วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2559

กรณีลูกฮุบกิจการน้ำพริกเผาแม่ประนอม แพ้เป็นพระชนะเป็นมาร






จากกรณีที่เป็นข่าวในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมานี้ คือกรณีนางประนอม แดงสุภา ออกมายื่นเรื่องร้องต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อขอความเป็นธรรม จากกรณีที่ถูกลูกสาวคนโตและลูกเขยได้ร่วมกันฮุบกิจการบริษัทผลิตน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอมของตนไป

โดยแม่ประนอมอ้างว่า เพราะความที่แม่ประนอมอ่านหนังสือไม่ค่อยออก จึงถูกลูกสาวคนโตลวงให้เซ็นชื่อในหลาย ๆ เรื่อง ในช่วงที่แม่ประนอมต้องดูแลสามีที่กำลังป่วยทั้งก่อนที่สามีจะเสียชีวิตและหลังที่สามีเสียชีวิตแล้ว

ส่วนผู้ที่ติดตามข่าวเรื่องนี้ หลาย ๆ คนก็เกิดอารมณ์โมโหจนเข้าไปด่าทอลูกสาวคนโตของแม่ประนอม ที่เพจของน้ำพริกเผาแม่ประนอมกันอย่างล้นหลาม

แต่หลายคนก็บอกว่า ควรจะฟังความจากลูกสาวก่อน เพราะอาจเป็นเรื่อง โอล่ะแม่ ก็ได้

ล่าสุดทางฝ่ายลูกสาวคนโตของแม่ประนอมได้บอกผ่านทนายความว่า จะไม่มีการแถลงข่าวตอบโต้ผู้เป็นแม่ เพราะเกรงจะกระทบต่อคดีความและล่วงอำนาจศาล แต่พร้อมที่จะคุยกับแม่ประนอม ฉันแม่กับลูก เหมือนเดิม

ซึ่งเมื่อเราดูรายชื่อผู้ถือหุ้นในบริษัทพิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จากรายงานข่าว ไม่มีชื่อแม่ประนอมและคนในตระกูลแดงสุภาคนอื่น ๆ ถือหุ้นอยู่เลย

มีเพียงลูกสาวคนโตของแม่ประนอมและลูกเขยและคนในครอบครัวของลูกสาวคนโตเท่านั้นที่ถือหุ้นอยู่ ตามนี้

นาง ศิริพร แดงสุภา ถือหุ้นใหญ่สุด 28,000 หุ้น มูลค่า 28 ล้านบาท (ลูกสาวคนโตแม่ประนอม)
นางสาวธนาภรณ์ ภาษาประเทศ นางสาว สุรพร ภาษาประเทศ นางสาว อุรชา พีชาสารานนท์ ถืออยู่คนละ 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้น ที่ถืออยู่คนละ 10 ล้านบาท (ลูก ๆ ของนางศิริพร แดงสุภา)
นายสุชาติ ภาษาประเทศ ถืออยู่ 1,000 หุ้น มูลค่า 1 ล้านบาท (สามีนางศิริพร แดงสุภา)

คลิปแม่ประนอมแถลงข่าวเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด แนะนำควรดูให้จบ


รายงานจากสำนักข่าวอิศรา แรกเริ่มเดิมทีก่อตั้งบริษัท มีหุ้นกัน 3 คน คือ สามีแม่ประนอม ลูกสาวคนโต และแม่ประนอม โดยพ่อกับลูกสาวคนโตถือหุ้นใหญ่เท่ากัน 2 หมื่นหุ้น ส่วนแม่ประนอมมีหุ้น 18,200 หุ้น

แต่แล้วจู่ ๆ ปัจจุบัน นางประนอมและลูกที่เหลืออีก 2 คนไม่ได้มีหุ้นในบริษัทเหลืออยู่เลย และหุ้นของพ่อที่เสียชีวิต ก็ไม่ได้ตกมาที่นางประนอมและลูกอีกสองคนเลยเช่นกัน

ซึ่งจากคลิปนางประนอมอ้างว่า เพราะรักและไว้ใจลูกสาวคนโตมากที่สุด จึงถูกลูกสาวคนโตหลอกให้เซ็นเอกสาร และลูกสาวคนโตยังมีการปลอมแปลงเอกสารเพื่อฮุบสมบัติอีกด้วย

สำหรับเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ก็คงต้องตามกันต่อไป

--------------

แต่สำหรับความเห็นของผมนะ ถ้าทรัพย์สินเดิมเป็นของพ่อแม่ แม้ในฐานะลูกจะบริหารกิจการจนเติบโต ซึ่งมันก็เป็นหน้าที่ของลูกที่ดีอยู่แล้ว ที่ต้องช่วยเหลือกิจการของพ่อแม่

แล้วถ้าเมื่อไหร่ที่พ่อแม่สั่งให้ลูกต้องคืนทรัพย์สินกลับมาให้พ่อแม่ คนเป็นลูกก็ต้องคืนให้พ่อแม่โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น

แต่ถ้าปล่อยให้เป็นคดีความจนถึงขั้นที่พ่อแม่ต้องฟ้องร้องลูก เพื่อทวงทรัพย์สินคืนจากลูกนะ

