วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556

พระพุทธเจ้าประสูติแล้วเดินได้ 7 ก้าวจริงหรือ ?







พระมารดาของพระพุทธเจ้า หรือที่เรียกว่า พระพุทธมารดา เวลาทรงตั้งพระครรภ์ก็ไม่เหมือนคนท้องทั่วไป เพราะพระพุทธมารดายังคงมีหน้าท้องแบบเรียบเหมือนสาวแรกรุ่นทั่วไป

เวลาท้องก็ไม่มีพระอาดารแพ้ท้อง เวลาคลอดก็ไม่มีความเจ็บปวด คลอดง่าย และเป็นการยืนคลอดอีกด้วย

ตอนเจ้าชายสิทธิธัตถะประสูติ ไม่ต้องมีการตัดสายสะดือ ไม่มีมูกเลือดหรือรกจากครรภ์มารดา ทรงประสูติอย่างสะอาด

นี่คือ ปาฏิหาริย์สำหรับผู้ที่จะเป็นพระพุทธมารดาของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ซึ่งจะเป็นเช่นกับแม่ของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์

และหลังจากเจ้าชายสิทธิธัตถะประสูติได้ 7 วัน พระมารดาก็ทรงสิ้นพระชนม์ เสด็จไปประทับอยู่ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์

กรณีบุญลักษณะของพระพุทธมารดา มีเขียนไว้ในพระไตรปิฎก ลองไปหาอ่านเองนะครับ

เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ก็อยากตอบแทนพระคุณพระพุทธมารดา จึงเสด็จไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อเทศนาแสดงธรรมแก่พระมารดาตลอดช่วงเข้าพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน จนพระมารดาสำเร็จโสดาบัน

ครั้นเมื่อออกพรรษา พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็ได้แสดงพุทธปาฏิหารย์ เปิดโลก เปิดสวรรค์ เปิดนรก ให้ทั้งสามโลกมองเห็นกันทั่วว่า นรก สวรรค์ นั้นมีจริง !!

การแสดงธรรมตลอด 3 เดือนของพระพุทธเจ้าบนสวรรค์ หากจะว่าไปแล้ว ก็เพียงแค่เสี้ยวเวลาเดียวบนสวรรค์เท่านั้น

เพราะเวลาบนสวรรค์กับบนโลก แตกต่างกัน

------------------

หลังประสูติเจ้าชายสิทธิธัตถะ ทรงก้าวพระบาทได้ 7 ก้าวจริงหรือ ?

หลายคนบอกว่า คงเป็นแค่การแต่งเสริมเติมแต่งเท่านั้น ไม่มีทางที่เด็กที่เพิ่งเกิดจะเดินได้ทันที 7 ก้าวหรอก

แต่หลายคนคงไม่รู้ว่า แม้ในสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า นักโบราณคดีได้พบหินแกะสลักการประสูติของพระพุทธเจ้า ที่ถูกสร้างขึ้นในยุคพระเจ้าอโศกมหาราช ก็เป็นภาพเจ้าชายสิทธิธัตถะทรงยืนคู่กับพระมารดา เช่นกัน

ซึ่งสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชก็หลังจากสมัยพุทธกาลเพียงแค่ 200 กว่าปีเศษเท่านั้น นั่นแสดงว่า ความรู้ที่ว่า การย่างพระบาท 7 ก้าวของสิทธัตถะราชกุมาร มีมาแต่ดั้งเดิมแล้วไม่ใช่เป็นเรื่องแต่งขึ้นภายหลังในยุคไม่กี่ร้อยปีนี้

ซึ่งระยะเวลาในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชเป็นยุคที่พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองที่สุดในชมพูทวีป อีกทั้งยังมีพระอรหันต์อยู่มากมายในยุคนั้น

ดังนั้นระยะเวลาห่าง 200 กว่าปีของยุคพระเจ้าอโศกมหาราช ไม่ได้ห่างจากยุคพุทธกาลเท่าไหร่นัก การบันทึกประวัติศาสตร์ไม่น่าจะผิดเพี้ยน

ดังนั้นเรื่องที่สิทธัตถะราชกุมารยางพระบาท 7 ก้าวนั้น จึงน่าจะเป็นจริง

หินรูปการประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ ที่ถูกขุดพบใต้จุดที่มีหินสัญลักษณ์แสดงจุดประสูติของพระพุทธเจ้า ในสวนลุมพินีวัน ซึ่งเชื่อว่าหินนี้สร้างโดยคำสั่งของพระเจ้าอโศกมหาราช




มอยากจะบอกว่า ขนาดคนในยุคนี้ยังมีเด็กอัจฉริยะที่เรียนจบปริญญาเอกแค่อายุ 10 ขวบเท่านั้นก็มี

