประกาศหน้าเพจด้วยการโพสข้อความพร้อมรูปว่า "ไม่มีคนอยู่บ้านเแล้ว"





นี่แหละหนา ความคิดของพวกเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมน้องมันแกว คงคิดว่า ติดป้ายว่า ไม่มีคนอยู่ แล้วก็เปิดไฟสว่างจ้า เพื่อหวังให้คนมองเห็นว่า ไม่มีคนอยู่จริง ๆ

แล้วทหารเขาจะเชื่อ !!

พวกดาวดินทำอย่างกับติดป้ายท้ายรถว่า รถคันนี้สีขาว ทั้ง ๆ ที่ความจริงรถมันสีดำ 5555

แล้วก็มโนไปเองว่า มีทหาร ตำรวจ นอกเครื่องแบบมาด้อม ๆ มอง ๆ เลยประกาศว่า พวกเราขอหลบไปอยู่ในที่ ๆ ปลอดภัย

โอย ขำ ถามว่า ทหารไทย ตำรวจไทยกระจอกขนาดนั้นเลยเหรอ ??

ถ้าเขาจะเล่นงานจริง ๆ หรือเขาจะจับตากลุ่มดาวดินจริง ๆ คิดว่า ทหาร ตำรวจไทย เขาจะตามหาไม่เจอเหรอ โถ ๆ ความคิดละอ่อนมากเลยกลุ่มดาวดินเอ๋ย

ผมจะบอกให้นะ คนที่มาด้อม ๆ มอง ๆ นะ เป็นใครก็ได้ ที่ไม่ใช่ตำรวจ ทหาร อาจเป็นขี้ข้าทักษิณมาสวมรวยรอกระทืบไลค์พวกน้อง ๆ ดาวดินก็ได้ 555

และจะบอกให้ด้วยว่า ไม่ต้องหนีไปไหนให้ลำบากหรอก นึกว่าสร้างกระแส สร้างข่าวว่า หนีแล้วจะเท่เหรอไอ้น้อง ?

อยู่ที่บ้านเดิมน่ะดีแล้ว เพราะถ้าทหาร ตำรวจเขาจะเล่นงานจริง ๆ ยังไง ๆ ก็หนีเขาไม่พ้นหรอก

ไม่ต้องทำเป็นอวดเก่ง อวดรู้ว่า พวกผมหนีไปอยู่ในที่ ๆ ปลอดภัย

จะบอกให้นะ ที่ ๆ อันตรายที่สุดน่ะคือที่ ๆ ปลอดภัยที่สุด เพราะเกิดมีคนร้ายหรือมือที่ 3 อยากมาทำอะไรพวกดาวดินจริง ๆ ที่บ้านนี้นี่แหละจะเป็นหลักฐานช่วยตามสืบหาคนร้ายได้ง่ายที่สุด

แต่ดันอวดฉลาดหนีไปที่อื่น แล้วถ้าไปโดนมือที่ 3 กระทืบไลค์พวกน้องดาวดินจนน่วม อย่ามาโทษทหาร ตำรวจเชียวล่ะ

เพราะทหาร ตำรวจเขาไม่อยากเสียชื่อหรอก เขาอุตส่าห์ส่งคนมาตรวจตราความปลอดภัยให้ที่บ้าน เพื่อป้องกันมือที่3 จะมาทำร้ายพวกดาวดินเพื่อหวังใช้ป้ายสีทหาร (แต่คนที่มาด้อม ๆ มอง ๆ ไม่ใช่ทหาร ตำรวจหรอก งานกระจอกแบบนี้ ทหารเขาวานภารโรงแถวนั้นมาทำแทนก็ได้)

แต่น้อง ๆ ดาวดินดันอวดฉลาด หนีออกจากบ้านซะ โง่นะ พวกดาวดิน !!
อย่ามโนว่า ตัวเองสำคัญมากขนาดนั้น !!


ไอ้น้องวางถุงกาวลงซะ จะได้ไม่หลอน แล้วกลับไปตั้งใจเรียนซะ 555


คลิกอ่าน เจนนิเฟอร์ชูนิ้วกลาง ให้คนไทยที่ชู 3 นิ้ว


วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เจนนิเฟอร์ ชูนิ้วกลางให้นักศึกษาไทยที่ชู 3 นิ้ว







คือ การเกาะแสหนังเดอะฮังเกอร์เกม ด้วยการไปชู 3 นิ้ว ต่อต้านรัฐประหาร แต่ความหมาย 3 นิ้วในหนังความหมายคนละเรื่องกับที่ปลิงไทยบางพวกเอาไปเกาะ

ก็อยากจะเกาะกระแสหนังที่กำลังดัง แต่ไม่คำนึงถึงบ้างว่า คนอื่นที่เขาอยากจะดูหนังและโรงหนังจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย นี่คือสิทธิเสรีภาพที่ถูกต้องรึ ?

ทำโรงหนังเขาต้องเสียรายได้ เพราะเขาไม่อยากเสี่ยงเกิดเหตุการณ์วุ่นวายซ้ำรอยปี 53 ที่โรงหนังสยามโดนเผา สกาล่าอยู่รอดมาจนวันนี้ได้ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว

ผมไม่อยากจะด่าอะไรมาก เพราะคิดว่า คนที่อยากให้บ้านเมืองสงบสุขคงไปช่วยกันด่ามากอยู่แล้ว

แต่ผมยังถือว่า นักศึกษาที่ไปชูนิ้วหน้าโรงหนัง หรือต่อหน้านายกฯ ก็ยังมีความกล้าหาญอยู่ แต่กล้าหาญแบบโง่ ๆ นะ คือ ต่อต้านรัฐประหาร แต่ไม่ต่อต้านคนโกงชาติ แบบนี้ผมขอเรียกว่า พวกประควายธิปไตย

ส่วนไอ้คนหนักแผ่นดินบางคน แอบอ้างประชาธิปไตยแต่กลับให้ร้ายสถาบันสูงสุดของชาติ แล้วมันก็หนีออกนอกประเทศไปแล้ว พวกนี้แหละน่าจะเรียกว่า เกิดมาหนักแผ่นดิน พ่อแม่ไม่สั่งสอน

ใครเป็นพ่อเป็นพ่อแม่อีอั้มเนโกะ สงสัยหน้าตาและจิตใจก็คงอุบาทว์เหมือนลูกมันนั่นแหละ

ส่วนวิธีปราบพวกชู 3 นิ้วเจตนาเพื่อก่อกวนรัฐบาล ผมเขียนอยู่ท้ายบทความ

--------------------

(ขอยืมหนูเจนมาเอาฮาหน่อยนะ)

เจนนิเฟอร์ชูนิ้วกลาง !!







ผมขอย้ำในบทความนี้อีกครั้งว่า

ถ้ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่กลับทำเลว โกงกิน หาผลประโยชน์เข้าพวกพ้อง เราเรียกว่า ต้นดีปลายร้าย

ถ้ารัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร แต่กลับทำดีเพื่อชาติและประชาชน เราเรียกว่า ต้นร้ายปลายดี

ฉะนั้น อย่ายึดติดแค่ที่มา แต่ให้ยึดติดที่ผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ

ไม่มีใครชอบรัฐประหารหรอก แต่ที่ต้องเกิดรัฐประหารในวันนี้ เพราะพวกที่มาจากการเลือกตั้ง มันคือคนที่ทำให้ประชาธิปไตยเสื่อมต่างหาก

อย่าคลั่งประชาธิปไตย อย่าเรียกร้องเสรีภาพมากเกินไปจนกลายเป็นความร่าน

นะพวก ลิเบอร์ร่าน !!

