วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ข้อคิด ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร กับ ความเท่าเทียมกัน







ที่จริงคนที่เสนอให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหารน่ะ (เช่น นายไอติม หลานชายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ)

ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้จริง ๆ คือ ทำอย่างไรถึงจะได้กำลังพลตามจำนวนที่กองทัพต้องการในแต่ละปี

เช่น กองทัพไทยต้องการกำลังพลทหารปีละ 100,000 นาย

ถ้ายกเลิกการเกณฑ์ทหารแล้ว มีคนมาสมัครเป็นทหารแค่ 9 พันคน ก็ย่อมไม่เพียงพอกับจำนวนกำลังพลทหาร 100,000 นายที่กองทัพต้องการ

ดังนั้นใครเสนอให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหารน่ะ สักแต่พูดเอาเท่ง่าย ๆ น่ะได้

แต่ถ้ารับสมัครพลทหารแล้ว แต่ได้กำลังพลไม่เพียงพอ ไอ้คนเสนอยกเลิกการเกณฑ์ทหาร คุณจะกล้ารับผิดชอบอะไรบ้างไหม ?

ดังนั้น จะให้ยกเลิกการเกณฑ์หารก็ได้นะ

แต่คุณต้องคิดวิธีที่รับประกันได้ว่า จะได้จำนวนกำลังพลตามที่กองทัพต้องการในแต่ละปีให้ได้ด้วยงบประมาณจำนวนจำกัด

ไม่ใช่สักแต่เสนอเอาเท่เอามันไปวัน ๆ แต่ผลจะเป็นอย่างไรกูไม่สน

-----------

คุณเคยเห็นลูกคนรวยหัดต่อยมวยไทยตั้งแต่เด็ก เพื่อจะเป็นนักมวยไทยอาชีพบ้างไหม ?

คำตอบเช่นเดียวกับการรับสมัครพลทหาร

ถ้ายกเลิกการเกณฑ์ทหารแล้ว คุณจะไม่มีทางเห็นลูกเศรษฐี หรือดาราดัง ๆ มีรายได้เดือนเป็นล้านแห่มาสมัครเป็น พลทหาร หรอก

เพราะไม่มีใครอยากมาลำบาก ได้เงินเดือนก็น้อย แถมยังเสี่ยงตายอีก

ฉะนั้น การเกณฑ์ทหารโดยหลักการแล้ว ก็คือ วิธีหนึ่งในความเท่าเทียมกันของลูกคนจนกับลูกคนรวย

การเป็นทหารถือเป็น หน้าที่ ของชายไทย

ใครไม่อยากเป็นพลทหารก็เรียนนักศึกษาวิชาทหารสิวะ เรียนไม่ยาก แถมมาเรียนครบจบแน่

ไม่งั้นก็รอจับใบดำใบแดง 

คลิกอ่าน เจตนาการเกณฑ์ทหารคือ ไม่อยากให้ทุกคนต้องเป็นทหาร

---------

รูป พลทหารมิกค์ ทองระย้า สังกัดกองพันทหารต่อสู้อากาศยาน 1 กรมทหารต่อสู้อากาศยานรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน



ขอบคุณพลทหารมิกค์ ที่เป็นตัวอย่างที่ดีของลูกผู้ชายไทยครับ

--------------

ขำ ๆ ท้ายบทความ

มิกค์ ทองระย้า เคยพูดเล่น ๆ ขำ ๆ ในวันที่ขอสมัครเป็นทหารเกณฑ์ผลัด 2 ไว้ว่า

"ในละครเป็นผู้กองการันต์ ครับ แต่ชีวิตจริงเป็นพลทหารมิกค์ ครับผม 555"

คู่พระนาง ในละครภารกิจหัวใจ



รูปในชีวิตจริงของลูกผู้ชายชาติทหาร พลทหารมิกค์ ทองระย้า




ใจคุณแน่มาก เท่สุด ๆ ครับ

วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

สงสัย วีเจจ๋า กับ แมทภีรนีย์ จะไม่รู้จักศีลข้อกาเม







#ผู้ชายมักมากคู่ควรกับผู้หญิงร่าน

กรณี สามีภรรยา เขาจะมีปัญหากัน จะร้างกัน จะแยกกันอยู่ ตราบใดถ้าเขายังไม่หย่ากัน

ผู้หญิงจิตใจดีย่อมมีจิตสำนึกในศีลธรรมอันดี โดยเฉพาะศีลข้อ 3 ก็ไม่ควรนำตัวไปยุ่งไปเกี่ยวข้องไปเป็นมือที่ 3 ของครอบครัวคนอื่นเด็ดขาด

พึงต้องระลึกในแง่ดีไว้เสมอว่า ตราบใดถ้าเขายังไม่หย่าขาดกัน เขาย่อมมีโอกาสคืนดีกันได้

จงอย่าเอาตัวเองไปเกี่ยวข้องจนเป็นเหตุให้ผัวเมียเขาต้องหย่าขาดกันจริง ๆ ด้วยการ อย่าเปิดโอกาสให้สามีคนอื่นเข้ามาจีบตน หรือ อย่าอ่อยผัวเขา

ยิ่งผู้หญิงที่ชอบคุยกับผัวชาวบ้านแล้วชอบอ้างว่า คบกันแบบเพื่อน คุยกันแบบเพื่อนนี่แหละ นังตัวดี

เหตุเป็นชู้กับผัวชาวบ้านมันก็เริ่มจากการอ้าง เป็นเพื่อนกัน มาก่อน ทั้งนั้นแหละ

ไม่ใช่ผู้ชายมักมากแค่อ้างว่า แยกกับเมียแล้ว แต่ยังไม่ได้หย่า

ก็คงมีแต่ ผู้หญิงที่เสื่อมในศีล เท่านั้น ที่รีบเชื่อ รีบเสียบ รีบเป็นมือที่ 3 ทั้งที่ผู้ชายเขายังไม่ทันจะหย่ากับเมียเขา

ยิ่งกรณี วีเจจ๋า พอรู้ข่าวว่า ผู้ชายไปหย่ากับเมียแล้ว ก็ดีใจและปกป้องผู้ชายจนออกนอกหน้าอย่างน่าเกลียดที่สุด

ดูคลิป วีเจจ๋ากระดี๊กระด๊ากระดี่ได้น้ำ เมื่อชายกิ๊กหย่าขาดกับเมียเก่าแล้ว



ดีเจจ๋า ไม่เคยถอยห่างจากผู้ชายคนนี้จริง ๆ หรอกนะ แต่เพราะถูกสังคมจับได้ว่า แอบเป็นกิ๊กกับผัวเขา ถึงขนาดไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน เลยจำใจต้องถอย

แต่พอผู้ชายหย่าปุ๊บ รีบออกมาปกป้องแถมให้โอกาสผู้ชายพิสูจน์ตัวเองด้วย

มีความเห็นนึงในโซเชียลที่ผมชอบมาก เขาโพสสั้น ๆ ไว้ว่า

แล้วผู้ชายไปหย่าเมียเพราะใครล่ะ?