แต่พระพุทธเจ้าทรงเกิดมาเป็นมนุษย์ที่ประเสริฐที่สุดในโลก การย่างพระบาท 7 ก้าวจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

และในความจริงหลังจากเจ้าชายสิทธิธัตถะย่างพระบาท 7 ก้าว แล้วชูพระหัตถ์เหนือพระเศียร พร้อมตรัสว่า

"เราเป็นเลิศที่สุดในโลก ประเสริฐที่สุดในโลก การเกิดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของเรา"


ภาพการประสูติ ฝีมือครูเหม เวชกร

ลังจากย่างพระบาท 7 ก้าวและเปล่งวาจาแล้ว หลังจากนั้นเจ้าชายสิทธิธัตถะก็กลับมาเป็นเหมือนทารกปกติทั่วไป คือเดินไม่ได้อีกในวัยทารก

แต่ที่พระองค์ทรงย่างพระบาท 7 ก้าวได้นั้น นั่นคือโพธิสัตว์ปาฏิหาริย์ ของผู้จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า นั่นเองครับ

ถามว่า เป็นไปได้ไหมที่ทารกจะเดิน 7 ก้าว หรือเป็นแค่ความเชื่อและการแต่งเติมเรื่องอภินิหารเข้าไปเท่านั้น

โดย คห.ส่วนตัวผม ผมว่า เป็นไปได้ เพราะขนาดในยุคปัจจุบัน เรายังเคยเห็นเด็กอัจฉริยะที่สามารถเรียนมหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ จบด็อกเตอร์ได้ตอนอายุ 12 ขวบ ซึ่งเคยมีมาแล้วหลายรายในโลก

แต่กรณีที่เจ้าชายสิทธัตถะย่างพระบาท 7 ก้าวนั้น ก็ได้อธิบายแล้วว่า เป็นปาฏิหาริย์ของพระโพธิสัตว์

บุรุษผู้ที่กำเนิดมาเพื่อเป็นบุรุษที่ประเสริฐที่สุดในโลก และได้ตรัสรู้รู้แจ้งในสรรพสิ่ง  ซึ่งหลายกัปหลายกัลป์หลายอสงไขยกว่าจะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นสักพระองค์หนึ่ง ก็ย่อมไม่แปลกที่จะกระทำอะไรที่มนุษย์ในยุคปัจจุบันบอกว่า ไม่น่าเชื่อ

คลิกอ่าน ข้อคิดเรื่องการเกิด และการมีลูก


2 ความคิดเห็น:

  1. - พระพุทธเจ้าประสูติเดิน 7 ก้าว -> คลอดด้วยท่าเอาเท้าออก (Breech presentation) ซึ่งการคลอดด้วยท่านี้ ทำให้แม่เสียเลือดได้มาก เพราะเป็นการคลอดลำบาก ติดแขนเด็ก มีโอกาสตกเลือดได้สูงมาก
    - หลังประสูติ 7 วัน พระมารดาสิ้นประชนม์ สมเหตุสมผลดั่งกล่าว มีการตกเลือดและ/หรือมีการติดเชื้อ ซึ่งการตายด้วยการติดเชื้อ/ตกเลือดแบบนี้ มักจะค่อยๆเป็นค่อยๆไป ใช้เวลากว่าจะเสียชีวิตประมาณ 1-2 สัปดาห์
    - ศาสนาในสมัยก่อน เน้นอภินิหาร เน้นการสร้างเรื่องราวให้ดูน่าเชื่อถือ ดังนั้นหากภายหลังปริณิพพาน จะมีการใส่พุทธประวัติให้ดูเกินจริงบ้าง ก็สมเหตุสมผลในบริบทนั้น

    ปล. ความเห็นส่วนตัวในฐานะลูกศิษย์พระพุทธเจ้าครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. -การที่พระมารดาต้องสื้นไปก่อนนั้น เป็นเพราะว่า พระพุทธเจ้านั้น จะมีน้อง หรือ พี่ไม่ได้ ไม่งั้นจะเป็นบ่วงผูกไว้แก่การออกตรัสรู้
      ศาสนาในสมัยก่อน ผมต้องขอบอกเลยว่า ไม่เน้นความเชื่อครับ เน้นเหตุและผลเป็นอย่างมาก ไม่มาเน้นความเชื่องมงายหรือปาฎิหาร์หลอกลวงเหมือนตอนนี้หรอกครับ
      พระพุทธเจ้าถึงกับจะขับพระสงฆ์ออกจากคณะ เมื่อมีการพบเจอว่ามีการแสดงปาฎิหาร์เพื่อให้คนศรัทธา

      ลบ




counter statistics