------------------

แถมท้าย ขอฝากถึง คสช.








แนะวิธีปราบ พวกชู 3 นิ้วที่มีเจตนาก่อกวน ง่ายนิดเดียว จับปรับเงินให้หมดทุกรายครับ ปรับ 3 พันบาท ถ้าใครไม่มีเงินจ่ายก็ขังแทนค่าปรับวันละ 500 บาท

พวกคลั่งประชาธิปไตยพวกนี้ มันงกครับ ถ้าชู 3 นิ้ว ลองเจอเสียค่าปรับสัก 3 พันบาท รับรองเข็ดทุกราย ถ้าทำผิดซ้ำอีก ก็ปรับเพิ่มขึ้นอีกครับ

ที่จริงทหารก็เคยใช้วิธีจับปรับมาแล้ว ในตอนที่ทำรัฐประหารใหม่ ๆ แล้วมีพวกชู 3 นิ้วมาต่อต้าน อยู่ ๆ ทหารกลับลืมวิธีนี้กันไปหมด

"ปรับทัศนคติพวกนี้ไปก็เท่านั้น ปรับเป็นเงินเข้าหลวงดีกว่า รับรองเข็ดแน่"

ผมก็เคยเขียนะแนะนำไว้ แล้วทหารก็นำไปใช้จนได้ผลในบทความนี้ จำได้ไหม

คลิกอ่าน วิธีจัดการพวกต่อต้านรัฐบาล คสช. ไม่ยากหรอก


วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ทำไม ปรส.ไม่แยกหนี้ดีหนี้เสีย และความโง่ของโอ๊ค






พวกโง่ ๆ ทั้งหลายที่มีโอ๊ค พานทองแท้ เป็นแกนนำพยายามจะโจมตีพรรคประชาธิปัตย์เรื่อง ปรส. ตามนี้



อยากจะโจมตีประชาธิปัตย์ ก็ทำไปครับ ผมไม่ติดใจอะไร แต่ถ้าบิดเบือนเพื่อใส่ร้ายนี่สิ ลูกผู้ชายมีคุณธรรมไม่พึงกระทำ

แต่เผอิญโอ๊ค มันไม่ใช่ลูกผู้ชายแถมไร้คุณธรรมด้วยไง มันเลยชอบสร้างเรื่องเท็จเพื่อโจมตีใส่ร้ายคนอื่น

บทความนี้ผมจะไม่อธิบายอะไรให้ยาวนะครับ ผมเอาเฉพาะประเด็นหลัก ๆ 2 ประเด็นเท่านั้นคือ

เรื่องแรกคือ เรื่องที่รัฐบาลชวน แต่งตั้งนายอมเรศ ศิลาอ่อน เป็นประธาน ปรส. คนที่ 2 แทนนายธวัชชัย ยงกิตติกุล ประธาน ปรส. คนแรกที่แต่งตั้งจากรัฐบาลชวลิต ก่อนที่รัฐบาลชวลิตจะลาออก

ประเด็นนี้ โอ๊ค พยายามใช้สันดานเลวเหมือนคนที่คุณรู้ว่าใคร เขียนใส่ร้ายให้คนอ่านตีความไปทำนองว่า รัฐบาลชวนปลดนายธวัชชัน ยงกิตติกุล ประธาน ปรส. คนแรกออกไป เพื่อรัฐบาลชวนจะได้แต่งตั้งนายอมเรศ ศิลาอ่อน เข้ามาแทน

นี่คือ การบิดเบือนใส่ร้ายอย่างหน้าด้าน ๆ สมกับการเป็นโอ๊ค พานทองแท้ จริง ๆ เพราะความจริงที่ถูกต้องคือ นายธวัชชัย ยงกิตติกุล ประธาน ปรส. คนแรก ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเอง

ในเมื่อประธาน ปรส. ลาออกเอง มันก็จำเป็นต้องแต่งตั้งประธาน ปรส. คนใหม่ขึ้นมาแทน ถ้าจะโทษก็ต้องโทษรัฐบาลชวลิตนั่นแหละ ดันแต่งตั้งคนที่เขาไม่อยากทำงานให้มาทำงานเอง

แล้วการที่รัฐบาลชวน แต่งตั้งนายอมเรศ ศิลาอ่อน เป็นประธาน ปรส. นั้น หากนายอมเรศ กระทำผิดใด ๆ เช่นเอื้อประโยชน์ต่างชาติ หรือช่วยไม่ให้ต่างชาติเลี่ยงภาษี ก็ต้องฟ้องร้องเอาผิดที่นายอมเรศ และคณะกรรมการ ปรส. ที่เกี่ยวข้อง 

เพราะ ปรส. เป็นองค์กรอิสระ รัฐบาลและนักการเมืองไม่มีอำนาจแทรกแซงการทำงานได้ เพราะมีกฎหมายควบคุมอยู่ ซึ่งรัฐบาลชวลิตก็เป็นคนออก พรก.ปฏิรูประบบสถาบันการเงิน 2540 เอง เรื่องนี้เป็นไปตามที่ไอเอ็มเอฟกำหนดมา เพราะกลัวนักการเมือง(แบบชวลิต ทักษิณ) จะแทรกแซง ปรส. จนทำให้ไทยพังซ้ำอีกรอบ

ส่วนเรื่องการเกิดขึ้นของคณะกรรมการ ปรส. ชุด 2 นั้น อันนี้ผมไม่มีรายละเอียดว่า ทำไมจึงเกิดชุด  2 ขึันมาแทน แต่ถ้าหากคณะกรรมการ ปรส. ชุดแรก เกิดลาออกเอง ก็ช่วยไม่ได้

เพราะแม้รัฐมนตรีกระทรวงการคลังจะมีอำนาจปลดคณะกรรมการ ปรส. ได้แต่ก็ต้องมีเหตุผลที่สมควรเช่น บกพร่องต่อหน้าที่ ทุจริตต่อหน้าที่ ซึ่งกำหนดอำนาจนี้ไว้ในมาตรา 14 พรก.ปฏิรูประบบสถาบันการเงิน 2540

ซึ่งถ้านายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ รมว.คลังในตอนนั้น เคยปลดคณะกรรมการปรส.ชุดแรก โอ๊คก็ควรเอาหลักฐานมาเปิดเผยด้วย ไม่ควรพูดลอย ๆ ให้คนเข้าใจไปว่า รัฐบาลชวนปลดคณะกรรมการ ปรส. ชุดแรก เพื่อจะแต่งตั้งชุดที่ 2 แทน เช่น โอ๊คควรยกตัวอย่างว่าคณะกรรมการชุดแรกมีใครบ้าง และคณะกรรมการชุด 2 มีใครบ้าง ไม่ใช่แค่เปลี่ยนตัวนายอมเรศ ศิลาอ่อนคนเดียว ก็เลยเหมาว่า นี่คือคณะกรรมการ ปรส.ชุด 2  (ถ้าโอ๊คแน่จริงเอาออกข้อมูลแฉมา

ส่วนการแต่งตั้ง คณะกรรมการขึ้นมาใหม่นั้น ก็มีกำหนดไว้ใน พรก.ปฏิรูประบบสถาบันการเงิน 2540 มาตรา 11 และมาตรา 12 ไม่ใช่นึกอยากแต่งตั้งใครก็ทำได้โดยไม่มีขื่อมีแป

ดูมาตรา 11 12 13 14 พรก.ปฏิรูประบบสถาบันการเงิน 2540 เรื่องการแต่งตั้ง และการพ้นวาระของคณะกรรมการ ปรส.