----------------

ส่วนคู่ฉาวอีกคู่ กับคำพูดชัดเจนไม่แคร์ใคร

แมท ภีรนีย์ ได้ให้สัมภาษณ์หลังยอมรับว่าคบกับสงกรานต์ ด้วยประโยคเด็ดไว้ว่า

"แมทเป็นสาวห้าวสาวแสบอยู่แล้ว แมทรู้สึก ณ ตอนนั้นว่า ถ้าพี่เขาจะ หน้าด้าน พอที่จะเข้ามา แมทก็ไม่สน เพราะแมทก็เป็นคนห้าวเป้งของแมทอยู่แล้ว แมทไม่ได้รู้สึกว่าแมททำผิด อีก"


มีเพจดังเปิดเผยภาพที่คาดว่าเป็น แมท กับ สงกรานต์ ไปกินขนมจีบ ซาลาเปากัน



มาตรการทางสังคมเริ่มทำงาน เห็นข่าวว่ามีสินค้าบางยี่ห้อถอดแมทออกจากการเป็นพรีเซนเตอร์แล้ว และว่าจะมีทยอยตามมาอีก

#กาเมสุมิจฉาจาราเวรมณีสิกขาปะทังสะมาทิยามิ
ใครอย่าสวดบทนี้ให้ วีเจจ๋า กับ แมทภีรนีย์ ได้ยินเชียวนะ
เดี๋ยวสองคนนี้จะปวดแสบปวดร้อนน่ะ

คลิกอ่าน บทเรียนราคาแพงของ วีเจ๋า กับคำว่า เมียน้อย 2018

วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

คำสาปแช่งของพ่อแม่ และคำสาปเมียหลวง






คนโบราณเขาเชื่อกันว่า ถ้าพ่อแม่เผลอด่าหรือแช่งลูก ลูกจะเป็นไปตามปากพ่อแม่ เช่น ถ้าพ่อแม่ที่ชอบด่าลูกว่าเลว ลูกจะยิ่งเลวตามปากพ่อแม่

โบราณเขาถึงสอนให้พ่อแม่เวลาโกรธลูก ให้พูด(ด่า)ว่า เจริญเถอะมึง แทน หรือ จำเริญล่ะมึง แทน (จะใส่อารมณ์โกรธได้เวลาด่าด้วยประโยคนี้ด้วยก็ได้)

แล้วลูกจะกลับกลายมาดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามปากพ่อแม่ได้อย่างอัศจรรย์

ความเชื่อโบราณนี้สามารถอธิบายในเชิงจิตวิทยาการเลี้ยงลูกได้

----------

คำสาปแช่งที่แรงและอันตราย


c9jมี คำแช่งอีกอันที่น่ากลัวมาก ก็คือ คำแช่งของเมียหลวงต่อสามี หรือจะเป็น เมียหลวงแช่งเมียน้อย 



บางคนทำบุญสุนทานมากมาย ใจดีต่อคนอื่น แต่กลับใจร้ายต่อเมียหลวง เช่น มีเมียน้อยโดยที่เมียหลวงแอบเจ็บช้ำน้ำใจ

แล้วเมียหลวงอาจเผลอแช่งผัว หรือบางคนรักผัวมาก เลยไม่แช่งผัว แต่ไปแช่งนังเมียน้อยแทน

คำแช่งของเมียหลวงที่แสนเจ็บช้ำนี่แหละ บางทีกลายเป็น กรรมหนักด่วน มาชิงตัดหน้ากรรมดีที่สะสมมาของคนถูกแข่งได้เลยนะ

โบราณเขาถึงห้ามเมียหลวงสาปแข่งผัวหรือแช่งเมียน้อย เพราะมันแรง ถึงขั้น ตายโหง  ได้เลย แต่เมียหลวงก็ทำบาปหนักเข้าตัวเองเช่นกัน (เมียหลวงบางคนเผลอแช่งจนลืมที่แช่งไปแล้วก็มี)

เพราะแต่ละคนย่อมมีกรรมเป็นของตน ไม่จำเป็นต้องสาปแช่งใครให้บาปเข้าตัวเราเองหรอก เพราะเดี๋ยวกฎแห่งกรรมจะจัดสรรให้ทุกอย่างยุติธรรมเอง


หมายเหตุ บทความนี้ผมเขียนครั้งแรกในเพจใหม่เมืองเอกเพจ เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2561 ก่อนที่จะมีข่าวลือต่าง ๆ ออกมา
https://.facebook.com/story.php?story_fbid=2162149464001144&id=1575613889321374

----------------

กรรมติด ฮ.

หลังมีเหตุการณ์อุบัติเหตุดังที่เมืองเลสเตอร์ ไป 3 วัน

นายแดน โรแอน Dan Roan บรรณาธิการข่าวกีฬาของบีบีซี ได้พลั้งปากพูดอออกมาในสถานที่ไว้อาลัยใกล้ที่เกิดอุบัติเหตุว่า

"เจ้าสัวมีภรรยาลับซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานของเขาเสียชีวิตในอุบัติเหตุ.."

“The mistress who died in the crash … otherwise known as a member of staff … ie mistress. If you were a billionaire, it’s relatively expected, so we shouldn’t judge.”


BBC sports editor Dan Roan was overheard mocking Vichai Srivaddhanaprabha's 'family man' image


ต่อมานายแดน โรอัน แค่ออกมาขอโทษที่เขาพลั้งปากพูดในเรื่องไม่สมควรออกไปในที่สาธารณะ แต่นายแดนไม่เคยบอกว่า สิ่งที่เขาพูดไปนั้นไม่ใช่เรื่องจริง

คลิปคนดังนั่งเคลียร์ ซาร่า นุสรา มาเคลียร์ประเด็น ขายตัวที่เมืองนอก และมีเสี่ยแก่เลี้ยงดู ซึ่งเป็นคลิปที่ออกอากาศเมื่อปี 2015 แล้ว



อาจารย์ยิ่งศักดิ์ ถามคำถามแรงและหลายคำถามดูเป็นการเสียมารยาทต่อแขกรับเชิญมาก ๆ

สันนิษฐานว่า อาจารย์ยิ่งศักดิ์ คงรู้อะไรลึก ๆ แต่พูดออกมาตรง ๆ ออกอากาศไม่ได้ เลยหลอกด่าแขกรับเชิญไปซะเยอะเลย คงเพราะอาจารยฺ์แกคงรับเซนส์ซิทีฟกับเรื่องทำนองนี้

คลิกอ่าน ผิดศีลข้อไหนบาปที่สุุด และช้อไหนอันตรายที่สุด

วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ผิดศีลข้อไหนบาปที่สุด ผิดศีลข้อไหนอันตรายที่สุด






มักมีคนตั้งคำถาม ๆ ว่า ผิดศีลข้อไหนบาปมากที่สุด ? 

คำถามนี้ทำให้ผู้คนถกเถียงกันมาก หลายคนบอก ผิดศีลข้อ 1 ห้ามฆ่าสัตว์ สิบาปที่สุด พระพุทธเจ้าถึงทรงยกมาไว้เป็นศีลข้อแรก

หลายคนบอกว่า ผิดศีลข้อ 3 ห้ามประพฤติผิดในกาม สิบาปที่สุด เพราะข้อนี้ทำให้มีคนเดือดร้อนเสียใจมากมาย

แต่ก็มีอีกหลายคนบอกว่า ผิดศีลข้อ 5 ห้ามดื่มสุราเมรัยและสิ่งเสพติดมึนเมา สิบาปมากที่สุด เพราะการกินเหล้าทำให้สามารถผิดศีลได้ทุกข้อที่ว่ามาทั้งหมด

แล้วคุณผู้อ่านว่า ศีลข้อไหนล่ะบาปมากที่สุด ?

-----------------

ความจริงแล้ว เราต้องแยกให้ออกเป็น 2 คำถาม คือ

1. ผิดศีลข้อไหนทำบาปที่สุดต่อตัวเรา

2. ผิดศีลข้อไหนอันตรายที่สุดต่อตัวเรา

หากเราแยกศีลในแต่ละข้อออกจากกันโดยเด็ดขาด ไม่นำมาปนเปกัน กับคำถามที่ว่า ผิดศีลข้อไหนบาปมากที่สุด ?