สำหรับ คห.ผมนะ ถือว่าเป็นความผิดของลูกเท่านั้น

พระพุทธเจ้าทรงเคยเปรียบเทียบว่า ต่อให้ลูกต้องแบกพ่อแม่ไว้บนบ่าทั้งสองข้างของลูกไปตลอดชีวิต เลี้ยงดูท่านให้กินนอนขับถ่ายบนบ่าของลูกไปตลอดชีวิต ก็ยังไม่สามารถทดแทนพระคุณพ่อแม่ได้หมด (พระไตรปิฎกเล่ม ๒๐ ข้อ ๒๗๘ คลิกอ่าน)

นั่นแสดงว่า พระคุณของพ่อแม่ที่มีต่อลูกนั้นมากล้นและยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใด ๆ ทั้งสิ้น แล้วนับประสาอะไรกับทรัพย์สินของพ่อแม่ ลูกจะคืนให้พ่อแม่ทั้งหมดไม่ได้

ซึ่งในความเป็นจริง แม่ประนอมขอคืนเฉพาะทรัพย์สินที่เธอเคยถือครองก่อนหน้านี้เท่านั้น เช่น ที่ดินและทรัพย์สินของสามีแม่ประนอม หุ้นบริษัทในส่วนของสามีแม่ประนอมเคยถืออยู่ เป็นต้น แถมแม่ประนอมยังพร้อมให้อภัยลูกสาวคนโตอีกด้วย ถ้าทำตามที่แม่ประนอมร้องขอ

(โดยหลักกฎหมายทั่ว ๆ ไป พ่อแม่สามารถทวงคืนทรัพย์สินที่มอบให้ลูกไปแล้วกลับคืนมาได้ แต่คดีนี้คงต้องดูต่อไปว่าเป็นอย่างไรแน่)


รูปประชาชาติธุรกิจ

แล้วการที่ลูกปล่อยให้แม่ต้องอับอายต่อสังคม ต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน แม่ต้องร้องไห้ออกสื่อซึ่งเหมือนประจานตัวเอง จากเดิมที่แม่เป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดัง ต้องออกมาเป็นที่น่าสงสารต่อสังคมแบบนี้

ถ้าแม่ประนอมไม่เหลืออดจนทนต่อไปไม่ไหว ก็คงไม่กล้าออกมาให้เป็นที่อับอายต่อสาธารณชนแบบนี้หรอก เธอคงหมดความอดทน คงเหลืออดแล้วจริง ๆ

ผมสรุปได้เลยว่า ลูกได้กระทำการอกตัญญูต่อพ่อแม่แล้ว บาปเหลือเกินที่ทำให้แม่เสียใจหนักขนาดนี้ (ตามรูป)


รูปเดลินิวส์

วิธีเดียวที่ลูกจะพ้นความอกตัญญูได้ ก็คือ ทำตามคำสั่งของแม่ทุกอย่าง อย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น

เพราะคำสั่งของพ่อแม่ (คำสั่งที่ไม่ขัดหลักศีลธรรม) คือ พรอันประเสริฐของลูก ที่ลูกควรปฏิบัติตาม

มิเช่นนั้น จะตรงกับสำนวนไทยที่ว่า แพ้เป็นพระชนะเป็นมาร

แพ้เป็นพระชนะเป็นมาร หมายถึง การที่ลูกพยายามเอาชนะคะคานกับพ่อแม่ ก็เสี่ยงที่ลูกจะเป็นการสร้างบาปสร้างกรรมต่อบุพการี ซึ่งหมายถึง ลูกจะเป็นมาร

แต่ถ้าลูกยอมแพ้ต่อพ่อแม่ ก็เปรียบเสมือนลูกเป็นพระ ที่พร้อมยอมเชื่อฟังคำสั่งของพ่อแม่โดยดี ก็เท่ากับลูกจะได้สร้างบุญกุศลต่อบุพการีด้วย

------------------

กรณีลูกสาวฮุบกิจการน้ำพริกไทยตราแม่ประนอมจากแม่ประนอม นั้น

ผมขอว่า อย่ามองเป็นเรื่องสีเสื้อเลยครับ ส่วนพวกเขาจะเป็นเสื้อแดงจริงหรือไม่ ขอให้พักไว้ก่อน

ขอให้มองว่า ถ้าลูกอกตัญญูพ่อแม่ เราต้องร่วมกันตีแผ่เพื่อช่วยทวงคืนความเป็นธรรมให้คนเป็นบุพการี เพื่อเป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายและทางสังคม

เพราะเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับใครก็ได้

ก่อนจบ ผมได้ไปเจอ คห.ของคน ๆ นึง ผมได้เขียนชื่นชมเขา เพราะเขาได้เขียนว่า

"อย่าว่าแต่ทรัพย์สมบัติทั้งหมดเลย ต่อให้ชีวิตของเขา เขาก็มอบให้พ่อแม่ได้"