คลิกที่รูปเพื่อขยาย


-----------------

ประเด็นเรื่อง ไม่แยกหนี้ดี ออกจากหนี้เสีย

มีวาทกรรมที่ใช้กันมานานของพวกขี้ข้าทักษิณ โดยเฉพาะนายสมัคร สุนทรเวชชอบยกมาอ้างประจำ คือ เรื่อง ปรส. ไม่แยกหนี้ดีออกจากหนี้เสีย ทำให้ขายทรัพย์สมบัติชาติขาดทุน 8 แสนล้าน ตอนหลังพวกนี้เริ่มหายโง่กลับมาที่ตัวเลข 6 แสนล้านแทน

เรื่องนี้อธิบายง่าย ๆ ได้เลยครับว่า มันยากที่จะแยกออกจากกัน

ขอตัวอย่างเช่น การปล่อยกู้ 5ล้านบาท ให้กับที่ดินค้ำประกันเงินกู้ที่มีมูลค่าแค่ 5 แสนบาท 

กรณีการปล่อยกู้ให้ที่ดินมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริงหรือถูกปั่นจนราคาสูงเกินความเป็นจริงจากกระแสการเก็งกำไรแบบนี้ เราจะแยกได้เป็นหนี้ดีมูลค่าไม่เกิน 5 แสนบาท แต่จะมีหนี้เสียมูลค่าอย่างน้อย 4.5 ล้านบาท เพราะต้องบวกดอกเบี้ยเงินกู้ด้วย มันจึงมีทั้งหนี้ดีและหนี้เสียในที่ดินแปลงเดียวกัน

พอจะมองภาพออกไหมครับว่า การแยกหนี้ดีกับหนี้เสีย มันยากที่จะแยกออกจากกัน เพราะสินทรัพย์จำนวนมากมันเป็นสินทรัพย์ตัวเดียวกัน เป็นต้น

ซึ่งมีทรัพย์สินทำนองเดียวกันกับที่ผมยกตัวอย่างมากมายนับหมื่นนับแสนรายการ ในสถาบันการเงินทั้ง 56 แห่ง

การที่ขายทรัพย์สินที่รวมทั้งหนี้ดีและหนี้เสีย จึงเป็นเรื่องเหมาะสมกว่ามานั่งแยกหนี้ดีกับหนี้เสีย เพราะการแยกหนี้หนี้เสียจะทำให้เสียงบประมาณ เสียเวลา และใช้บุคลากรจำนวนมาก แถมเวลาขายอาจทำให้ขายยากและเสี่ยงที่จะได้ทรัพย์สินต่ำกว่าการไม่แยกหนี้ดีกับหนี้เสียอีกด้วย ซึ่งคณะกรรมการ ปรส.พิจารณาแล้วว่า มันไม่คุ้ม

ที่สำคัญทรัพย์สินของสถาบันการเงินทั้ง 56 แห่ง เป็นหนี้เสียที่เกิดจากการปั่นราคาในการปล่อยกู้แบบชุ่ย ๆ มากกว่า 75 %

ดังนั้น การที่ขายสินทรัพย์ที่มีทั้งหนี้เน่าและหนี้ดีมูลค่า 8 แสนล้าน ได้มา 1.9 แสนล้านบาทนั้น สำหรับผม ผมมองว่า ก็ดูเหมาะสมแล้ว

การสร้างวาทะกรรมเท็จว่า ทำชาติเสียหาย 6 แสนล้านที่โอ๊คโพสในตอนหลังนี้ จึงเป็นวาทะกรรมโง่ ๆ ไว้หลอกคนที่ไม่รู้เรื่องอย่างหน้าด้าน ๆ สมกับความเป็นโอ๊ค

การขายหนี้เน่าส่วนใหญ่ แต่จะให้ได้ราคาเท่าเดิม คือวาทะกรรมเท็จที่ไว้หลอกคนโง่อย่างเสื้อแดงเท่านั้น

ส่วนคนที่ยังถูกดำเนินคดีว่ามีความผิดอาญาในคดี ปรส. นี้ ตอนนี้เท่าที่ทราบเหลือคนเดียวคือ นายมนตรี เจนวิทย์การ เลขา ปรส. เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคิน ซึ่งเป็นบริษัทของภรรยาพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์

----------------

ขอฝากข้อเขียนของคุณหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม ที่เขียนถึงโอ๊คในท้ายบทความว่า

"ผมไม่รู้ว่า โอ๊ค ไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ หรือคนที่พิมพ์ข้อความให้"โอ๊ค"ตั้งใจให้"โอ๊ค"หน้าแตก เพราะปปช.เขาแถลงตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย.2557 แล้วว่าคดี ปรส.ไม่เหลือติดค้าง ป.ป.ช.แล้ว 

ป.ป.ช.เขาแถลงว่า คดีที่ร้องป.ป.ช.มี6 คดี ยกคำร้องเพราะไม่มีมูล 3 คดี อีก 1 คดีต้องยุติเพราะอยู่ในการพิจารณาคดีของศาล และอีก 2 คดีส่งต่ออัยการและร้องต่อศาลแล้ว"


คลิกอ่าน โอ๊คโชว์โง่คดี ปรส. และอวยจำนำข้าวอย่างหน้าด้าน


กระแสเหนียวไก่น้องล่า กับความเห่ยของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่






คือกระแสน้องล่า ทำเหนียวไก่หาย พร้อมวลีเด็ด "เหย็ดแหม่" ที่ได้สร้างความฮือฮาในกระแสสังคมจนเป็นข่าวในทุกสื่อ ในทุกช่องทีวี แม้แต่พิธีกรเล่าข่าวอันดับ 1 ก็ยังติดตามข่าวเหนียวไก่น้องล่าติดต่อกันหลายวันนั้น

ผมไม่แปลกใจที่กระแสน้องล่าจะมาแรง และดังสุด ๆ ขนาดนี้ และขอยินดีกับน้องล่าด้วย ที่ได้รับสิ่งดี ๆ มากมายหลังจากได้เป็นข่าว

แต่ผมว่า มันเกิดความเห่ยของข้าราชการไทยระดับสูง 2 คน คนแรกคือ  ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดสตูล ที่ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ไปขอกล้องวงจรปิดจากร้านเซเว่นอีเลเว่น บริเวณสี่แยกเจ๊ะบิลัง

ลองดูเหตุผลของ ผู้บังคับการฯ สตูล ดูครับ

พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผบก.ภ.จว.สตูล กล่าวว่า กรณีขโมยข้าวเหนียวไก่ทอด สามารถดำเนินคดีได้ แต่เจ้าตัวยังไม่แจ้งความ แต่ตามที่โลกออนไลน์ส่งต่อข้อมูลกันไป ก็ถือว่าพบมีการกระทำผิดแล้วในเบื้องต้น แต่จะต้องให้ได้การยืนยันชัดเจน เกี่ยวกับทรัพย์สินที่หายไปหรือข้าวเหนียวไก่นั้น ที่อ้างว่าหายไปนั้นจริงหรือเท็จอย่างไร จะต้องมีเจ้าทุกข์ที่มาแจ้งความดำเนินการกับร้อยเวรสอบสวน และร้อยเวรสอบสวนได้สอบปากคำเป็นที่น่าเชื่อว่าผู้กล่าวหาหรือผู้เสียหายนั้นได้ยืนยันว่าของหายจริง ไก่ทอดใส่ตะกร้าหน้ารถที่จอดไว้หายไปจริง