ก็ต้องตอบว่า ผิดศีลข้อที่ 1 ทำบาปมากที่สุด เพราะคือการทำลายชีวิตผู้อื่นให้ดับสิ้นลง เป็นการเบียดเบียนที่รุนแรงที่สุด เพราะการมีชีวิตอยู่คือสิ่งสำคัญที่สุดของทุกชีวิต

ส่วนศีลข้อ 2 3 4 5 ก็เรียงตามลำดับกำลังบาปที่ได้รับจะรองลงมา

แต่ถ้าถามว่า ผิดศีลข้อไหนอันตรายที่สุด ?

ก็ต้องตอบว่า ผิดศีลข้อ 5 อันตรายที่สุด เพราะการดื่มเหล้าหรือสิ่งเสพติดมึนเมาทุกชนิด (รวมถึงยาเสพติด) ทำให้ผู้เสพขาดสติสัมปชัญญะได้ เมื่อคนเราขาดสติแล้ว ก็จะทำให้หิริโอตัปปะหรือความละอายเกรงกลัวต่อบาปเสื่อมลง

คนเราเมื่อขาดสติแล้ว ย่อมทำให้กระทำผิดศีลได้ทุกข้อตามมาได้

ดังนั้น หากแยกส่วนของศีลแต่ละข้อแล้ว การผิดศีลข้อ 5 จึงไม่ใช่มีผลบาปมากที่สุด แต่กลับเป็นศีลข้อที่อันตรายที่สุด ที่จะส่งเสริมให้ทำบาปด้วยการผิดศีลได้ทุกข้อตามมา

---------------------

เคยมีพระรูปหนึ่งในยูทูปเทศน์ว่า ผิดศีลข้อ 5 บาปและอันตรายมากที่สุด

ก็มีคนทั้งแสดงความเห็นทั้งเชื่อและไม่เชื่อมากมาย นั่นเพราะเกิดความสับสนใน 2 คำถามนำมาผสมปนเปกัน คือ

ผิดศีลข้อไหนบาปมากที่สุด กับ ผิดศีลข้อไหนส่งเสริมทำให้ไปทำบาปต่อเนื่องได้มากที่สุด

พอเข้าใจที่ผมอธิบายแบบนี้ไหมครับ

แล้วมีชายคนนึงได้มาแสดงความเห็นว่า เขาดื่มเหล้าทุกวัน แต่เขาไม่เคยไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เขาจึงไม่เชื่อที่พระรูปนี้สอนว่า ผิดศีลข้อ 5 ทำให้สามารถผิดศีลได้ทุกข้อ

ผมจึงอธิบายให้เขาฟังไปว่า ที่คุณว่า คุณดื่มเหล้าทุกวันแต่คุณก็ไม่เคยคิดไปฆ่าใครนั้น เป็นเพราะคุณยังไม่เจอสิ่งเร้ามากระทบในเวลานั้นพอดี

แต่ถ้าเมื่อใดก็ตาม ขณะที่คุณกำลังเมาเหล้า แล้วเกิดมีใครมาด่าคุณแรง ๆ มาเหยียดหยามคุณแรง ๆ หรือมาทำอะไรที่คุณไม่ชอบอย่างมากในขณะที่คุณกำลังเมา เมื่อนั้นแหละ คุณอาจฟิวส์ขาด ขาดสติ จนควบคุมสติไม่อยู่ จนถึงขั้นอาจทำร้ายคน ๆ นั้น หรือฆ่าคน ๆ นั้นได้เลย

แบบนี้แหละ ที่เขาเรียกว่า เมาเหล้าทำให้คนขาดสติ เมื่อคนเราขาดสติแล้ว ความยับยั้งชั่งใจไม่ทำชั่วจะลดลง 

เมื่อนั้นคำสอนที่ว่า ผิดศีลข้อ 5 อาจทำให้ผิดศีลได้ทุกข้อก็สามารถเกิดขึ้นได้ ครับ

เพราะการผิดศีลข้อ 5 ทำให้คนเราขาดสติ จึงเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด


รูปจาก pixabay
-------------

การมีสติ คือการรู้จักละเว้นการทำชั่วได้ทั้งปวง

พระพุทธเจ้าสอนว่า คนเราเมื่อมีสติสัมปชัญญะดีแล้ว ก็จะไม่ก่อบาปใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เมื่อใดที่ขาดสติแล้ว คนเราย่อมสามารถทำบาปตามแรงกิเลสได้ทุกชนิด

เพราะคำว่า สติ แปลว่า ความระลึกได้ ความนึกขึ้นได้ ความไม่เผลอ ฉุกคิดขึ้นได้ การสามารถคุมจิตไว้ในทุกกิจ 

สติ จึงหมายถึง อาการที่จิตนึกถึงสิ่งที่จะทำสิ่งที่จะพูดได้ นึกถึงสิ่งที่ทำคำที่พูดไว้แล้วได้ เป็นอาการที่จิตไม่หลงลืม ระงับยับยั้งใจได้ ไม่ให้เลินเล่อพลั้งเผลอ ป้องกันความเสียหายเบื้องต้น ยับยั้งชั่งใจได้ไม่บุ่มบ่าม หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ความไม่ประมาท

ความมีสติ = ความไม่ประมาท

สติใช้เพื่อที่จะรู้เท่าทันในสังขาร 3

1. รู้เท่าทันในการเคลื่อนไหว(กายสังขาร) ในอันที่จะการสร้างกรรมใดๆ นั่นคือ ศีล

2. รู้เท่าทันในอารมณ์ที่ปรุงแต่งจิต(จิตสังขาร) จนจิตเป็นอิสระจากอารมณ์ นี่คือ สมาธิ

3. รู้เท่าทันความคิดทั้งหลาย(มโนสังขาร) ว่าความคิดเป็นเหตุเป็นผลหรือไม่(โยนิโสมนสิการ) นี้คือ ปัญญา

----------------

สรุป เมื่อมีสติก็คือความไม่ประมาท เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราจะไม่ทำบาป

ดังนั้น การผิดศีลข้อ 5 ซึ่งจะทำให้คนเราขาดสติได้ จึงเป็นศีลข้อที่อันตรายที่สุด และสามารถนำพาให้ทำบาปได้มากที่สุด

ถ้าเรามองแค่การดื่มเหล้าเท่านั้น อาจมองภาพรวมไม่ออก

แต่ถ้าเรามองว่า การผิดศีลข้อ 5 หมายถึง การเสพสิ่งเสพติดทุกชนิดที่ทำให้ขาดสติได้ เช่น คนเสพยาเสพติด คุณคงจะนึกภาพออกว่า คนติดยาเสพติด สามารถกระทำบาปมหันต์ได้ทุกข้อจริงไหม

เช่น คนติดยาเสพติด หรือติดเหล้าหนักจนทำลายสมองจนหลอน สามารถทุบตีพ่อแม่ จนถึงฆ่าพ่อฆ่าแม่ได้เลย มีให้เห็นเป็นข่าวอยู่บ่อย ๆ

พุทธพจน์  "ดูกรภิกษุทั้งหลาย การดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมยังสัตว์ให้เป็นไปในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในเปรตวิสัย วิบากแห่งการดื่มสุราและเมรัยอย่างเบาที่สุด ย่อมยัง ความเป็นบ้าให้เป็นไปแก่ผู้มาเกิดเป็นมนุษย์ ฯ"

พุทธพจน์ วิบากกรรมจากศีลแต่ละข้อ


----------------------

แล้วผิดศีลข้อไหนอันตรายรองลงมาจากศีลข้อ 5

คำตอบคือ การผิดศีลข้อ 4 ครับอันตรายที่สุดรองมา ตรงกับคำกล่าวที่ว่า "คนพูดเท็จ ไม่ทำชั่ว นั้นไม่มี"

