วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

เด็กวัดยุคนี้มีเกียรติสูงกว่านักศึกษาธรรมศาสตร์บางตัว







จากชื่อบทความ  เด็กวัดมีเกียรติและมีจริยธรรมสูงกว่านักศึกษาธรรมศาสตร์บางตัว

พวกคุณเชื่อไหม ?

ถ้าถามผม ผมตอบได้เลยว่า ผมเชื่อ 100 % เพราะเด็กวัดอาศัยอยู่วัด กินอาหารก้นบาตรหรืออาหารที่เหลือจากที่พระบิณฑบาตรกลับมา จึงไม่รู้สึกว่า กูเก่ง กูหยิ่ง กูไม่ได้ไปขอใครกิน 

เด็กวัดอยู่ในวัด อยู่ฟรี ที่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง ก็ต้องพึ่งพาอาศัยหลายสิ่งหลายอย่างจากญาติโยมมาทำบุญ  เด็กวัดจึงไม่ยะโสโอหังว่า ที่กูมาเรียนเนี่ย กูสอบเข้ามาได้ แถมกูเสียค่าเทอม เสียค่าหน่วยกิจมาเรียนนะโว้ย กูไม่ได้มาเรียนฟรี ๆ

จากกรณี นักศึกษาธรรมศาสตร์บางคนไม่ยอมนั่งบนเก้าอี้สำหรับเรียน แต่อยากจะนั่งกับพื้นเรียนแทน อาจารย์เลยบอกให้นักศึกษาไปนั่งบนเก้าอี้ เพราะที่นี่มีเก้าอี้เยอะ ไม่เหมือนเด็กวัดที่เขานั่งพื้น เพราะที่วัดไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง

แล้วอาจารย์ก็พูดว่า อาจารย์สอนนักศึกษา ไม่ได้สอนเด็กวัด !!


น้องกร เด็กวัดรู้จักสัมมาคารวะ 

--------------

นักศึกษาธรรมศาสตร์หลงตัวเอง ดูถูกเด็กวัด

ซึ่งอาจารย์ก็พูดถูก 100 % ว่า อาจารย์ไม่ได้สอนเด็กวัดนะ (ซึ่งแตกต่างจากประโยคที่ว่า อาจารย์ไม่สอนเด็กวัด)

แต่พวกนักศึกษาธรรมศาสตร์บางตัว มันหลงอัตตา หลงตัวกูของกู พวกมันเลยเจ็บใจ ที่โดนอาจารย์นำพวกมันไปเปรียบเทียบกับเด็กวัด

พวกนักศึกษาพวกนี้ มันคิดว่า ตัวมันสูงส่งกว่าเด็กวัด มันเลยโกรธอาจารย์ที่นำเด็กวัดมาเปรียบเทียบกับพวกมัน แต่ถ้าพวกมันจะบอกคนในสังคมว่า ตัวมันเองสูงส่งเลอเลิศ ก็คงจะไปสร้างกระแสด่าอาจารย์ไม่ได้

มันก็เลยกล่าวหาว่า อาจารย์ดูถูกเด็กวัด  แทน

ทั้ง ๆ ที่ความจริงในปัจจุบัน ผมว่า เด็กวัดมีเกียรติ มีจริยธรรมสูง มีสัมมาคารวะสูงกว่าพวกนักศึกษาธรรมศาสตร์ในยุคนี้เสียอีก


น้องกร เด็กวัด ไม่นิ่งดูดาย

การที่อาจารย์นำเด็กวัดมาเปรียบเทียบกับนักศึกษาธรรมศาสตร์ นั่นเท่ากับ อาจารย์ให้เกียรตินักศึกษาธรรมศาสตร์มากเกินไปแล้วครับ แถมกลายเป็นการไปลดเกียรติและศักดิ์ศรีของเด็กวัดลงด้วยซ้ำ

เพราะเด็กวัดมีสัมมาคารวะ เคารพครูบาอาจารย์ เด็กวัดไม่เอาเรื่องสิทธิเสรีภาพมาอ้างเพื่อใช้แหกกฎระเบียบของวัด เหมือนที่นักศึกษาธรรมศาสตร์หลายคนชอบอ้าง ชอบกระทำ