แม้จะเป็นทรัพย์สินเพียงเล็กน้อยก็ตาม ก็ถือว่าเป็นความผิดในคดีอาญา ฐานข้อหาลักทรัพย์ ตอนนี้หลักๆ จากโลกโซเซียลได้ออกสื่อต่างๆ ไป ตนก็ได้แจ้งให้ทางผู้กำกับฯ ตำรวจภูธรเมืองสตูลกับร้อยเวรสอบสวนและชุดสืบสวนให้ไปดูกล้องซีซีทีวี ภาพวงจรปิดที่เซ่เว่นอีเลฟเว่น สี่แยกเจ๊ะบิลัง และจุดใกล้เคียงว่าพบเห็นอย่างไร ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการรายงานผลว่าเป็นคนขโมยจริงหรือไม่



เอาเถอะครับ ถ้าจะอ้างว่า เพื่อจะได้ปกป้องกันและปรามไม่ให้เกิดเหตุของหายจากหน้ารถมอไซค์อีก มันก็อ้างได้ครับ เพียงแต่ว่า เรื่องระดับนี้ต้องถึงขนาดผู้บังคับการตำรวจภูธรสตูลต้องลงมาเล่นเรื่องนี้เองเหรอครับ

หรือว่า แค่อยากเกาะกระสน้องล่า คือ อยากดังเท่านั้น

เพราะทีชาวบ้านรถมอไซค์หายแทบทุกวัน ไม่เคยเห็นแข็งขันลงมาสั่งการใส่ใจมากขนาดนี้เลย

ที่สำคัญน้องล่า ไม่ได้แจ้งความ เพียงแค่ไปลงบันทุกประจำวันที่สถานีตำรวจ ตามคำแนะนำจากตำรวจใหญ่นั่นแหละ เพื่อจะได้หาเหตุอ้างมาทำคดีมาเกาะกระแสน้องล่า ขอดังด้วยคน

ส่วนข้าราชการระดับสูงอีกคน ที่โหนกระแสเรื่องนี้กับเขาด้วย ก็คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ผู้ว่าสตูลถึงขนาดปั่นจักรยานอ้างออกกำลังกาบมาซื้อไก่ร้านที่น้องล่าซื้อประจำ แถมบอกว่า น้องล่าสร้างชื่อเสียงให้ไก่ยางสตูล และผู้ว่าจะช่วยหางานให้น้องล่าทำ เพื่อเสริมรายได้อีกด้วย

นี่ผมเห็นว่า กระแสโซเชียลส่วนใหญ่ก็ออกมาติติงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งสองคนแล้วว่า อยากดังเกินงาม เรื่องสำคัญ ๆ กว่านี้ที่ควรให้ความสำคัญเสือกไม่ไปทำ แต่ดันมาเกาะกระแสเหนียวไก่น้องล่าหายกันยกใหญ่

สมน้ำหน้า โดนด่าซะ หายหัวไปเลย

นี่ล่าสุด ตำรวจได้สรุปคดีเหนียวไก่น้องล่าหายแล้วว่า น่าจะเป็นหมาจรจัดแถวนั้นคาบเหนียวไก่น้องล่าไปกิน หรือที่เรียกในภาษาบ้าน ๆ ว่า หมาคาบไปแดก

ส่วนพฤติกรรมข้าราขการระดับสูงของสตูลทั้งสองคนที่โหนกระแสน้องล่า ก็คงต้องเรียกว่า งานนี้คงต้องอายหมา ล่ะมั้ง 5555555

----------------

แต่ถ้าเรามองโลกในแง่ดี จังหวัดสตูลถือเป็นจังหวัดที่สงบสุขมาก ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และไม่มีปัญหาความรุนแรงเหมือนใน 3 จังหวัดภาคใต้

แน่นอนน้องล่าก็เป็นมุสลิม

จริง ๆ มุสลิมจะไม่ชอบสุนัข แต่กลับเป็นว่า สุนัขจรจัดก็ยังอยู่ในจังหวัดสตูลได้อย่างสบาย แม้จะอดอยากไปหน่อย เพราะมุสลิมอาจไม่ค่อยให้อาหารสุนัขจรจัด

ทีนี้พอมีข่าวน้องล่าดังขึ้นมา ก็เป็นอะไรที่โด่งดังมาก ๆ กับเมืองที่เงียบสงบอย่างสตูล แน่นอนเมื่อดังมากก็ย่อมเป็นเรื่องใหญ่

ทั้งผู้ว่า และผู้การ ก็เลยพลอยคึกคักกับกระแสเหนียวไก่น้องล่าไปด้วย ซึ่งต่อไปจะทำให้เหนียวได่สตูลกลายเป็นสินค้าโอทอประดับประเทศไปเลยก็ได้ ว่าไปนั่น 55


ขอบคุณเจ้าของรูป ที่ไม่รู้ว่าใครทำไว้


วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

กรณีนักร้องญี่ปุ่นแต่งพระควรจบ สำนักพุทธฯไม่ต้องดราม่าต่อ






จากกรณีนักร้องญี่ปุ่นวงหนึ่ง แต่งกายเลียนแบบพระ ซึ่งหลายคนบอกว่า คล้ายพระไทยนั้น

ตอนนี้นักร้องวงนี้ได้โพสขอโทษคนไทยแล้วนะครับ ตามข่าวนี้ กรุณาดูคลิปให้จบ



ถ้าได้ดูคลิปที่สรยุทธ กับน้องไบรท์ อธิบายที่มาที่ไปของเรื่องนี้จนจบคลิป ผมว่า เมื่อเขาขอโทษ พร้อมเขียนว่า "ถึงพวกคุณคนไทย ผมขอโทษครับ พวกรักประเทศไทย" คนไทยเราเรื่องแค่นี้ให้อภัยกันได้ครับ

เพราะว่า เราอย่าลืมว่า บริบททางศาสนาพุทธของญี่ปุ่น แม้กระทั่งจีน เขาแตกต่างกับพุทธเถรวาทแบบไทยนะครับ

คนที่เขาชินกับสภาพสังคมและวัฒนธรรมอีกแบบหนึ่ง บางทีเขาก็นึกในบริบทของเขาว่า แค่แต่งกายคล้าย ๆ พระ แล้วร้องเพลงไม่เห็นจะผิดตรงไหน ??