ซึ่งมาจากพุทธพจน์ที่ว่า

"ดูก่อนราหุล เรากล่าวว่าบุคคลผู้ไม่มีความละอายในการกล่าวมุสาทั้งที่รู้อยู่ ที่จะไม่ทำบาปกรรมแม้น้อยหนึ่งไม่มี ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุนั้นแหละราหุล เธอพึงศึกษาว่า เราจักไม่กล่าวมุสา แม้เพราะหัวเราะกันเล่น ดูก่อนราหุล เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล"

คลิกอ่าน ความรักของแม่ที่มีต่อลูกเท่ากับจิตพระโพธิสัตว์

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ความรักของแม่ที่มีต่อลูกเสมือนจิตพระโพธิสัตว์







เผอิญผมได้ดูซีรีย์ญี่ปุ่นเรื่อง ดร.สตอร์กส์...อัศจรรย์ของชีวิต เมื่อคืนนี้

ซึ่งเป็นตอนที่ ผู้หญิงคนนึงตั้งครรภ์แล้วเกิดประสบอุบัติเหตุ คือมีรถยนต์คันนึงเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำแล้วรถลอยมาหาเธอ ในขณะที่เธอยืนอยู่บนฟุตบาท

โดยสัญชาตญาณของมนุษย์ทั่วไป คนเราจะพยายามปกป้องศรีษะให้รอดพ้นจากภัยอันตรายต่าง ๆ ก่อน เช่น พยายามนำมือและแขนมาบังศรีษะ เป็นต้น

แต่สัญชาตญาณของความเป็นแม่ ของผู้หญิงคนนี้กลับพยายามหันหลังแล้วงอตัวก้มลง แล้วเอาแขนและมือปกป้องบริเวณท้องที่มีลูกอยู่ในครรภ์ เพื่อไม่ให้ภัยอันตรายที่กำลังพุ่งมาหามากระแทกที่ท้องของตัวเอง

นี่คือ สัญชาตญาณของแม่ที่ต้องปกป้องชีวิตของลูกเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ต่อมา ผู้หญิงคนนี้ถูกนำส่งโรงพยาบาล ก็มีการถกเถียงระหว่างหมอศัลยกรรมสมอง กับหมอสูตินารีว่า จะทำคลอดเด็กก่อนเลยดีไหม เพราะเด็กยังแข็งแรงปลอดภัยอยู่

แต่หมอศัลยกรรมสมองค้านว่า ถ้าทำคลอดเด็ก จะทำให้แม่มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตเพิ่มขึ้น

จนผ่านไปหลายวัน ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์คนนี้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว หมอพยายามยื้อชีวิตเธอเอาไว้ เพื่อให้หมอสูตินารีต้องรีบผ่าคลอดให้เธอเพื่อช่วยชีวิตลูกในท้อง

จนเมื่อผ่าคลอดสำเร็จ เด็กเกิดมาอย่างปลอดภัย แล้วผู้เป็นแม่ก็หัวใจหยุดเต้นทันที หมอพยายามปั๊มหัวใจอีกแต่ก็ไม่ขึ้น

ในซีรีย์เขาพยายามสื่อให้รู้ว่า คนเป็นแม่พยายามต่อสู้เพื่อมีชีวิตให้นานจนกว่าลูกจะคลอดออกมาอย่างปลอดภัย

นี่คือความยิ่งใหญ่ในความรักของแม่ที่มีต่อลูก

---------------

พอผมดูซีรีย์ตอนนี้จบ ทำให้ผมมาคิดต่อเพิ่มเติมว่า คนเป็นแม่ที่ดีทุกคน จะรักและให้อภัยลูกได้เสมอ นี่คือหัวอกของคนเป็นแม่

ดังนั้นผมจึงคิดว่า ความรักที่แม่มีต่อลูกของตน ก็เปรียบเสมือนจิตของพระโพธิสัตว์

เพราะพระโพธิสัตว์มีความเมตตากรุณาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายประดุจดั่งคือลูกของตน เฉกเช่นที่เราเรียกพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ว่า เจ้าแม่กวนอิม นั่นเอง

ซึ่งคนเราทุกคนสามารถมีจิตเตตาดั่งพระโพธิสัตว์ได้ หรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงจิตพระโพธิสัตว์ได้ ถ้าคนเรามีความรัก มีความเมตตากรุณาต่อผู้อื่นเสมือนเมตตาต่อตนเอง หรือเสมือนรักลูกของตัวเอง

ในภาษาไทยเรามักจะใช้คำว่า แม่ เรียกสิ่งต่าง ๆ เช่น แม่น้ำ แม่ทัพ เป็นต้น

อย่างคำว่า แม่ทัพ ผมสันนิษฐานว่า คนโบราณคงต้องการให้ผู้นำกองทัพ หรือที่เรียกว่า แม่ทัพ นั้นต้องมีความเมตตากรุณาต่อลูกทัพทุกคน เฉกเช่นแม่ที่รักและปกป้องลูก เช่นกัน

แม้ในความเป็นจริง แม่ทัพ อาจจะไม่สามารถมีจิตที่เทียบเท่าความเป็นแม่จริง ๆ ได้ก็ตาม (คืออาจทำได้แต่ยาก)

แต่โบราณเขาคงใช้คำว่า แม่ทัพ เพื่อเป็นกุศโลบายเพื่อให้ แม่ทัพ มีจิตเมตตาต่อลูกทัพมากกว่าจะใช้แต่อำนาจหรือใช้แต่พระเดชในการสั่งการควบคุมกองทัพ

เพราะกองทัพที่มีลูกทัพเคารพรักและศรัทธาในตัวแม่ทัพ ย่อมเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งกว่ากองทัพที่มีแต่การใช้อำนาจบาตรใหญ่ในการสั่งการ



---------------------

สรุป คนเราทุกคนล้วนมีจิตเป็นพระโพธิสัตว์ได้เช่นกัน แม้เราจะไม่ปราถนาพุทธภูมิก็ตาม

คือถ้าใครมีจิตเมตตากรุณาต่อผู้อื่นเสมือนมีเมตตาต่อลูกของตน จิตใจคุณประดุจพระโพธิสัตว์แล้วล่ะ

เพราะ พระโพธิสัตว์ ใช้พรหมวิหาร 4 เป็นหลักในการบำเพ็ญบารมี

นั่นคือ เราสามารถสร้างบารมีด้วยการใช้หลักพรหมวิหาร 4 ก็คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ต่อผู้อื่นเสมือนมีเมตตาต่อตนเอง  หรือเสมือนรักลูกของตนเช่นกัน

ผู้ใดทำได้เช่นนี้หรือพยายามมีพรหมวิหาร 4 ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้คุณจะไม่ใช่พระโพธิสัตว์ แต่ก็จะเป็นการสร้างบารมีและมหากุศล ซึ่งมหากุศลนี้ก็จะช่วยนำทางให้จิตนั้นเข้าสู่พระนิพพานได้โดยเร็ว

จบ.