ดราม่าเรื่อง อาจารย์ไม่สอนเด็กวัด เรื่องนี้ จึงไม่ใช่กรณีอาจารย์ดูถูกเด็กวัด แต่เป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์บางตัวดูถูกเด็กวัดต่างหาก

เพราะถ้านักศึกษาธรรมศาสตร์กลุ่มนี้เชื่อในเรื่องความเท่าเทียมกันจริง ๆ จะต้องไม่โกรธที่อาจารย์พูดว่า อาจารย์ไม่ได้สอนเด็กวัด เพราะเด็กวัดกับนักศึกษาธรรมศาสตร์ย่อมมีเกียรติและศักดิ์ศรีเท่ากัน

(ซึ่ง นศ.ทำมะสาด ควรจะดีใจและควรภูมิใจด้วยซ้ำที่ได้โอกาสมีเกียรติเท่าเทียมกับเด็กวัด)

เพียงแต่เด็กวัดเขาไม่มีเก้าอี้จะนั่ง เขาเลยนั่งกับพื้น เด็กวัดไม่ทำตัวมีปัญหา ทำตัวสร้างกระแสควาย ๆ ในสังคมแบบนักศึกษาธรรมศาสตร์บางตัวชอบกระทำ

แต่พวกที่มีเก้าอี้ให้นั่ง แต่เสือกไม่อยากนั่ง แถมพยายามบิดเบือนใส่ร้ายเพื่อแฉว่าอาจารย์ดูถูกเด็กวัด แถมตะโกนด่าอาจารย์ว่า อีเหี้ย ไอ้เหี้ย อีก

ไอ้นักศึกษาธรรมศาสตร์พวกนี้นี่แหละ เลวและควรไปกราบตีนเด็กวัดซะ

เพราะนักศึกษาธรรมศาสตร์บางตัว (หรือส่วนใหญ่ไม่แน่ใจ) อ้างแต่สิทธิเสรีภาพ แต่ไม่เคยรู้จักคำว่า หน้าที่พลเมือง คืออะไร

---------

ฟังคลิปเต็ม ๆ อาจารย์พูดจาดีมาก ใจเย็นมาก อาจารย์ต้องเสียเวลาอย่างมาก ที่พยายามให้พวกที่ชอบเรียกตัวเองว่า ปัญญาชน อยู่ในระเบียบ

แต่นักศึกษาธรรมศาสตร์เลว ๆ บางตัวมันเหี้ยที่แปลเจตนาอาจารย์บิดเบือน



สิทธิเสรีภาพของนักศึกษาพวกนี้คืออะไร ??

ต่อไปอีกไม่นาน เราอาจได้เห็นนักศึกษาธรรมศาสตร์ปีนขึ้นไปขี่ขึ้นคร่อมคอรูปปั้นท่านอาจารย์ปรีดีก็ได้ ใช่มะ ??


คลิกอ่าน ความโง่ของอั้มเนโกะ กับความเท่าเทียมในพุทธศาสนา


2 ความคิดเห็น:

  1. สงสารอาจารย์ครับที่ถูกลูกศิษย์บิดเบือนเจตนา เขาเรียนมาถึงขั้นที่สังคมรับว่าเป็นบุคคลระดับที่เรียกว่าปัญญาชนหรือผู้มีปัญญา แต่เหตุใดเขาไม่เขาใจข้อเปรียบเทียบชี้ให้เห็นชัดอุปมาอุปไมย ถูกต้องแล้วครับอาจารย์ไม่ได้ดูถูกเด็กวัดเลยในทางตรงกันข้ามกลับสรรเสริญว่าแม้เขาจะยากจนต้องอาศัยข้าวก้นบาตร เพราะมีใจรักเรียนเขียนอ่านก็ยอมรับชะตากรรมอาศัยพื้นศาลาวัดนั้นแหละเป็นที่เรียนจนบางท่านเป็นผู้ประสพผลสำเร็จสูงสุดในชีวิตของเขาเป็นถึงนายกรัฐมนตรีคนดีศรีประเทศ ต่างกับที่เรียกว่าปัญญาชนลูกผู้ดีมีเงินที่ขาดการพิจารณาแยกแยะผิดถูก มีเก้าอี้นั้งมีโต๊ะเรียนสถานที่พร้อมเอื้ออำนวยแต่ใช้ความยินดีพอใจของตนเป็นใหญ่เลือกที่จะนั้งพื้น เรียกว่าไม่รู้กาลไม่รู้สถานที่ และที่สำคัญถ้าคนในสังคมเห็นคล้อยตามว่านักศึกษากลุ่มที่ว่าถูกต้อง ก็เท่ากับว่าเราเป็นสนับสนุนบ่อนทำลายชาติบ้านเมืองในทางอ้อม และอนาคตพวกเขาได้มีโอกาสเข้าไปเป็นผู้มีอำนาจบริหารชาติบ้านเมืองแล้วม้ันคงจะไม่มีอะไรที่แตกต่างกับการบริหารบ้านเมืองของนักการเมืองบางพวกบางกลุ่ม ที่บิดเบือนไม่กระทำสิ่งอันสมควรทำบ้านเมืองจึงเป็นเช่นนี้ และนี้จะเป็นการส่งไม้ผลัดต่อของการปฏิรูปการศึกษาของไทยว่าก้าวหน้าหรือถดถอย พัฒนาชาติพัฒนามนุษย์จึงไม่ใช้เรืองของ จีดีพีเพียงอย่างเดียวรูปนามส้มพันธุ์กัน

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ18 ตุลาคม 2557 เวลา 08:54

    เป็นเพราะเราเติบโตในรั้วการศึกษาคนละสถาบันครับ คนที่ไม่ได้เรียนที่ธรรมศาสตร์หรือได้เรียนแต่ไม่ได้รับรู้ถึงความเป็นธรรมศาสตร์ จะไม่มีวันทราบถึงความคิดหรือวิธีคิดของชาวธรรมศาสตร์ครับ
    เพราะสังคมข้างนอก ครูบาอาจารย์คือเทพเจ้าที่จะต้องเอาดอกไม้ธูปเทียนกราบไหว้ ท่านเป็นคนที่ประเสริฐยอดเยี่ยมไม่มีที่ติ
    การที่คนในสังคมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องบ้าเสรีภาพขนาดนี้ เพราะสังคมไทยไม่มีเสรีภาพครับ
    คนไทยไม่เคยรับรู้รสของเสรีภาพอย่างแท้จริง สิ่งที่ชาวธรรมศาสตร์ต้องการสื่อคือ ไม่ว่าจะอยู่สูง หรือต่ำ ทุกคนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
    คุณคิดว่าในสังคมไทย คนที่อยู่สูงกว่า เราสามารถวิจารณ์ได้หรือไม่ ถ้าคุณตอบว่าได้ ถ้าไม่มีกฏหมายใดรองรับคุณ สังคมประชาทัณฑ์รอคุณอยู่ครับ ขอให้โชคดี
    และเรื่องการแต่งกายนี้ จะโยงไปถึงระบอบเผด็จการทหารครับ ที่การแต่งเครื่องแบบได้สนองความต้องการของท่านผู้นำ
    ธรรมศาสตร์ต่อสู้เพื่อเสรีภาพครับ ไม่ใช่การเรียกร้องความสนใจ และไม่ว่า นศ.จะต่อสู้เพียงใด สุดท้ายก็แพ้ครับ เพราะสังคมไทยยึดติดอยู่กับระบบชนชั้นวรรณะ
    ความยุติธรรมในสังคมจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีความเท่าเทียม สนใจศึกษากรณีประเทศเยอรมันและเกาหลีใต้ไหมครับ ผมแนะนำให้ไปหาอ่านครับ
    ความเท่าเทียมกันประเทศเยอรมันทำได้ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองครับ ชาวเยอรมันปฏิบัติตัวกับทุกคนที่ไม่ว่าจะมาจากประเทศใดก็ตามอย่างเท่าเทียมกัน
    ประเทศเกาหลีใต้ได้พัฒนาประเทศในระดับประเทศที่พัฒนาแล้วในเวลาไม่กี่สิบปี เพราะเขาสามารถปราบเผด็จการให้หมดไปจากประเทศเขาครับ

    ตอบลบ




counter statistics