ซึ่งผมก็ว่า เขาไม่ผิดเพียงแต่อาจดูไม่เหมาะสมในสายตาคนไทยบ้างนิดหน่อยเท่านั้น

เพราะหลวงจีนวัดเส้าหลิน ก็รำมวยจีน โชว์ศิลปะการต่อสู้ ซึ่งถ้าเราเอาบริบทความคิดเถรวาทแบบไทยเราไปตัดสิน เราก็คงว่า ถ้าพระไทยไปทำแบบนั้นก็ไม่เหมาะเช่นกัน

หรือเคยมีพระญี่ปุ่นวัดหนึ่ง (หรือหลวงจีนไม่แน่ใจ) เขายังร้องเพลงแร๊พ จนเป็นข่าวดังมาแล้ว เพราะเขาถือว่า การร้องเพลงไม่ใช่เรื่องผิดของพระมหายาน

และแม้แต่เถรวาทอย่างไทย ก็มีพระแหล่ เช่นกัน อีกทั้งการสวดมนต์ของพระให้เป็นทำนอง ก็คือ การร้องเพลงอย่างหนึ่งในสมัยพุทธกาล

ดังนั้น เมื่อนักร้องญี่ปุ่นเขาขอโทษแล้ว เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คนไทยเราก็ควรให้อภัย

โดยเฉพาะสำนักพุทธศาสนาไทยที่ว่าจะตามไปเอาเรื่องเขาอีก ถ้าตรวจพบว่า เขาแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ไทยจริง ก็ควรจบได้แล้วอย่าดราม่าต่ออีก

เพราะพวกแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ในไทย ทำเลว ทำชั่วมากกว่านี้ เสือกไม่ค่อยสนใจทำดราม่าเอาจริงเอาจัง จนมีพระปลอมเต็มบ้านเต็มเมือง พระที่ไม่ปฏิบัติกิจที่ถูกต้องของสงฆ์ก็เต็มบ้านเต็มเมือง

หรือแม้แต่คนที่บวชเป็นพระแล้ว แต่ดันปาราชิกแล้ว ก็ยังหากินในผ้าเหลืองต่อไปได้ เช่น เจ้าสำนักลัทธิจานบินย่านรังสิต สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติก็เสือกไม่ไปดราม่าเอาผิดมันสักที ทั้ง ๆ ทั้งมันปาราชิกมาหลายปีแล้ว


วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ใช้เหตุผลของมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก อธิบายเรื่องชุดนักเรียนไทย






คือพวกลิเบอร์ร่าน รุ่นใหม่ หรือพวกชอบแหกกฎและไม่เห็นด้วยกับกฎระเบียบในสังคมเดิม ๆ นำโดย เนติวิทย์ กับเมียของเนติวิทย์ ที่ชื่อนายศรัณย์ ฉุยฉาย

ทั้งสองคนนี้ คือพวกที่ต่อต้านขนบระเบียบเดิม ๆ หรือกฎระเบียบในสังคมเดิม ๆ ด้วยข้ออ้างว่า กฎระเบียบของสังคมไทยมีแต่การบังคับ ทำให้พวกลิเบอร์ร่านรุ่นใหม่อย่างเนติวิทย์ และเมียมันที่ชื่อ อั้มเนโกะ รับไม่ได้ แล้วก็ยกเรื่องสิทธิเสรีภาพเห่ย ๆ ออกมาอ้าง

อย่างเช่นทั้งสองคนนี้ไม่ชอบเรื่องการใส่เครื่องแบบนักเรียน หรือ นักศึกษา เป็นต้น

โดยเฉพาะเนติวิทย์ ก็รู้เหตุผลนะว่า ทำไมโรงเรียนไทยถึงให้นักเรียนต้องใส่ชุดนักเรียนไปเรียนหนังสือ เพราะเนติวิทย์ เคยพูดเองว่า "เขาอ้างเหตุผลว่า เพื่อไม่ให้นักเรียนแตกต่างกัน เป็นการลดปัญหาฐานะทางสังคมของนักเรียนแต่ละคน จะได้ไม่มีนักเรียนคนไหนมาอวดเสื้อผ้ากัน และจะได้ดูน่ารักมีระเบียบ"

ใช่ครับ เหตุผลของชุดนักเรียนจริง ๆ ก็มีสาเหตุหลักจากการลดความแตกต่างของฐานะของนักเรียน ไม่ว่าจะรวย หรือ จน ก็ต้องใส่ชุดนักเรียนเหมือน ๆ กัน ไม่แบ่งแยกฐานะ

ที่จริงแล้ว เรื่องชุดนักเรียนไทยนั้น ก็ได้อิทธิพลมาจากอังกฤษนั่นแหละ เพราะผู้นำในสังคมไทยในอดีต ตั้งแต่เชื้อพระวงศ์ ลูกท่านหลานเธอ ลูกเศรษฐี ก็มักจะได้ไปร่ำเรียนจากอังกฤษมากที่สุด เพราะในอดีตอังกฤษถือเป็นประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นเอง

ดังนั้น พอมีการวางระบบการศึกษาของประเทศไทยยุคใหม่ขึ้นมา  ก็เลยเลียนแบบระบบการศึกษาจากอังกฤษมามากที่สุด ซึ่งโรงเรียนในอังกฤษ นักเรียนจะต้องใส่ชุดนักเรียนทุกคน

ทำให้ระบบการศึกษาไทยก็เลยกำหนดให้นักเรียนใส่ชุดนักเรียนตามอังกฤษเช่นกัน

สังเกตได้ง่าย ๆ อย่างเรื่อง พ่อมดน้อย แฮรีพอตเตอร์ นักเรียนที่ฮอกวอตส์ก็ยังต้องใส่ชุดนักเรียนเวลาเรียน

แต่เหตุผลที่ผมชอบมากที่สุดว่า ทำไมนักเรียนถึงต้องใส่ชุดนักเรียน ก็คือเหตุผลที่ว่า ในตอนเช้านักเรียนจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาคิดว่าจะต้องแต่งตัวชุดอะไรไปโรงเรียน ไม่ต้องมาแข่งขันประกวดประชันกันกับเรื่องเสื้อผ้าและชุดแต่งกาย เพราะมันยังไม่ใช่วัยที่เด็ก ๆ จะมาให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากเกินเหตุ

อย่างในสหรัฐอเมริกา แม้โรงเรียนในสหรัฐอเมริกา จะไม่บังคับให้ใส่ชุดนักเรียนก็ตาม เด็ก ๆ จะใส่ชุดอะไรมาเรียนก็ได้ ขอเพียงให้มันเรียบร้อยเท่านั้น

แต่เด็กนักเรียนในสหรัฐอเมริกา ก็มักจะมีแพทเทิร์นเฉพาะตนของตัวเอง คือใส่ชุดรูปแบบเดิม ๆ ทุกวันเพื่อไปโรงเรียน นักเรียนแต่ละคนก็ใส่ชุดในสไตล์เดิม ๆ จนเป็นเสมือนเครื่องแบบของตัวเองนั่นแหละ

แต่ถ้าเราสังเกตดี ๆ มนต์ขลังของความเป็นโรงเรียน และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความภูมิใจในสถาบันเดียวกัน การมีชุดนักเรียนแบบอังกฤษจะดูมีขลังและดูเป็นตำนานมากกว่า (แต่ต้องภูมิใจในทางสร้างสรรค์ ไม่ใช่ภูมิใจแบบพวกเกรียนนรกแตกเหมือนพวกเด็กช่างกลบางแห่ง)

---------------------

ขอใช้เหตุผลของมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก มาใช้อธิบายข้อดีของการใส่ชุดซ้ำ ๆ แล้วกัน

จริง ๆ แล้ว อัจฉริยะด้านวิทยาศาตร์และเทคโนโลยี ก็มักจะเป็นแบบนี้กันทั้งนั้น คือ ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงแฟชันเสื้อผ้าของตัวเองให้ทันสมัย เขาพอใจที่จะใส่ชุดรูปแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ กันได้อย่างไม่อายใคร 

มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ก็เป็นแบบนี้เช่นกัน

ข่าว ฟัง"มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก"ไขปริศนา ทำไมชอบใส่เสื้อ"เหมือนกัน"ทุกวัน คำตอบ"สุดคม"-ถึงกับ"สะอึก"

