วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557

"กับดักประเทศไทย" วิสัยทัศน์โดนใจของบิ๊กตู่ 29 สิงหาคม 57







ในรายการคืนความสุขให้คนในชาติวันนี้ 29 ส.ค.57 ที่ผ่านมา

มีวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่โดนใจผมอย่างมาก ก็คือปัญหาเรื่องคนไทยมีค่าแรงสูง แต่คนไทยกลับมีเทคโนโลยีต่ำ

โดยบิ๊กตู่ ใช้คำว่า "กับดักประเทศรายได้ปานกลาง" ซึ่งส่วนหนึ่งในถ้อยแถลงของบิ๊กตู่ ได้พูดไว้มีตามนี้

"โดยปัจจุบันขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยยังถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง มีจุดด้อยที่สำคัญในด้านระบบราชการ โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ กฎหมายและกระบวนการเพื่ออำนวยความสะดวกภาคธุรกิจก็ยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการประกอบธุรกิจของนักธุรกิจต่างชาติ จากศักยภาพเราในปัจจุบันเศรษฐกิจไทยจะต้องใช้เวลาอีกกว่า 12 ปี เพื่อจะก้าวผ่านกับดักประเทศรายได้ปานกลาง เข้าสู่ประเทศรายได้สูง ในขณะที่เพื่อนบ้านบางประเทศจะเข้าสู่ประเทศรายได้สูงด้วยระยะเวลาอีกเพียง 6 ปีเท่านั้น จึงต้องเร่งรัด

นอกจากนี้ ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ซึ่งมีมิติด้านเศรษฐกิจเป็น 1 ใน 3 เสาหลักจะเป็นความท้าทายสำคัญของไทยที่ต้องได้รับการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้าน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางประเทศ ซึ่งเป็นทั้งประเทศหุ้นส่วนและคู่แข่งที่สำคัญทางเศรษฐกิจของไทยสรุปประเด็นปัญหาที่สำคัญด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ กับดักประเทศรายได้ปานกลาง โดยไม่สามารถแข่งขันกับประเทศที่มีต้นทุนแรงงานถูก และประเทศที่มีการพัฒนาการทางเทคโนโลยีขั้นสูงได้ ขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยทรงตัวท่ามกลางการเปิดเสรีและการแข่งขันทางการค้าและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น"

-----------------

ใหม่เมืองเอก สรุป

สิ่งที่บิ๊กตู่ พูดนั้น แสดงว่า ท่านเข้าใจปัญหาเศรษฐกิจไทยได้อย่างทะลุ และถูกต้องโดยเฉพาะปัญหาเรื่องที่ คนไทยมีค่าแรงสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านมาก ถ้าจะไปแข่งขันเรื่องค่าแรงถูกต่อไปก็คงไม่ได้อีกแล้ว

แต่ถ้าจะให้คนไทยที่ไม่ได้มีเทคโนโลยีชั้นสูงเป็นของตัวเอง ไปแข่งกับประเทศที่มีค่าแรงสูงและมีเทคโนโลยีสูงด้วย คนไทยก็สู้เขาไม่ได้อีก

เพราะความรู้คนไทยในเรื่องการคิดค้นประดิษฐ์ โดยเฉพาะเรื่อง นวัตกรรม คนไทยเรากำลังด้อยกว่าชาติอื่น ๆ ไปแล้ว โดยเฉพาะผลสำรวจค่าเฉลี่ยความก้าวหน้าทางการศึกษาของไทยน่าจะต่ำที่สุดในอาเซียน

แม้แต่กัมพูชาเขายังมีรถยนต์ที่เป็นยี่ห้อของคนเขมรเองแล้ว นั่นคือ ยี่ห้อ อังกอร์ เป็นรถยนต์ไฟฟ้า


หลายวันก่อนผมฟัง ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ พูดถึง ทำไมสินค้าอุตสาหกรรมส่งออกของไทยถึงกำลังเริ่มแพ้ชาติอื่น ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ สังเกตได้จากยอดการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมของไทยตกต่ำมาหลายปี

นั่นก็เพราะประเทศไทยตลอดช่วงเวลา 40 -50 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเป็นแค่ประเทศรับจ้างผลิตเท่านั้น เมื่อเป็นแค่รับจ้างผลิตสินค้าให้ชาติอื่น

ถ้าวันใดที่ค่าแรงของไทยสูงขึ้น สินค้าที่ผลิตในประเทศไทยก็จะแข่งขันด้านราคากับชาติที่ค่าแรงถูกกว่าไม่ได้

ในขณะที่ประเทศจีนเปิดประเทศหลังไทยร่วม 40 ปี แต่ปัจจุบันนี้ จีนกลายเป็นประเทศผู้ผลิตไฮเทคโนโลยีอันดับต้น ๆ ของโลกไปแล้ว เหตุเพราะคนจีนเขาสนใจเรียนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากกว่าคนไทยมาก ๆ แบบเทียบกันไม่ติดเลย

