วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557
เมื่อ ประชาธิปไตย ไม่เท่ากับ การเลือกตั้ง
ประชาธิปไตยที่แท้จริง คือ การเลือกตั้งในหมู่คนที่เท่าเทียมกัน เช่น
สมาชิกในทีมฟุตบอล โหวตเลือกตั้งกัปตันทีม
ทนายความ โหวตเลือกตั้งนายกสภาทนายความ
ส่วนการเลือกตั้งในประเทศไทย มันคือ การใช้การเลือกตั้งของหมู่คนที่แตกต่างทั้งความรู้ ความคิด จิตสำนึกสาธารณะ คุณธรรม
ประชาธิปไตยที่เท่าเทียมกันที่สุดสมบูรณ์แบบที่สุด คือ ต้องไม่มีการเลือกตั้งเลย แต่ให้จับฉลากในกลุ่มคนขึ้นมาเป็นหัวหน้า และผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเรื่อย ๆ ในการขึ้นเป็นหัวหน้า ครับ
เพราะคนเราเท่าเทียมกัน ย่อมมีสิทธิเท่าเทียมกัน ในการขึ้นมาเป็นหัวหน้าบริหารรัฐทุกคน
แต่นักการเมือง และนายทุน แอบอ้างประชาธิปไตยว่าด้วยการเลือกตั้ง มาหลอกให้ผู้คนที่ด้อยกว่าให้เลือกพรรคพวกตัวเองมาบริหารประเทศ
ซึ่งจะว่าไปแล้ว การเลือกตั้งแบบนี้ ก็แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงหน้าตานักการเมืองเลย เปลี่ยนแปลงน้อยมาก การเลือกตั้งแบบนี้จึงมีแต่นักการเมืองหน้าเดิม ๆ เป็นส่วนใหญ่
เพราะความจริงแล้ว คนเราไม่เท่าเทียมกันในเรื่องการศึกษา ความคิด ความรู้ คุณธรรม ความโลภ จิตสาธารณะ และโอกาสที่ไม่เท่ากัน
ประชาธิปไตยของหมู่คนที่แตกต่างกันมาก ประชาธิปไตยที่ตั้งอยู่บนความไม่เท่ากันของผู้คน ก็ย่อมได้ประชาธิปไตยที่ไม่เท่าเทียมกัน
แต่มายาคติของฝรั่งได้สั่งสอนให้ผู้คนส่วนใหญ่เชื่อว่า ประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง คือการแสดงถึงความเท่าเทียมกัน ??
1คน = 1เสียง =1สิทธิ
คุณเชื่ออย่างที่ฝรั่งสั่งสอนจริงหรือ ?
------------------------
ผมจะยกตัวอย่างให้เห็นนะครับ
ทักษิณล้มเหลวในการเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม ถ้าใครจำได้ สุดารัตน์ร้องไห้ขี้มูกโป่ง ที่การเลือกตั้งในกรุงเทพ พลังธรรมแพ้ย่อยยับ
หลังจากนั้นทักษิณลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม
ต่อมาเมื่อพลเอกชวลิต ล้มเหลวจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจปี 40 สมาชิกพรรคต่างอยากย้ายพรรค เพราะกลัวแพ้เลือกตั้งในคราวต่อไป
และแล้วนายทุนนักธุรกิจสัมปทานที่ชือ ทักษิณ ชินวัตร ก็กว้านเอาอดีต สส.จากพรรคความหวังใหม่มายกพรรค แถมไปกว้าน สส.จากพรรคเล็กๆ อีกจำนวนหนึ่ง
จนในที่สุด พรรคไทยรักไทยก็ชนะในการเลือกตั้งปี 2544 แบบถล่มทลาย
จากหัวหน้าพรรคพลังธรรม ที่เน้นคุณธรรมมากกว่าเงิน ทักษิณเขาล้มเหลว
แต่พอทักษิณตั้งพรรคไทยรักไทย ใช้นโยบายทำการตลาดเต็มรูปแบบ ทุ่มงบโฆษณาประชาสัมพันธ์เต็มที่ เขาสามารถกว้าน...สส.จากพรรคต่าง ๆ มารวมกันที่ไทยรักไทย
แล้วเขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีทันที !!
ถามว่า ถ้าทักษิณไม่รวยถึงขั้นมหาเศรษฐี จะมีกำลังพอที่จะกว้านเอา สส. ภาคอีสานแทบทั้งภาคมารวมกันที่ไทยรักไทยได้หรือ ?
มหาเศรษฐีสามารถใช้เงินเหมา สส.ได้ยกพรรค
นี่แหละครับ การเลือกตั้งบนประชาธิปไตยของคนที่ไม่เท่าเทียมกัน
คนรวยย่อมได้เปรียบมากกว่าคนจนแน่นอน
ฉะนั้น เราจึงเห็นเลยว่า สส.ไทย รวย ๆ ทั้งนั้น !!
คลิกอ่าน 1 สิทธิ 1 เสียงของคนเราเท่ากันจริงหรือไม่ ?
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น