คุณผู้อ่านได้ข้อคิดอะไรไหม

----------

ขอเพิ่มเติมหลังจากมีการปล่ยยข่าวทำลายแม่ประนอม

ตามหลักกฎหมายถ้าสามีตาย ทรัพย์สินของสามีก็ต้องเป็นของเมียและลูก

แต่สามีแม่ประนอมตาย ทรัพย์สินของสามีไม่มาอยู่ที่แม่ประนอมเลย

ซึ่งต่อให้ทรัพย์สินส่วนนี้แม่ประนอมจะเอาไปเผาทิ้ง ก็ถือเป็นสิทธิอันชอบธรรมของแม่ประนอม

ไม่ใช่ปลอมเอกสาร หรือใช้กลลวงหลอกทรัพย์ไปจากแม่ประนอม แล้วอ้างเหตุผลอะไรก็ตามมาแก้ตัว ซึ่งน่าจะเป็นปล่อยข่าวทำลายแม่มากกว่า เพราะถ้าขนาดโกงแม่บังเกิดเกล้าได้ มันก็กล้าทำเลวอย่างอื่นได้ทั้งนั้น

สรุป ลูกเนรคุณ ชัวร์

ใครไม่ได้ดูคลิปที่แม่ประนอมพูด ไปดูให้จบ คลิปคือหลักฐานที่สามารถใช้ยืนยันในชั้นศาลได้

ไม่ใช่โง่เชื่อข่าวลือหรือนิทานที่ใครบางคนแม่งแต่งขี้น

----------------------

อัพเดทข่าว

หลังแม่ประนอมเจรจากับลูกสาวคนโต โดยมี มล.ปนัดดา เป็นคนกลางแล้วก็ตาม

แต่แม่ประนอมก็ยังไม่ถอนฟ้องคดีปลอมแปลงเอกสาร จนกว่าลูกสาวจะคืนทรัพย์สินก่อน ตามข่าวนี้



ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 เม.ย.59 นายพิสิทธิ์ ชุติพรพงษ์ชัย ทนายความแม่ประนอม กล่าวว่า เมื่อวานแม่ประนอม และนางศิริพร ลูกสาวคนโต ได้ตกลงและปรับความเข้าใจกันได้แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีกับทั้งสองฝ่าย ส่วนเรื่องการถอนฟ้องคดีนั้น ยังไม่สามารถทำได้ จนกว่านางศิริพร จะคืนทรัพย์สิน ซึ่งมีทั้งหุ้นบริษัทพิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม , ที่ดินเขาใหญ่ และหมู่บ้านเศรษฐกิจ ย่านหนองแขม ซึ่ง 3 อย่างนี้เป็นสิ่งที่แม่ประนอมรัก และหวงแหนมาก

ถ้าหากนางศิริพร คืนทรัพย์สินเหล่านี้ทั้งหมด ก็จะดำเนินการถอนฟ้องทันที เนื่องจากขั้นตอนไม่ได้ยุ่งยาก

แต่แม่ประนอม มีความกังวลว่า นางศิริพร จะไม่ยอมโอนให้ หรือบ่ายเบี่ยง เนื่องจากวันที่เจรจาตกลงกันเป็นการพูดด้วยวาจา ไม่มีข้อกฎหมายผูกมัด

"ผมรู้จักกับแม่ประนอมมานาน คุยกันถึงเรื่องนี้ตลอด ซึ่งแม่ประนอม เป็นห่วงธุรกิจที่ตัวเองสร้างมากับมือ แม้ว่า ตอนนี้ธุรกิจดังกล่าว ลูกจะเป็นคนบริหารงานก็ตาม ยอมรับว่ายอดจำหน่ายน้ำพริกเผาแม่ประนอม ลดลงชัดเจนในช่วงที่มีข่าวฟ้องร้องกันกับลูกสาว โดยเฉพาะในต่างจังหวัดลดลงเยอะ ส่วนใน กทม.ก็มีบางร้านปฏิเสธที่ได้รับสินค้าของแม่ประนอม แต่หากปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นต่อไป เกรงว่าธุรกิจจะเสียหาย" ทนายแม่ประนอม กล่าว

http://www.nationtv.tv/main/content/social/378496855/

คลิกอ่าน กรณีตัวอย่างพี่สาวที่แสนเลว

1 ความคิดเห็น:

  1. เรื่องราวที่เศร้าใจสำหรับคนปัจจุบันที่ไม่เคยรู้สึกเคารพต่อพ่อและแม่ ถ้าเรื่องราวเป็นอย่างนี้จริงลู฿กสาวคนนี้ก็คงพาบริษัทผลิตภัฯฑ์แม่ประนอมไปไม่รอด ผมว่าเราต้องแซงชั่น หรือบอยคอตที่จะไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ของแม่ประนอมแล้วละ่ ร้านทยในอเมริกาหลายพันร้าน ช่วยกันบอยคอร์ตไม่ซื้อแม่ประนอม ผมคนหนึ่งเลิกซื้อ
    แล้วครับ บางครั้งเราต้องอาศัยสังคมกดดันกันบ้าง หันไปใช้แม่พลอยก็แล้วกัน...

    ตอบลบ




counter statistics