ใครคือต้นเหตุ พาไทยแพ้คดีเขาพระวิหารอีกรอบ

ในปี 2505 จอมพลสฤษดิ์ ดันเสือกให้ไทยไปขึ้นศาลโลกในคดีเขาพระวิหาร ที่เขมรยุคเจ้าสีหนุฟ้องร้อง ทั้ง ๆ ที่ไทยไม่ต้องไปขึ้นศาลโลกก็ได้

เพราะตามหลักการแบ่งเขตแดนตามหลักสากลสมัยใหม่ ใช้เส้นสันปันน้ำในการแบ่งเขต ทั่วโลกต่างยอมรับเรื่องนี้อยู่แล้ว

เมื่อไทยไปสู้คดีเขาพระวิหารในปี 2502-2505 ศาลโลกที่มีอิทธิพลทางการเมืองระดับประเทศแทรกแซงได้

ดังนั้นในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ที่ไทยเราขึ้นศาลโลก็มีแต่เสมอตัวไปกับแพ้เท่านั้น ก็ไม่รู้จะยังโง่สู้คดีไปทำไม

ฝรั่งเศสมันก็เข้าข้างเขมรในฐานะอดีตเจ้าอาณานิคม ไทยเราไม่มีพวกในศาลโลกเท่าไหร่นัก ก็เลยพาตัวเองให้ไปโดนเชือดเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารไป

ผมอยากแนะนำให้ไปอ่านบทความเรื่อง อธิบายกรณีเขาพระวิหารอย่างง่าย ตอน 1

แล้วคุณจะเข้าใจที่มาที่ไปทุกอย่างที่ทำให้ไทยเสียเขาพระวิหาร

---------

ต่อมาในปี 2556 ไทยเราก็โง่พาตัวเองไปให้เขมรเชือด จนแพ้คดีเขาพระวิหารให้เขมรอีกรอบ

อยู่ดีไม่ว่าดีแท้ ๆ เสียทั้งค่าศาล เสียทั้งค่าจ้างทนาย เสียค่าโง่!!

และที่แย่ที่สุดคือ จะต้องเสียดินแดนเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งจะเสียเท่าไหร่ก็ต้องดูต่อไป หากยังโง่ไปเจรจากับเขมรอีก

แต่ที่แน่ๆ เขมรมันเป็นพวกสันดานชั่วได้คืบจะเอาศอก ยามใดไทยเผลอเขมรมันต้องแว้งกัดไทยมาตลอดประวัติศาสตร์

ถามว่า แล้วใครคือต้นเหตุที่พาไทยไปให้ศาลโลกเชือดอีกรอบล่ะ ?

คำตอบก็คือ รัฐบาลอภิสิทธิ์ โดยมีนายกษิต ภิรมย์ เป็นรมว.ต่างประเทศไง ที่ทำซ่า พาไทยไปลุยศาลโลกสู้กับเขมรอีกรอบ

แล้วสุดท้ายไทยก็แพ้เขมรอีกจนได้ ทั้ง ๆ ที่ไปขึ้นศาลโลกมีแต่เสมอตัวกับแพ้เท่านั้น

มีแต่คนโง่เท่านั้น ที่รู้ทั้งรู้ว่า มีแต่เสมอตัวกับแพ้ก็ยังซ่าไปขึ้นศาลโลกอีก

ส่วนพรรคเพื่อไทยโดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็เก็บผลประโยชน์จากงานนี้เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันกับฮุนเซ็นได้สบาย ๆ

แถมยังสามารถโทษไปที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้อีกว่า

รัฐบาลปชป. คือผู้พาไทยไปสู้คดีเขาพระวิหารภาค2 จนแพ้ เพราะทีมทนายฝ่ายไทย ก็พรรคปชป.เป็นคนจัดหามาเองทั้งนั้น พรรคเพื่อไทยไม่ได้เปลี่ยนแปลงทีมทนายฝ่ายไทยแต่อย่างใด

แม้กระทั่งตอนนี้เวทีเสื้อแดง ก็ยกเรื่อง MOU43 มาโจมตีรัฐบาลชวน อีกว่าคือ ผู้เริ่มต้นพาไทยเสียอธิปไตยบนดินแดนจากการไปเริ่มยอมรับแผนที่ 1ต่อ2 แสนเข้าใน MOU43

-----------------

ใครยังไม่ได้ไปเที่ยวผามออีแดง ก็รีบไปเที่ยวซะนะ เพราะต่อไปอาจจะไม่ใช่ของไทยอีกต่อไปก็ได้