---------------------

แถมคลิปเสริมเพื่อความเข้าใจในบทความยิ่งขึ้น

คลิปคำสอนของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ป.ปยุตโต เรื่อง พ่อแม่คือพรหมวิหารของลูก



ท่านเจ้าประคุณ ปยุตโต ได้อธิบายเสริมว่า

ในหลักธรรมแห่งพรหมวิหาร 4 นั้น ข้อ อุเบกเขา นั้นสำคัญที่สุด

เพราะหากมีเมตตา กรุณา มุทิตา โดยปราศจากอุเบกขาใช้ควบคุมแล้ว ก็จะทำให้ผู้ใช้หลักเมตตา กรุณา มุทิตา เพียงแค่นี้ อาจทำให้เกิดความลำเอียงในใจจนละเมิดหลักธรรมะได้

ซึ่งหลักอุเบกขานี้ปฏิบัติยากที่สุด เพราะต้องใช้ปัญญาในการควบคุมหลักเมตตา กรุณา มุทิตา อีกที

ถ้าใครยังไม่เข้าใจหลักอุเบกขาที่ถูกต้อง ก็ขอแนะนำให้ดูคลิปนี้โดยละเอียดครับ



คลิกอ่าน ทุกข์ของพระโสดาบันมีมากแค่ไหน

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เงินทอนวัด เขาทอนกันยังไง







หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง อยุธยา แต่ก่อนเคยมีการให้ประชาชนห่มผ้าองค์หลวงพ่อโตทุกวัน

แต่ต่อมาเมื่อปีที่แล้ว เมื่อมหาเถรสมาคม โดยสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่ ทรงมีนโยบายไม่ให้วัดทั่วประเทศทำพุทธพาณิชย์ในพระอุโบสถทั่วประเทศ โดยเฉพาะวัดหลวง ต้องยิ่งต้องระวังให้มาก

ก็เลยทำให้ทางวัดพนัญเชิงประกาศยกเลิกการให้ประชาชนทำบุญเพื่อห่มผ้าหลวงพ่อโต เพราะการห่มผ้าหลวงพ่อโตถือเป็นพุทธพาณิชย์อย่างหนึ่ง เพราะห่มกันทั้งวี่ทั้งวันทุกวัน

แต่ยังมีการให้ประชาชนถวายผ้าให้หลวงพ่อโตได้ แต่ต้องถวายกันนอกพระอุโบสถ อ่านรายละเอียดที่ https://goo.gl/A7Fz8M


ส่วนที่ผมนำรูปหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง มาลงในบทความนี้ เพราะวัดพนัญเชิงมีผู้คนมาเยี่ยมชมวัดวันละมากมาย ย่อมมีเงินทองเข้าวัดวันละไม่น้อย

แต่การเป็นวัดจึงไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ประจำปี ทำให้ผลประโยชน์ของวัดทั่วประเทศนั้นตรวจสอบได้ยาก หากทำกันไม่โปร่งใสก็จะทำให้เป็นที่เสื่อมศรัทธาต่อพุทธศาสนิกชนได้

ซึ่งวัดพนัญเชิง ก็เป็นวัดหนึ่งที่มีผลประโยชน์เข้าวัดมาก แล้วก็เป็นวัดที่กำลังมีปัญหาคดีเงินทอนวัดอยู่ด้วย

-----------------

เงินทอนวัดเขาทอนกันยังไง

หลายคนอาจสงสัยว่า คดีเงินทอนวัด มันมีที่มาที่ไปในการทอนเงินเกิดขึ้นอย่างไร

ผมขอเล่าแบบง่าย ๆ โดยสมมุติบทสนทนาตามตัวอย่างนี้

จนท. : หลวงพ่อครับ วัดนี้มีอะไรที่อยากบูรณะบ้างไหมครับ

เจ้าอาวาส : มันก็มีนะ หลายจุดที่ต้องซ่อม ต้องแก้ไข

จนท. : ที่หลวงพ่อว่ามา ต้องใช้งบสักเท่าไหร่ครับ

เจ้าอาวาส : ก็น่าจะสัก 4-5 แสนได้มั้ง

จนท. : งั้นผมจะทำเรื่องของบมาให้หลวงพ่อสัก 1 ล้าน แล้วกันครับ แต่หลวงพ่อต้องช่วยผมนิดหน่อยนะครับ

เจ้าอาวาส : จะให้อาตมาช่วยอะไรเหรอ

จนท. : คือผมจะของบบูรณะมาสัก 10 ล้านให้วัด หลวงพ่อก็เซ็นรับงบไป พอผ่านไปสัก 2 เดือน หลวงพ่อช่วยโอนคืนให้ผม 9 ล้านนะครับ

เจ้าอาวาส : มันจะดีเหรอโยม

จนท. : เงินที่โอนคืน ผมจะเอาไปทำประโยชน์อื่น ๆ ต่อพุทธศาสนาต่อไป คือถ้าหลวงพ่อไม่สะดวกใจ ผมก็จะเอางบนี้ไปให้วัดอื่นแทน ถ้ายังไงหลวงพ่อลองเอาไปคิดดูก่อนก็ได้ครับ ไว้อีก 2 วันผมจะมาฟังคำตอบ

--------------------

พอเห็นภาพไหมครับ ว่าอะไรคืออะไร

บางทีไม่ต้องมีการบูรณะวัดอะไรเลย แต่พวก ห่มเหลืองหากิน บางคนเต็มใจรู้เห็นเป็นใจทุจริตร่วมกับ จนท.รัฐ กังฉิน เพราะความโลภส่วนตัว

วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2561

ลดจำนวนคนตายจากอุบัติเหตุบนถนนไทยต้องเริ่มที่ ?







คุณผู้อ่านรู้ไหมว่า ในเวลานี้ประเทศไทยมีคนตายจากอุบัติเหตุบนถนนค่าเฉลี่ยสูงที่สุดในโลกอย่างไม่เป็นทางการไปแล้ว

จากเดิมเมื่อปี 2559 ไทยเราเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากประเทศลิเบีย

แต่พอปี 2560 ได้มีการสำรวจใหม่ พบว่า ที่ลิเบียมีคนตายบนท้องถนนมากที่สุดในโลกนั้นเป็นเพราะเขามีสงครามกลางเมือง ไม่ใช่เกิดจากอุบัติเหตุจากการจราจร

ดังนั้นตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา ไทยเราจึงขึ้นมาเป็นประเทศที่มีคนตายจากอุบัติเหตุจากการจราจรบนถนนค่าเฉลี่ยสูงที่สุดในโลกไปแล้วครับ

ตอนนี้รอแค่องค์การอนามัยโลกประกาศผลอย่างเป็นทางการในปี 2561 เท่านั้นเอง

ที่มาข่าว https://mgronline.com/daily/detail/9600000124823


ภาพค่าเฉลี่ยชนิดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรในไทย 

ประเทศไทยมีคนตายจากอุบัติเหตุปีละประมาณ 23,000 คน

โดยมีคนตายเพราะอุบัติเหตุจากรถมอเตอร์ไซค์สูงที่สุดคือ 73 % จากจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรทุกชนิด

และที่ไทยครองแชมป์คนตายสูงที่สุดในโลกมานานหลายปีแล้ว ก็คือ คนตายเพราะอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ นี่แหละครับ  ขอบอก !!!

เฉพาะผู้เสียชีวิตจากรถมอเตอร์ไซค์ประมาณ 16,300 รายต่อปี


ภาพค่าเฉลี่ยอัตราการตายบนถนนต่อแสนประชากร

ที่มาข้อมูล http://www.bltbangkok.com/CoverStory/ไทยครองแชมป์เสียชีวิตบนถนนมากที่สุดในโลก

ในเว็บข่าวต่างประเทศหลายแห่ง จะรายงานข้อมูลตรงกันอีกว่า ในแต่ละวันในประเทศไทยจะมีรถมอเตอร์ไซค์ฝ่าสัญญาณไฟแดง วันละนับพัน ๆ ราย

แล้วในไทยคนขี่มอเตอร์ไซค์แล้วใส่หมวกกันน็อคมีประมาณ 53 %  เท่านั้น

-----------------------

จำนวนอุบัติเหตุใน 7 วันอันตรายสงกรานต์ปี 2561 รัฐบาลไทยสอบตก !!

ที่จริงผมอยากจะตำหนิรัฐบาลกับคุณตำรวจแรง ๆ เลยนะ กับการที่สงกรานต์ปีนี้ มีคนตายจากอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว

ยอดรวมอุบัติเหตุทุกสถิติปีนี้ก็เพิ่มขึ้นหมด ทั้งจำนวนอุบัติเหตุ จำนวนคดี จำนวนยึดรถ จำนวนผู้บาดเจ็บ

แปลง่าย ๆ อุบัติเหตุสงกรานต์ปี 2561 นี้ภาครัฐสอบตก !!