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง"เฟซบุ๊ค"เครือข่ายชุมชนออนไลน์ยอดนิยมของโลก ได้เปิดเผยข้อสงสัยของผู้คนทั่วโลกว่า เพราะเหตุใดเขาจึงชอบใส่เสื้อยืดสีเดียวกันในทุก ๆ วัน


โดยเจ้าพ่อเฟซบุ๊กกล่าวถึงกรณีที่เขาชอบใส่เสื้่อยืดสีเทา ว่า ทำไมคนเราต้องมาเสียเวลากับหน้ากระจกว่าจะ "แต่งตัว" อย่างไรในทุก ๆ วัน หรือแม้แต่การที่เราต้องมานั่ง "เสียเวลา" กับการตัดสินใจในเรื่องหยุมหยิมเล็กน้อย เช่น การแต่งตัว การกินอาหารเช้า และอื่นๆ

ซึ่งสำหรับเขาไม่ชอบที่จะมานั่งเสียเวลาหรือเสียพลังงานไปกับเรื่องหยุมหยิมพวกนี้ เพราะในแต่ละวัน เรามีเรื่องสำคัญให้คิดมากกว่ามานั่งใส่ใจใน"สิ่งที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อย"ของกิจวัตรประจำวัน

"ผมอยู่ในสถานะที่โชคดี ที่ผมได้ตื่นขึ้นในแต่ละวัน และได้ทำงานรับใช้ผู้คนนับพันล้านคน และคิดว่า ผมคงไม่ได้ทำงานเช่นนี้ หากต้องมา"เปลืองแรง"กับเรื่องหยุมหยิมไร้สาระที่เข้ามาในชีวิต และว่า ผมต้องการเคลียร์ชีวิตตัวเองให้ชัดเจนเพื่อสามารถตัดสินสิ่งต่าง ๆ ได้น้อยลงมากเท่าที่จะทำได้ ไม่นับเรื่องการทำงานรับใช้ผู้คน และผมไม่ใช่แค่ชอบใส่เสื้อสีเหมือนกันทุกวัน แต่ผมยังมีเสื้อแบบนี้อีกเยอะแยะมาก"



------------------

ไทยเรารับวัฒนธรรมการแต่งชุดนักเรียนมาจากอังกฤษ ใครอยากรู้ว่า ทำไมต้องใส่ชุดนักเรียน สงสัยต้องไปถามที่รากเหง้าของชุดนักเรียนคือ ที่ประเทศอังกฤษครับ

แต่นักเรียนอังกฤษ เขาไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องชุดนักเรียนเหมือนนักเรียนไทย แล้วพอโตขึ้นมา เขาก็เข้าใจประชาธิปไตยแบบรัฐธรรมนูญที่ไม่มีลายลักษณ์อักษรได้อย่างลึกซึ้ง ไม่มีพวกนักการเมืองศรีธนญชัยที่คอยแต่จะหาช่องโหว่ใน รธน. เพื่อแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวเองและพวกพ้อง

ไม่แน่นะ เรื่องความเข้าใจประชาธิปไตยแบบฉลาด ๆ ของคนอังกฤษ อาจเกี่ยวข้องกับการที่นักเรียนอังกฤษเขาไม่บ้าเสรีภาพจนเกินไปแบบนักเรียนไทยในยุคนี้ก็ได้

คือนักเรียนอังกฤษเขาเอาเวลาไปสนใจการเรียนและพัฒนาสมองดีกว่ามาสนใจว่า กูอยากแต่งชุดอะไรดีมาโรงเรียน หรือมัวแต่หาตรรกะไปเถียงกับอาจารย์ว่า ทำไมผมต้องใส่ชุดนักเรียน

ริง ๆ แล้ว ประเทศไทยก็ไม่มีการบังคับว่า ทุกโรงเรียนจะต้องมีเครื่องแบบนักเรียน ถ้าโรงเรียนไหนอยากจะไม่มีเครื่องแบบนักเรียนก็ทำได้ เป็นสิทธิของโรงเรียนแต่ละโรงเรียนจะกำหนดเอง

เพียงแต่ว่า ทุกโรงเรียนในไทยดันบังคับให้นักเรียนของตนเองต้องใส่เครื่องแบบที่โรงเรียนกำหนดเท่านั้น

คือ ถ้าใครไม่อยากใส่ชุดนักเรียนไปโรงเรียน ก็ควรหาโรงเรียนที่เขาไม่บังคับให้ใส่ชุดนักเรียน แล้วไปสมัครเรียนที่นั่นซะ

แต่ถ้าหาโรงเรียนในไทยที่ไม่บังคับให้นักเรียนต้องใส่ชุดนักเรียนได้แล้วล่ะก็ แนะนำให้คุณไปตั้งโรงเรียนใหม่ขึ้นมาเองซะ แล้วโรงเรียนของคุณก็ไม่ต้องบังคับให้นักเรียนใส่ชุดนักเรียน

นี่แหละการใช้สิทธิเสรีภาพที่ถูกต้องที่สุด

คลิกอ่าน จิตวิเคราะห์ กรณีกระเทยจิตเสื่อม อั้ม เนโกะ


วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

โคมลอย สมัยก่อนเขาลอยไม่เหมือนปัจจุบันนี้







ปัจจุบันนี้ประเพณีการลอยโคม เริ่มเป็นปัญหาอย่างมาก เพราะผู้คนจำนวนมากก็อยากจะลอยโคมกันใหญ่ โดยลอยไปแล้วก็ไม่รู้จะไปตกที่ไหน หรืออาจไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครบ้าง เพราะมีข่าวทุกปีว่า โคมลอยทำให้เกิดไฟไหม้บ้านคนที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย

อย่างวันก่อนดูสกู๊ปข่าวแตกประเด็นของไก่ ภาษิต ก็พาไปพบเจ้าของโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ย่านนนทบุรี ที่เมื่อ 7 ปีก่อน เขาต้องสูญเสียโรงงานจากเพลิงไหม้อันมีสาเหตุมาจากโคมลอย นี่แหละครับ

นอกจากเขาต้องเสียโรงงานแล้ว เขายังสูญเสียพ่อในเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้นอีกด้วย


หรืออย่างปีนี้ 2557 ขณะที่ผมเขียนบทความก็มีข่าวเกิดเพลิงไหม้เพราะโคมลอยอีกเช่นกัน ที่อุบลราชธานี ในเทศกาลลอยกระทง คลิกดูข่าวที่นี่

ทั้งหลายทั้งปวง เหตุเพราะการเล่นโคมลอยผิดเพี้ยนไปจากในอดีต เนื่องจาก มอก.ได้กำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมในการผลิตโคมลอยไว้ว่า จะต้องลอยได้ไม่เกิน 8 นาที

แต่เดี๋ยวนี้ผู้ผลิตโคมลอย กลับผลิตให้โคมลอยลอยได้นานขึ้นเป็นชั่วโมงด้วยการใช้ไต้ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น

พอดีผมได้ดูไทยพีบีเอส มีผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ท่านหนึ่งได้เล่าว่า สมัยก่อนคนโบราณเขาเรียกโคมลอยว่า ว่าวไฟ