ในขณะที่จนวันนี้ประเทศไทยก็ยังเป็นแค่ประเทศรับจ้างผลิตสินค้าไฮเทคโนโลยีของคนอื่นต่อไป

ดังนั้นถ้าขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ประเทศไทยของเราและคนไทยเราจะแย่แน่ ๆ

ผมชอบจริง ๆ วิสัยทัศน์เรื่องกับดักรายได้ปานกลางของนายกฯ ประยุทธ์ จริง ๆ เพราะไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีคนไหนมองเห็นถึงปัญหานี้เท่าที่ควร

เพราะนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งแต่ละคน ก็เอาแต่คิดตื้น ๆ เอะอะอะไรก็เอาแต่ขึ้นค่าแรงง่าย ๆ เพื่อหวังคะแนนเสียงเท่านั้น โดยที่ไม่เคยสนว่า จะมีปัญหาอะไรตามมาอีกมากมาย

เพราะปัญหาที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทยในวันนี้คือ คนไทยมีความรู้ด้านเทคโนโลยีต่ำ แต่กลับมีค่าแรงสูง !!


คลิกอ่าน หลังแปรรูป ปตท. ใครได้ผลประโยชน์มากที่สุด


เบื่อมาตรฐานผู้ชนะไทยแลนด์ก๊อตทาเลนจ์ 2014







ปี 2014 ผู้ชนะไทยแลนด์ก๊อตทาเลนจ์ เป็นทีมนักเรียนพิการ นั่งวีลแชร์

คือบอกตามตรง สำหรับการแข่งขันทาเลนจ์ หรือ ความสามารถ ผมจะมองคนพิการเท่าเทียมกับคนปกติ

ผมดูที่ความสามารถล้วน ๆ ไม่เอาความน่าสงสารหรือ ดราม่า มาตัดสิน

สุดท้ายคนไทยก็ตัดสินมาตรฐานไทยแลนดฺ์ก๊อตทาเลนจ์ ด้วยความน่าสงสาร และดราม่า ให้ชนะเลิศอีกครั้ง

เมื่อซีซั่นที่ 1 มีคนพิการมือมาเล่นกีต้าร์ร้องเพลง ซึ่งผมมองว่า ความสามารถด้านเล่นกีต้าร์มือเดียวของเขา ยังถือว่า ธรรมดาครับ แต่เขาก็ได้รองชนะเลิศเพราะกระแสดราม่า น่าสงสารมาแรง (แต่แพ้ไมร่า นักร้องเสียงโอเปร่าไป)

ซีซั่นที่ 3  ดราม่าด้วยปัญหาภาคใต้ หนุ่ม 3 จังหวัดใต้มาร้องเพลงเกี่ยวกับปัญหาภาคใต้ได้รางวัลชนะเลิศไป ทั้ง ๆ ที่มีทีมที่ทุ่มเทฝึกซ้อมมากกว่า ใช้ทักษะการแสดงมากกว่า ทักษะความพร้อมเพรียงมากกว่ากลับพ่ายแพ้กระแสดราม่าของนักร้องเพลงภาคใต้ไป

มาซีซั่นที่ 4 ปี 2014 คนพิการนั่งวีลแชร์ชนะเลิศ นี่มันกระแสดราม่า น่าสงสารชัด ๆ

ถ้าตัดเรื่องดราม่า น่าสงสารออกไป ผมมองว่า ทีมนี้ไม่น่าจะชนะ เพราะทีมที่เลิศกว่า ดีกว่า สมบูรณ์กว่า ใข้ทักษะมากกว่า กลับพ่ายแพ้อย่างไม่น่าแพ้

ในทีมชนะเลิศ 3 อันดับสุดท้ายของปี 2014 ผมให้น้องเท็น ทายานันต์ เด็กผู้หญิงอายุ 10 ขวบที่แสดงกายกรรมผาดโผน เหมาะสมที่สุดที่จะชนะเลิศได้ เงิน 10 ล้านบาท

แต่กลายเป็นว่า เธอได้แค่อันดับที่ 3 รับเงินไป 2 แสนบาทเท่านั้น

เรื่องชนะเลิศจะว่าไปก็โทษใครไม่ได้ ต้องโทษคนไทยที่แม่งชอบดราม่ากันจริง ๆ

ย้ำว่า ชื่อบทความ ผมเขียนว่า ผมเบื่อที่มาตรฐาน นะครับ

และย้ำอีกครั้ง สำหรับผมมองคนพิการเท่าเทียมคนปกติในการแข่งขันนี้

ถ้าตัดเรื่องพิการออกไป ความสามารถพวกเขายังไม่น่าถึงชนะเลิศ แต่คนไทยชอบโหวตด้วยความสงสาร (น่าเบื่อจริง ๆ)

แต่เอาเถอะ รายการเขาตัดสินที่คะแนนโหวตของคนทั่วประเทษ เราก็ต้องยอมรับว่า กระแสดราม่ามีอิทธิพลสูงสำหรับคนไทยเหมือนเดิม

-------------------

เสียดาย น้องเท็น ทายานันท์ ไม่ได้แชมป์

บอกตรง ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้จักน้องเท็น ทายานันท์ TGT08 เด็กอายุ 10 ขวบที่เล่นกายกรรม มาก่อนเลย ไม่เคยดูการแสดงของน้องเลย จนเพิ่งได้ดูในรอบชิงเมื่อวาน

ผมลองไปไล่ดูคลิปเก่า ๆ ตั้งแต่รอบแรกของเด็กคนนี้

บอกตรง เด็กคนนี้สมควรได้ 10 ล้านมากที่สุด !!

