เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2256 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์นั่งเป็นประธานประชุมโต๊ะกลมร่วมกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องปรับอากาศ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลนั้น
เพราะว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเลคโทรนิคส์ของไทยได้ถดถอยลงอย่างมาก จนตอนนี้คู่แข่งอย่างเวียดนามใกล้จะส่งออกแซงไทยแล้ว
ซึ่งเท่าที่ผมตามอ่านข่าวจากหลายสื่อ ไม่ค่อยมีสื่อไหนลงรายละเอียดที่ว่า ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องไฟฟ้าได้ติงนโยบายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่า
รัฐบาลไม่ควรใช้นโยบายประชานิยมเรื่องค่าแรงและเงินเดือนในการหาเสียงและกำหนดเป็นนโยบายของรัฐบาลอีก เพราะมันกระทบต่อต้นทุนการผลิตและลดอำนาจการแข่งขันของอุตสาหกรรมเครื่องไฟฟ้าไทยลงไป เพราะตอนนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าชองไทยมีราคาสูงกว่าคู่แข่ง
ซึ่งในปี 2556 นี้คาดว่า การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าของไทยจะถดถอยลงประมาณ 3 % และคาดกันว่า เวียดนามจะส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าสูงกว่าไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าแน่นอน
ข่าวนี้อาจไม่ใช่ข่าวใหญ่ในสายตาสื่อมวลชนไทย แต่สำหรับผม ผมว่า มันใหญ่นะ เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไทยเราถือว่าเป็นผู้นำด้านการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อการส่งออก แต่นั้นมันคือยุคที่เวียดนาม จีน ยังไม่เปิดประเทศเหมือนเช่นทุกวันนี้
แต่วันนี้หลายประเทศได้เปิดประเทศ และเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยไปแล้ว
กรณีตัวอย่างนึงของยี่ห้อเครื่องไฟฟ้าญี่ปุ่น ที่เคยลงหลักปักฐานให้ไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ นั่นก็คือ Sanyo ซึ่งวันนี้ Sanyo ได้ปิดกิจการในประเทศไทยไปแล้วครับ
ส่วนซัมซุงไปเปิดโรงงานในเวียดนามแล้วหลายโรงงาน
นโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์หลายอย่าง เป็นการทำเพื่อหวังอำนาจรัฐ โดยไม่สนว่า อนาคตประเทศไทยจะเจ๊งอย่างไร
อย่างโครงการรับจำนำข้าวคือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ว่าประเทศไทยใกล้จะเจ๊งแล้ว หากยังฝืนทำโครงการนี้ต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น