นั่นแสดงว่า ในสมัยโบราณ โคมลอยคงมีลักษณะบางอย่างเหมือนว่าว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ท่านนี้ก็ได้สันนิษฐานว่า อาจมีการผูกเชือกไว้ที่โคมลอย แล้วเมื่อโคมลอยขึ้นไปแล้วจนใกล้จะดับ ผู้ปล่อยโคมก็สามารถดึงหรือชักเอาโคมลอยกลับลงมา โดยไม่ได้ปล่อยให้ลอยแบบไร้จุดหมายปลายทางเหมือนในยุคปัจจุบันนี้

และในอดีต การลอยโคม ก็ไม่ได้จะได้ลอยกันทุกคน แต่จะมีตัวแทนหรือผู้นำชุมชนที่จะเป็นตัวแทนคนในชุมชนเพื่อลอยโคมแค่เพียงคนเดียว และจะลอยแค่ไม่กี่โคมเท่านั้น เช่นหมู่บ้านนึงอาจมีการลอยโคมแต่ 2-3 โคมเท่านั้น โดยโคมเหล่านี้ก็จะถือเป็นโคมตัวแทนของทั้งชุมชนนั้น ๆ จึงไม่จำเป็นต้องลอยโคมกันทุกคนเหมือนยุคนี้

ที่สำคัญในสมัยโบราณที่เกิน 100 ปีที่แล้วย้อนหลังไป บ้านเมืองไม่ได้มีตึกรามบ้านช่องมากมายแบบปัจจุบันนี้ เครื่องบินก็ยังไม่มี

แต่แล้วจู่ ๆ ยุคนี้เกิดกระแสลอยโคมกันยกใหญ่ เพราะราคาไม่แพง ราคาโคมลอยขนาดยอดนิยม ก็ตก 3 อัน 100 บาทเท่านั้น ทำให้เดี๋ยวนี้จึงมีคนเห่อลอยโคมยิ่งกว่าลอยกระทงเสียอีก เพราะมันสวยกว่า มันเพลินตากว่า

แล้วยังจะมีพวกไกด์ที่พานักท่องเที่ยวมาลอยโคมอีก พวกนักท่องเที่ยวเขาก็สนุกไปตามประสา เขาไม่ได้ต้องมาสนว่า จะมีปัญหาอะไรตามมา ก็ลอยกันใหญ่อย่างสนุกสนาน

แต่ที่น่าตำหนิที่สุด ก็คือ มีวัดดังวัดนึง วัดที่คุณก็รู้ว่าวัดอะไร ที่มีเจดีย์ทรงจานบินนั่นแหละ เขาก็อ้างว่า การลอยโคมเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เฮ่อ....

แต่วัดเขาก็ฉลาดที่ไม่จัดลอยโคมใกล้กรุงเทพ เขาจะจัดที่เชียงใหม่ หรือไม่ก็ริมฝั่งโขงโน่น ถ่ายภาพออกมาดูสวยงามละลานตา แต่จะลอยไปตกที่ไหนก็ชั่ง..

แต่มันก็เท่ากับเป็นการส่งเสริมให้คนไทยเห่อกระแสลอยโคมกันมากขึ้นจนระบาดไปทั่วประเทศในตอนนี้ ซึ่งถ้าย้อนไปสัก 10 ปีที่ผ่านมา ไม่มีกระแสเห่อลอยโคมลอยมากเท่านี้นะ เพิ่งจะมีกระแสเห่อลอยโคมในช่วง 4-5 ปีหลัง ๆ นี่แหละ

แต่ปีนี้ยังโชคดีอย่างนึงที่ ทางกรุงเทพมหานครมีคำสั่งห้ามลอยโคมในหลายเขตของกรุงเทพ ฯ เพราะเมื่อปี 2556 มีเหตุเพลิงไหม้ไป 1 แห่ง มีเหตุเกือบไหม้ถึงบ้านคนอีกหลายแห่ง เพราะไปติดตามต้นไม้ หรือเสาไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งอันตรายมาก ๆ

สำหรับประเพณีลอยกระทง (ที่ซึ่งการลอยโคมลอยก็ได้อาศัยเกาะประเพณีลอยกระทงหากิน) ผมเองไม่ค่อยสนับสนุนเท่าไหร่

แต่ก็เถอะนะ ถ้านี่คือประเพณีไทยที่เราก็ต้องอนุรักษ์ ส่วยผมก็ขอเสียสละไม่ลอยคนนึงมาร่วม 20 กว่าปีแล้วล่ะ เพราะไม่นิยม

เพราะผมถือว่า กระทงมันจะกลายเป็นขยะ ผมเลยขอไม่มีส่วนร่วมสักคนน่าจะดีกว่า อย่างน้อยก็ช่วยลดขยะในแหล่งน้ำไป 1 ชิ้นก็ยังดี ส่วนในทางเศรษฐกิจเขาก็มองว่า ประเพณีลอยกระทงเป็นเทศกาลกระตุ้นการท่องเที่ยวและการค้าอย่างหนึ่ง ซึ่งก็จริง อันนี้ผมก็ไม่ว่าอะไร

นานาจิตตัง แม้ผมไม่ลอยกระทง แต่ผมก็ไม่ห้ามถ้าคนอื่นจะลอย

แต่สำหรับการลอยโคมลอยนี่ ผมว่า ไม่ควรให้มีการลอยอย่างยิ่ง เพราะมันอันตรายมาก ๆ แค่มีไฟไหม้บ้านใครก็ตามแค่รายเดียวจากสาเหตุโคมลอยก็ถือว่า ไม่คุ้มแล้วกับการปล่อยให้มีการลอยโคมในช่วงเทศกาลใด ๆ

สถานที่ใดที่จัดงานจะลอยโคมเพื่อการใด ควรต้องมีการขออนุญาตเป็นกิจลักษณะ ไม่ควรปล่อยให้มีการลอยโคมกันเอิกเกริกกันได้ทุกเพศทุกวัย ไม่จำกัดจำนวนเหมือนอย่างตอนนี้

--------------------

การลอยกระทง เป็นการสอนให้คนไทยสนแต่เปลือกอย่างหนึ่ง

เพราะการลอยกระทง ก่อนจะลอยก็ถือกระทงกันสวย ๆ งาม ๆ กันทั้งนั้น แต่พอลอยไปแล้ว ก็เก็บความรู้สึกสวยงามแต่เปลือกกลับกันไป

ซึ่งในโลกแห่งความจริง กระทงทุกใบที่อยู่ในแม่น้ำลำคลอง พอถึงตอนเช้ามันก็คือขยะทั้งนั้น ไม่ได้สวยงามเหมือนเมื่อคืนตอนก่อนจะลอยเลย

แล้วก็มีตรรกะหลอกกันเองเช่น

บอกว่า การลอยกระทงคือการขอขมาแม่น้ำลำคลอง บ้างก็ว่า ลอยกระทงเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

แต่ในอีกแง่ก็บอกว่า ลอยเอาทุกข์เอาโศกลอยทิ้งไปกับกระทง แล้วตกลงว่า เราขอขมาแม่น้้ำ ด้วยทุกข์ของเราโยนเป็นภาระให้แม่น้ำรับไปแทนเรางั้นรึ ??

