สมัยก่อนเวลาผมสั่งก๋วยเตี๋ยวสักชาม ทางร้านก็จะต้องลวกเส้นแล้ว ปริมาณเส้นจะต้องคงเหลือประมาณครึ่งกระชอน แล้วทีนี้ก็เขาจะใส่ผักลงไปจนเต็มกระชอนแล้วก็ลวกอีกสักรอบ ก็จะได้เส้นและผักที่พอประมาณแก่การทาน 1 ชาม
แต่เดี๋ยวนี้ ร้านก๋วยเตี๋ยวลวกเส้นก็นิดเดียว พอลวกแล้วเส้นก็มีไม่ถึงครึ่งกระชอน ส่วนผักก็ใส่ลงไปลวกอีกนิด ทีนี้พอผักยุบจากความร้อน ก็เหลือผักนิดเดียว
สรุปก็คือ ผู้ซื้อก๋วยเตี๋ยวยุคนี้ได้ทานเส้นก็น้อย ผักก็กระจิ๊ดริด
แต่แม่งขายชามละราคา 35 บาท ซึ่งนี่ความเห็นแก่ได้ของร้านก๋วยเตี๋ยวยุคนี้
สมัยก่อน ก๋วยเตี๋ยวราคาจะเท่าไหร่ก็ตาม แต่มาตรฐานการใส่เส้นกับผักต้องพอเหมาะพอควรไม่เอาเปรียบลูกค้าเกินไป
-----------------
คนกินเกาเหลา เพราะเขาอยากกินผักเยอะ ๆ
แต่เวลาไปซื้อเกาหลา ไอ้คนขายแม่ง งกผักสุด ๆ เป็นเหมือนกันแทบทุกร้าน ทั้ง ๆ ที่โดยส่วนใหญ่มันก็คิดราคาเกาหลาแพงกว่าราคาก๋วยเตี๋ยวอยู่แล้ว
จำไว้ว่า เพราะคนซื้อเขาชอบกินผัก เขาถึงสั่งเกาหลา
สมัยก่อนเวลาผมไปซื้อเกาเหลา คนขายจะต้องใส่ผักเต็มกระชอนลวก พอลวกไปแล้วผักจะยุบลง
ซึ่งถ้าเจอร้านที่ใจดีไม่งก เขาก็จะเติมผักให้เต็มกระชอนอีกครั้งแล้วลวกอีกรอบ
ฉะนั้นปริมาณผักในเกาหลาของร้านก๋วยเตี๋ยวสมัยก่อนสัก 20-30ปีที่แล้ว คนซื้อจึงได้กินผักสมอยาก
แต่ยุคนี้คนขายมันเห็นแก่ได้มากขึ้น อ้างของแพง ทั้งๆ ที่ถ้าใส่ผักตามมาตรฐานมันก็ยังได้กำไรอยู่เยอะ แต่มันเลือกจะไม่ทำกันแทบทุกร้าน
สมัยก่อนเกาหลาลูกชิ้นขนาดมาตรฐาน มีลูกชิ้นขนาดมาตรฐานไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปตก 10 ลูกขึ้นไป
แต่เดี่ยวนี้ไปซื้อเกาหลา แม่งให้ลูกชิ้นแค่ 6-7 ลูกเท่านั้น
ยุคนี้มันหน้าเลือดกันจริง ๆ ไอ้พวกร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าเงินทั้งหลาย
พ่อค้าแม่ค้าร้านไหนอยากได้บุญไว้รักษาครอบครัวท่านบ้าง ก็เชื่อผม ขายก๋วยเตี๋ยวให้มันมาตรฐานและสมราคาหน่อย
ไม่งั้นถ้าเห็นแก่เงินมาก ๆ เงินที่ขูดรีดมาจากลูกค้าก็จะมีเหตุให้เสียไปโดยง่ายเช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น