คือ ถ้าพวกท่าน จนท.รัฐ ไม่เข้มงวดกวดขันกฎหมายจราจรให้ตลอดทั้งปี 2560-2561 นอกช่วงเทศกาลแต่แรกกันมาก่อน

จู่ ๆ ท่านรัฐบาลจะมาให้ยอดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลหยุดยาวลดลง มันจึงยากมาก หรือสอบตกอย่างที่เห็น ๆ (ต้องรอฟลุ้คอย่างเดียว)

--------

ผมเคยเขียนไว้ในบทความเก่า ๆ ว่า จำนวนอุบัติเหตุไทยจะไม่มีวันลดลง ถ้าไม่เริ่มต้นเอาผิดเรื่องการสวมหมวกกันน็อคให้เข้มงวดก่อน

(บทความนี้ขอข้ามเรื่องการสอนวินัยจราจรในโรงเรียนที่ล้มเหลวและปัญหาการกวดขันเรื่องการเมาแล้วขับไปก่อนนะครับ)

คือ การจะแก้ปัญหามันต้องเริ่มจากเรื่องที่ดูแลควบคุมที่ง่าย ๆ ที่สุดกันก่อน นั่นคือ เรื่องการกวดขันวินัยการใส่หมวกกันน็อค นี้ให้สำเร็จก่อน ถึงจะลดจำนวนคนตายจากอุบัติเหตุจากมอเตอร์ไซค์สูงที่สุดในโลกลงได้

เวียดนามมีจำนวนมอไซค์มากกว่าไทย 2 เท่า
แต่คนไทยตายเพราะมอไซค์มากกว่าเวียดนาม 2 เท่า

คือ ถ้าเรายังพบเห็นในทุก ๆ ที่ว่ายังมีคนขี่มอไซค์ไม่ใส่หมวกกันน็อคอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ตราบนั้นจะไม่มีทางลดจำนวนอุบัติเหตุบนถนนไทยได้เลย

ผมเคยฟังข่าวจากวิทยุในรถว่า องค์การอนามัยโลก เคยแถลงว่า ถ้าประเทศไทยไม่มีคนตายด้วยอุบัติเหตุจากรถมอเตอร์ไซค์เลย มาตรฐานความปลอดภัยในชีวิตบนถนนของไทยจะมีมาตรฐานเทียบเท่าความปลอดภัยในชีวิตบนถนนของประเทศอังกฤษ ถถถ!!

ฟังแค่นี้ผมขำก๊ากเลย เพราะ WHO เขาพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ไ้ด้

ไม่ต้องไปดูอื่นไกล เช่น คนไทยในจังหวัดติดชายแดนมาเลเซียหลาย ๆ คนจะทำแบบนี้ คือ

พอเขาจะขี่มอไซค์เข้ามาเลยเซีย เขาจะจอดรถก่อน แล้วสวมหมวกกันน็อคก่อนจะข้ามชายแดน แต่พอขี่ข้ามจากมาเลเซียกลับเข้าไทยแล้ว เขาจะรีบจอดรถ แล้วถอดหมวกกันน็อคออกก่อน แล้วค่อยขี่ต่อ

พอจะเห็นภาพอะไรไหม?

คือถ้าแก้เรื่องวินัยสวมหมวกกันน็อคยังไม่ได้ เรื่องอื่น ๆ ก็ยิ่งแก้ไม่ได้

คลิกอ่าน กฎหมายแพ่งไทยส่งเสริมให้คนก่ออุบัติเหตุยิ่งโกง

วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2561

กฎหมายแพ่งไทยส่งเสริมให้คนยิ่งโกงจริงไหม







เคยสงสัยไหมว่า ทำไมทุกวันนี้ มีคนไทยขี้โกงมากขึ้น ๆ คิดจะโกงตั้งแต่เรียนยังไม่จบ เช่น โกงเงิน ก.ย.ศ. มีมากถึง 2.2 ล้านราย

เหตุเพราะกฎหมายแพ่งไทยปัจจุบันนี้ ส่งเสริมให้คนโกงไม่เกรงกลัวกฎหมายมากยิ่งขึ้น เป็นพราะความอ่อนแอของบทลงโทษของกฎหมายแพ่งเอง

ตัวอย่างเช่น คดีของน้องการ์ตูน

คดีรถกระบะซิ่งชนพ่อน้องการ์ตูนตาย ส่วนน้องการ์ตูนบาดเจ็บทางสมองสาหัส

ผู้ก่อเหตุติดคุกในคดีอาญาแค่ปีเดียว และได้ออกจากคุกไปแล้ว แต่ผู้ก่อเหตุกลับไม่มีทรัพย์จะจ่ายค่าเสียหายให้ครอบครัวของแม่น้องการ์ตูนตามคำพิพากษาของศาล

แปลง่าย ๆ คือ ต่อให้ศาลตัดสินต้องชดใช้เงินจะกี่ล้านบาทก็ตาม หากผู้ก่อเหตุไม่จ่าย โดยอ้าง ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ซะอย่าง

คดีแพ่งในยุคนี้ก็ไม่สามารถนำคนผิดที่เจตนาไม่จ่ายค่าเสียหายมาลงโทษติดคุกได้




ด้วยเหตุนี้ คนดี ๆ จึงมักต้องบาดเจ็บหรือตายฟรีไปมากมาย เพราะคนทำผิดไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายเท่าไหร่ ก็เลยไม่คิดจะรับผิดชอบเยียวยาผู้เสียหายตามสมควร

ถามว่า ทำไมคดีแพ่งจึงไม่มีโทษจำคุก ?

ตอบ เพราะคดีแพ่งเป็นคดีที่ฟ้องร้องบังคับเอากับทรัพย์สิน ซึ่งไม่ได้บังคับสิทธิเสรีภาพของตัวจำเลยในคดี ฉะนั้นเมื่อถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีแพ่ง จึงไม่ต้องกลัวว่าจะติดคุก เพราะคดีแพ่งไม่ได้มีโทษจำคุกอย่างเช่นคดีอาญา
(คำตอบนี้โดยเพจปรึกษาปัญหากฎหมายกับทนายพีระพงษ์)

--------------------------

กฎหมายแพ่งไทยส่งเสริมคนโกงลอยนวล ความอยุติธรรมบนความยุติธรรม

ผมมีความเห็นว่า ควรมีการแก้ไขปรับปรุงโดยเฉพาะคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาในคดีอุบัติเหตุที่เป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เสียใหม่ มิเช่นนั้น จะมีคนดีและครอบครัวต้องบาดเจ็บล้มตายฟรี ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ถ้าดูจากกรณีคดีของน้องการ์ตูน ที่แม่น้องการ์ตูนโพส จะเห็นประโยคสำคัญคือ "คู่กรณีไม่จ่าย ซึ่งเขาทำได้ เพราะศาลก็แค่ตัดสิน แต่ศาลไม่มีอำนาจบังคับให้ต้องจ่าย"

ใช่ครับ กฎหมายแพ่งไทยตอนนี้ มันผลักภาระไปให้ผู้เสียหายต้องเดือดร้อน ต้องคอยตามสืบทรัพย์ของผู้ก่อเหตุเอาเอง

แล้วเมื่อเจ้าทุกข์พบเจอทรัพย์ของผู้ก่อเหตุแล้ว ถึงจะไปร้องขอให้กรมบังคับคดีมาสั่งการบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยมาชดใช้อีกที