ตกลงเรากำลังขอขมาแม่น้ำ หรือเรากำลังแช่งแม่น้ำกันแน่ ?? แค่คิดเล่น ๆ ขำ 

จริง ๆ แล้ว ผมอยากให้ประเพณีไทยบางอย่างให้เฉพาะเด็ก ๆ และวัยรุ่นอายุไม่เกิน 25 ปีเท่านั้นที่เล่นได้ เช่น ประเพณีลอยกระทงหรือประเพณีสงกรานต์

ส่วนผู้ใหญ่ก็ควรมีหน้าที่แค่ช่วยดูแลความปลอดภัยให้เด็ก ๆ   เหมือนที่ญี่ปุ่น หลาย ๆ ประเพณีของเขาจะให้เฉพาะเด็กเล่นเท่านั้น ส่วนผู้ใหญ่แค่มีส่วนร่วมในการดูแลเด็ก ๆ ให้ปลอดภัย

ถ้าเป็นแบบนี้ก็น่าจะดีนะ

----------------------

โคมลอย ที่มาของคำว่า ข่าวโคมลอย

เพราะการลอยโคม ลอยไปแล้ว ก็ไม่รู้จะไปตกที่ไหน ตกใส่บ้านใคร หรือเกิดไฟไหม้บ้านใคร คนลอยโคมก็ไม่รู้

ข่าวโคมลอย ก็เช่นกัน หมายถึง มีใครปล่อยข่าวออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ข่าวจะไปกระทบกระเทือนถึงใครบ้าง ก็ไม่รู้ ไม่สนใจ เพราะหาแหล่งที่มาของคนปล่อยข่าวไม่ได้  ก็เลยเรียกว่า ข่าวโคมลอย !!

รูป อ้าว !สันดานพี่ไทย



วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สิ่งที่น่าผิดหวังที่สุดในไทยพรีเมียร์ลีก 2014






โตโยต้าไทยพรีเมียร์ลีก ฟุตบอลลีกสูงสุดของไทย ได้จบฤดูกาลไปแล้ว โดยทีมเนวิน ยูไนเต็ด เอ้ย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดได้แชมป์ไป โดยมี ทีมสโมสรชลบุรี เอฟซี ได้รองแชมป์

ส่วนทีมที่ผมเชียร์ไม่ขึ้นเลย คือ แอร์ฟอร์ซ เอฟซี หรือ อดีตทีมทหารอากาศ แชมป์ยามาฮ่าลีกวันฤดูกาลที่แล้ว ที่ได้เลื่อนชั้นมาเล่นในไทยพรีเมียร์ลีกปีแรก ก็เป็นอันต้องตกชั้นกลับไปเล่นยามาฮาลีกวันเช่นเดิม ตกชั้นไปพร้อมกับทีม ปตท.ระยอง รองแชมป์ลีกวันฤดูกาลที่แล้ว

อันนี้ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นะว่า ทำไมต้องเปลี่ยนชื่อจากทีมทหารอากาศ ไปเป็นชื่อฝรั่งด้วย แม้จะอ้างว่า มันเป็นเรื่องของการเปลี่ยนเป็นสโมสรกีฬาแบบเอกชนก็ตาม หรือว่า กองทัพอากาศเขาไม่ให้ใช้ชื่อทหารอากาศเหรอ แต่การใช้คำว่า Air force มันก็ชื่อ กองทัพอากาศในภาษาอังกฤษ อยู่ดี

ขนาดทีมราชนาวี ในยามาฮ่าลีกวันก็ยังใช้ชื่อเก่าได้เลย และในฤดูกาล 2014-2015 ทีมราชนาวีจะเลื่อนชั้นขึ้นมาเตะในไทยพรีเมียร์ลีกแล้ว

ผมว่าน่ะ ถ้าทีมแอร์ฟอร์ซ ยังใช้ชื่อทีมทหารอากาศ ได้เหมือนเดิม มันจะมีมนต์ขลังมากกว่านี้เยอะ เหมือนที่ทีมท่าเรือ ก็ยังใช้ชื่อเดิม ๆ ได้ แค่เพิ่มคำว่า สิงห์ เข้าไปกลายเป็น "สิงห์ท่าเรือ"

ถ้าเป็นไปได้นะ ผมขอแนะนำให้ทีมแอร์ฟอร์ซ เอฟซี เปลี่ยนกลับไปใช้ชื่อ สโมสรทหารอากาศ แล้วจะต่อท้ายว่า ยูไนเต็ด ก็ได้ เป็น ทีมทหารอากาศ ยูไนเต็ด ประมาณนี้จะดีกว่าเดิมแน่นอน

หรือจะเปลี่ยนเป็น "ทีมอินทรีย์ทหารอากาศ" ก็ได้ เพราะจะเรียกแฟนบอลเก่าๆ กลับมาเชียร์ได้อีกเยอะ และชื่อทีมทหารอากาศมันมีเป็นตำนาน !!

แต่สิ่งที่ผมผิดหวังมากที่สุดในไทยพรีเมียร์ลีก ไม่ใช่ทีมที่ผมเชียร์ตกชั้น เพราะผมไม่ได้อินมากขนาดเป็นแฟนคลับอะไร เพราะใจผมมันแฟนทีมทหารอากาศในอดีตเท่านั้น ทีมแอร์ฟอร์ซ ผมไม่ค่อยรู้สึกร่วมเท่าไหร่แล้วล่ะ แม้จะพยายามหลอกตัวเองว่า เป็นทีมทหารอากาศเก่า ก็ตาม

สิ่งที่ผมผิดหวังในไทยพรีเมียร์ลีก 2014 มากที่สุดก็คือ 20 อันดับดาวซัลโว เป็นนักเตะต่างชาติหมดทุกคน !!

รายชื่อ 20 อันดับดาวซัลโว ไทยพรีเมียร์ลีก 2014


ช่วงหลัง ๆ หลายเดือนมานี้ ผมดูรายงานข่าวฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก 2014 ทีไร ได้ยินแต่นักเตะต่างชาติทำประตูแทบทุกนัดในทุกทีม ไม่ค่อยได้ยินว่ามีนักเตะไทยยิงประตูได้สักกี่ลูกเลย ทั้ง ๆ ที่นี่มันลีกฟุตบอลของไทยนะ

ก็อย่างว่า เดี๋ยวคนเขาก็จะอ้างว่า นี่มันฟุตบอลอาชีพแล้ว ลีกประเทศไหน ๆ ก็เป็นแบบนี้แหละ

เอาเถอะ เหตุผลนั้น ผมก็เข้าใจนะ ก็ ดาวยิง หรือ ศูนย์หน้าคนไทย มันยังสู้นักเตะต่างชาติเขาไม่ได้จริง ๆ

แต่ถ้าแต่ละทีมหวังผลการแข่งขัน จนไม่สนใจคิดจะใช้นักเตะไทยให้เป็นศูนย์หน้ามากเท่าที่ควร ผมว่า เราจะได้ยินว่า ทีมชาติไทยเล่นดี แต่ยิงประตูน้อยกว่าคู่แข่ง.ในระดับเอเซียทั้งปี แล้วก็มาช่วยกันปลอบใจ อวยกันว่า นักเตะทีมชาติไทยทำดีที่สุดแล้ว คนไทยปลื้มแล้ว ถือซะว่า หาประสบการณ์ (ตลอดชาติ)

ก็คงได้เท่านั้น 555555555555555  อีกไม่นานพม่าจะแซงหน้าไทยแน่นอน ถ้าไทยเรายังไม่หาทางแก้ไข

ส่วนผมเลิกหวังว่า ทีมชาติไทยจะไปฟุตบอลโลกมาเกิน 10 ปีแล้วล่ะ ก็นับตั้งแต่ทีมชาติเกาหลีเหนือมาถล่มทีมชาติไทยคาบ้านต่อหน้าทักษิณนั่นแหละ





counter statistics