แปลง่าย ๆ คือ ถ้าเจ้าทุกข์ไม่มีปัญญาไปตามสืบทรัพย์ของผู้ก่อเหตุ หรือไม่มีเงินจ้างทนายนักสืบให้ไปคอยตามสืบ ก็คงต้องปลงแบบที่แม่น้องการ์ตูนประสบ คือ ไม่รู้จะบังคับให้ผู้ก่อเหตุนั้นเอาเงินมาจ่ายค่าเสียหายได้อย่างไร

ผู้ก่อเหตุก็เลยลอยตัวสบายไป เหตุเพราะกฎหมายแพ่งไทยไม่บีบให้ผู้ก่อเหตุต้องรีบนำค่าเสียหายมาจ่ายเยียวให้แก่ครอบครัวผู้เสียหาย

ผมถึงเหตุควรว่า ควรแก้กฎหมายแพ่งเสียใหม่ เพื่อบีบให้จำเลยต้องรีบนำค่าเสียหายมาจ่ายโดยเร็ว คือ ผมมีแนวคิดว่า

กฎหมายแพ่ง(ที่สืบเนื่องจากคดีอาญาคดีอุบัติเหตุ) ควรแก้ไขให้มีโทษจำคุก เช่น กำหนดไว้ว่า ถ้าภายในกี่ปี (แล้วแต่จะกำหนดไว้ใน กม.) ถ้าผู้ก่อเหตุยังจ่ายค่าเสียหายเยียวยาน้อยกว่า 50 % ของจำนวนเงินที่ศาลได้ตัดสินแล้ว

จำเลยจะต้องถูกนำตัวกลับมาติดคุกอีก 1 ปี เมื่อจำคุกครบ 1 ปีแล้ว จึงค่อยปล่อยตัวจำเลยให้ออกมาหาเงินมาจ่ายค่าเสียหายแก่เจ้าทุกข์ต่อไป

แล้วถ้าภายในอีกกี่ปี (ตามที่กม.กำหนด) หากจำเลยยังไม่สามารถหาเงินมาจ่ายเยียวยาได้อีกตามกำหนด

จำเลยก็ต้องถูกนำตัวกลับมาจำคุกอีก 1 ปี แล้วค่อยปล่อยให้จำเลยออกจากคุกมาหาเงินเพื่อจ่ายค่าเยียวยาแก่ผู้เสียหายอีก ต้องทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ คือ ถ้าจำเลยยังไม่จ่ายหรือจ่ายเงินเยียวยาน้อยไป จำเลยก็ต้องโดนโทษติดคุกซ้ำอีก

มิเช่นนั้น จำเลยจำนวนมากมักจะนิ่งนอนใจ ไม่เดือดร้อนที่จะเร่งรีบหาเงินมาจ่ายค่าเยียวยาแก่ผู้เสียหายตามคำสั่งศาล แต่คนที่เดือดร้อนหนักคือครอบครัวของผู้เสียหาย คือ ทุกวันนี้กฎหมายแพ่งไทยกลับไม่ปกป้องคนดีเท่าที่ควร

ถ้ากฎหมายแพ่งมีบทลงโทษจำคุกให้คนที่มีเจตนาโกง เชื่อว่า จะกระตุ้นให้ผู้ก่อเหตุพยายามหาทางดิ้นรนนำเงินมาเยียวยาผู้เสียหายให้เต็มที่ตามกำลังความสามารถ

ถ้าจำเลยไม่มีเงิน ญาติพี่น้องพ่อแม่ของจำเลย ก็ต้องช่วยกันดิ้นรนหาเงินมาเยียวยาเหยื่อ เพราะไม่อยากให้ลูกหลานของตัวเองต้องติดคุกซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก

แม้ผู้ก่อเหตุบางรายอาจไม่มีเงินมาจ่ายค่าเยียวยาจริง ๆ แต่อย่างน้อยก็ควรต้องผ่อนชำระบ้างตามกำลังที่มี แต่กฎหมายแพ่งไทยทุกวันนี้ไม่สามารถบีบจำเลยให้มากพอ ให้เกรงกลัวคำตัดสินของศาล

เปรียบคำพิพากษาของศาล เป็นเพียงแค่กระดาษเปล่าเท่านั้น

-------------------------

ย้อนดูผลคำพิพากษาคดีน้องการ์ตูน และผลที่ได้จากคำพิพากษาที่คุณจะต้องเศร้าใจ

ภายหลังคำพิพากษาศาลแพ่ง แม่ของน้องการ์ตูนได้โพสคำพิพากษาลงในเพจของร้านสเต็กคุณแม่น้องการ์ตูน ดังนี้



ศาลตัดสินให้ผู้ก่อเหตุต้องจ่ายค่าเสียหายเยียวยาให้ครอบครัวน้องการ์ตูน มากถึง 6.5 ล้านบาท โดยประมาณ

แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงตอนนี้คือ จำเลยไม่มีการจ่ายเงินเยียวยาเลย เพราะความห่วยของกฎหมายแพ่งของไทย นี่แหละ

จนแม่น้องการ์ตูนท้อแท้ใจถึงขนาดโพสระบายความอัดอั้นตันใจตามนี้

ชีวิตเป็นเพียงเส้นด้าย



ถ้าคุณผู้อ่านได้อ่านบทความนี้แล้ว และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์คนดี คนทำมาหากิน ต้องมาตายฟรี เพราะความประมาทของคนไร้ความรับผิดชอบ

ก็ถึงเวลาแล้วที่ เราคนไทยควรรณรงค์ให้แก้กฎหมายแพ่งที่เกี่ยวเนื่องจากคดีอาญาในคดีอุบัติเหตุเสียใหม่ ให้มีโทษจำคุกกับคนที่มีเจตนาโกงคนอื่น

ซึ่งถ้าเป็นคนที่ไม่ได้มีสันดานโจร คงไม่มีใครอยากจะติดคุกซ้ำ ๆ หรอกครับ คงต้องหาทางดิ้นรนหาเงินมาจ่ายค่าเสียหาย เพื่อให้ตัวเองหรือญาติพี่น้องของตัวเองรอดคุก

ดังนั้น หากกำหนดโทษจำคุกในกฎหมายแพ่งไว้ สำหรับผู้ที่ไม่ยอมจ่ายค่าเสียหายตามคำสั่งศาล ก็ควรจะเอาผิดลงโทษติดคุกได้

ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นอย่างเช่นทุกวันนี้ ที่คำตัดสินของศาลเป็นเพียงแค่กระดาษเปล่าที่แทบไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับผู้เสียหาย

เคยมีคนถามผมว่า ทำไมถึงไม่มีการแก้ไขกฎหมายแพ่งในเรื่องนี้สักที

ผมตอบไปว่า อาจเพราะ คนพาลสันดานโกง เข้ามาเป็น สส. ซึ่งมีหน้าที่ออกกฎหมายและแก้ไขกฎหมายไทย เขาคงไม่ยอมแก้กฎหมายอะไรที่อาจทำให้พวกเขาต้องมาเดือดร้อนในภายหลังมังครับ

------

ตอบข้อสงสัยคดีนี้



ที่จริงยังมีคดีตัวอย่างอีกหลายคดีที่ผู้ก่อเหตุไม่ยอมจ่ายเงินเยียวยาแก่เหยื่อ อย่างมีตัวอย่างคดีนึงน่าสงสารมาก คือ

ผู้เป็นพ่อถูกรถสิบล้อชนตาย เขามีลูก 4 คน ต้องอาศัยอยู่กับย่า คดีนี้ศาลตัดสินให้ผู้ก่อเหตุต้องจ่ายเงินเยียวยา 4 ล้านบาท คดีผ่านมาหลายปี แต่จำเลยก็ไม่ยอมจ่ายค่าเสียหายสักบาท

ทำให้ย่าและหลาน ๆ ทั้ง 4 คน ยากจน ๆ แทบไม่มีข้าวจะกิน เพราะมีรายได้จากเบี้ยผู้สูงอายุของย่าเพียงคนเดียวเท่านั้น

ซึ่งย่ากับหลาน ๆ ก็ช่วยกันหาเงินจากการเก็บขยะรีไซเคิลขายเพื่อยังชีพ แล้วก็ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านที่สงสารบ้าง

ผู้เป็นย่าจึงไม่มีปัญญาจะไปจ้างทนายเพื่อตามสืบทรัพย์ของผู้ก่อเหตุ

ในที่สุดย่าต้องมาร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม เพื่อขอความช่วยเหลือ จนเป็นข่าวเมื่อหลายเดือนก่อน

เราควรร่วมกันรณรงค์แก้ไขกฎหมายแพ่งที่เกี่ยวเนื่องจากคดีอาญาโดยเฉพาะในคดีอุบัติเหตุ เพื่อไม่ให้มีคดีซ้ำซากที่ผู้เสียหายต้องลำบากจนเลือดตาแทบกระเด็น แต่ผู้ก่อเหตุยังลอยนวลไม่จ่ายค่าเยียวยาอีกเลยครับ

คลิกอ่าน วิธีลดจำนวนคนตายจากอุบัติเหตุบนถนนไทยต้องเริ่มที่?

วันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

มาฆบูชา ในสาระที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน






มีคำถามที่สงสัยว่า ทำไมใน วันมาฆบูชา พระพุทธเจ้าทรงเลือกที่จะแสดงธรรมเรื่อง โอวาทปาติโมกข์ แทนที่จะเลือกนำเรื่อง อริยสัจ4 หรือเรื่องอื่น ๆ มาแสดง ?

ติ๊กตอก ๆๆๆๆๆ



รูปมาฆบูชา ฝีมือครูเหม เวชกร


คำตอบคือ การแสดงธรรมในคืนนั้น มีแต่พระอรหันต์ 1,250 รูปที่พระพุทธเจ้าทรงบวชให้ มาประชุมพร้อมกัน

เมื่อมีแต่พระอรหันต์มาประชุม พระพุทธเจ้าจึงไม่จำเป็นต้องทรงแสดงธรรมวิธีหรือหนทางสู่การดับทุกข์ เพราะเหล่าพระอรหันต์ต่างดับทุกข์และดับกิเลสอาสวะได้จนหมดสิ้นแล้ว

ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงเลือกแสดงโอวาทปาติโมกข์ เพราะนี่คือ หลักการและหัวใจของพระพุทธศาสนาที่จะให้บรรดาพุทธบริษัททั้ง 4 ยึดหลักนี้ไว้เพื่อเป็นพระศาสดาแทนพระพุทธเจ้าสืบต่อไป

"เมื่อตถาคตสิ้นแล้ว พระธรรมวินัย จักเป็นศาสดาของพวกเธอต่อไป"


ซึ่ง โอวาทปาติโมกข์ ในส่วนฆราวาส ที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้คือ "พึงละเว้นความชั่ว หมั่นทำความดี ไม่เบียดเบียน รักษาจิตใจให้สงบผ่องใส "

ให้สังเกตว่า พระพุทธเจ้าทรงยกเรื่อง พึงละเว้นความชั่ว ขึ้นต้นก่อนเลย เหตุเพราะคนดีแท้คือคนที่ละเว้นความชั่วทั้งปวงก่อนสิ่งอื่นใด

-----------

อีกเรื่องคือ คนไทยเรากำลังสับสนระหว่างการทำความดี กับการทำบุญ

ขอบอกว่า การทำบุญมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการทำความดีเท่านั้นเองนะครับ ขอให้ตระหนักไว้

เพราะมีคนไทยจำนวนมากมักชอบเห่อไปทำบุญ โดยไม่ตระหนักว่าการทำความดีในทุกวันก่อนนั้นมีคุณค่ายิ่งกว่า

ขอตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ก็เช่น มีพ่อค้าแม่ค้าอาหารจานเดียวหรืออาหารตามสั่งจำนวนมาก ชอบขายอาหารราคาแพง เอาเปรียบผู้บริโภค ผู้บริโภคมักกินจานเดียวไม่อิ่มท้อง แต่พ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ชอบเอาเงินกำไรจากการขูดรีดไปทำบุญแทน ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักไปทำบุญบนความโลภ ทำบุญหวังขอให้รวย

-----------------------

ตอบคำถาม



------------------------

ข้อคืนในคืนวันมาฆบูชา โดย ใหม่เมืองเอก

ถ้าปฏิบัติแค่ ทาน ศีล ภาวนา คุณจะไม่มีวันหลุดพ้นจากสังสารวัฏ

เพราะในศาสนาอื่น ๆ ก็มีสิ่งเหล่านี้เช่นกัน คือ

ทาน = การให้ การบริจาค ศาสนาอื่น ๆ เขาก็สอน

ศีล = ข้อห้ามต่าง ๆ หรือวัตรปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อดำรงคุณธรรม ซึ่งในศาสนาอื่น ๆ เขาก็มี

ภาวนา = การปฏิบัติสมาธิ การบริกรรม หรือการสวดมนต์จนเกิดสมาธิ ศาสนาอื่น ๆ เขาก็มี

การนั่งสมาธิเพื่อความสงบไปวัน ๆ จึงหาใช่หนทางหลุดพ้น เช่น โยคีในอินเดียก็นั่งสมาธิเก่ง ๆ กันทั้งนั้น แต่ก็มักติดอยู่แค่ฌานเท่านั้น ไม่อาจก้าวพ้นหลุดพ้นทุกข์ที่แท้จริง

เหตุเพราะ ฌาน นั้นยังมีการเสื่อมได้

แต่การปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น นั้น จะต้องยกระดับจากแค่ ทาน ศีล ภาวนา ขึ้นไปอีกจนเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา นี่แหละเริ่มเดินเข้าสู่ทางหลุดพ้นที่ถูกต้องแล้ว

ศาสนาพุทธของเรา ต้องมีปัญญามาพิจารณาความเป็นจริง หรือการนำความเป็นจริงมาพิจารณาจนเกิด #ปัญญา

นี่แหละ หนทางหลุดพ้น ซึ่งจะพ้นทุกข์ได้ด้วยปัญญาเท่านั้น ที่เราเรียกกันว่า วิปัสสนา


ตราธรรมจักร 24 ซี่ ของพระเจ้าอโศกมหาราช สัญลักษณ์บนธงชาติอินเดีย


คลิกอ่าน การปฏิบัติธรรมที่แท้จริงคืออะไร

วันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ยิ่งลักษณ์ คุยอะไรกับ ทักษิณ ที่ปักกิ่ง 2018







อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย 2 คน ซึ่งเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ทักษิณ กับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มีโอกาสตะลอนทัวร์กลับแผ่นดินเกิดไม่ได้ตลอดชีวิตร่วมกัน

และในปี 2018 นี้ 2 คนพี่น้องหนีคุกทั้งคู่ ได้มีโอกาสแวะไปถ่ายรูปชุด เสแสร้งมีความสุข เพื่ออวดเหล่าสาวก ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนแดง ในช่วงเทศกาลตรุษจีน

ด้วยบรรยากาศหน้าชื่นอกตรม

"ยิ่งทุกข์ยิ่งต้องเที่ยวอวด ยิ่งเศร้ายิ่งต้องยิ้มกลบเกลื่อน" 5555



ดูทักษิณหน้าตึง ๆ แปลก ๆ สงสัยคงจะเพิ่งไปฉีด โบถอก มา





ยิ่งลักษณ์ "เราซื้อเกาลัดส่งไปเยี่ยมบุญทรงในคุกดีไหมคะพี่แม้ว"

ทักษิณ "ไม่ต้อง เปลือง !! "






counter statistics