เพราะผมดูการแสดงของน้องเท็นด้วยความตื่นเต้นตลอด นี่แค่ดูผ่านคลิปนะ

เก่งจริง ๆ ทาเลนจ์ของแท้เลยล่ะเด็กคนนี้ ในประเทศไทยจะมีเด็กอายุ 10 ขวบ แสดงแบบนี้ได้สักกี่คน

ดูคลิปน้องเท็น ทายานันท์ ในรอบชิงชนะเลิศ อย่างอึ้ง !!



---------------------

ไม่แน่นะ ปีหน้า TGT#5 อาจมี

ทีมคนตาบอดมาแข่ง ด้วยการร้องเพลงประสานเสียง

ทีมคนพิการขา มาแข่งด้วยการเต้นด้วยแขน โชว์พลังแขนอันทรงพลัง

ทีมคนหูหนวก มาเต้นเชียร์ลีดเดอร์

ทีมเด็กออทิสติก มาแข่ง ด้วยการแสดงวงดนตรีร็อคแอนด์โรล

ทีนี้แหละ คนไทยจะลังเลว่า กูจะดราม่าโหวตให้ทีมไหนดี ?? 555

คลิกอ่าน TGT3 ชัยชนะบนความดราม่าของสมชาย นิลศรี



วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

หลังแปรรูป ปตท. ใครได้ประโยชน์มากที่สุด






หลังการแปรรูป ปตท.

กระทรวงการคลังถือหุ้น ปตท. 51 %
ให้เอกชน ถือหุ้น ปตท. ถือหุ้น 49 % ซึ่งในข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ มีคนเพียงห้าหมื่นกว่าคนเท่านั้นที่ถือหุ้นในส่วนนี้

เท่ากับว่า คนไทยประมาณ 65 ล้านคนถือหุ้น ปตท. 51 %
แต่มีคนไทยอีกแค่ 5 หมื่นสามพันกว่าคน ถือหุ้น ปตท. ตั้ง 49 %

เท่ากับ ผลประโยชน์ของ ปตท. จำนวนมาก ไปตกอยู่ในมือคนส่วนน้อย เช่น

ถ้า ปตท. กำไร 1 แสนล้าน

ก็เท่ากับ คนไทย 65 ล้านคน (ถือโดยกระทรวงการคลัง) ถ้าเอากำไรจาก ปตท. 51,000 ล้านบาท ไปแบ่งกัน ก็จะได้คนละ 780 บาทเท่านั้น (แต่เงินไม่ได้เข้ากระเป๋าคนไทยทุกคนจริง)

แต่เอกชนที่ถือหุ้น ปตท. มีจำนวน 5 หมื่น 3 พันคน เมื่อเอากำไร 49,000 ล้านบาท จากปตท. ไปแบ่งกัน ก็จะได้คนละ 920,000 บาท (แต่เงินเข้ากระเป๋าคนพวกนี้จริง)

พอมองออกหรือยังว่า ปตท. พยายามทำกำไรเพื่อใครกันแน่ ??

นั่นคือ คนส่วนน้อย กลับได้ผลประโยชน์มากกว่า




--------------------

ปตท. กับ ปิโตรนัส ของมาเลเซีย บริหารจัดการต่างกันอย่างไร

คลิกที่รูปเพื่อขยาย


ปตท. ได้แปรรูปเป็นกึ่งเอกชน

ส่วน ปิโตรนัส ยังเป็นรัฐวิสาหกิจของมาเลเซีย 100 %

ทุกขั้นตอนการผลิตจนได้น้ำมันสำเร็จรูปออกมา ของ ปตท.  ได้มีการฟันกำไรเพื่อให้ผู้ถือหุ้น ปตท. ทุกขั้นตอน ผ่านบริษัทลูกของ ปตท. นั่นคือ โรงกลั่นต่าง ๆ หลายบริษัท ที่ ปตท. ถือหุ้นใหญ่อยู่

ในขณะที่ ปิโตรนัสของมาเลเซีย ในทุกขั้นตอนการผลิตไม่มีการฟันกำไรในทุกขั้นตอนให้ผู้ถือหุ้น เพราะยังเป็นของรัฐ 100 % นี่นา

ปิโตรนัสของมาเลเซีย ให้เอกชนมาประมูลขุดเจาะ และถ้ารายใดให้ผลประโยชน์แก่รัฐ หรือแบ่งส่วนแบ่งแก่รัฐมากที่สุด ก็ได้สิทธิขุดเจาะเป็นราย ๆ ไป

รายได้หลักของปิโตรนัส จะไปคิดที่ราคาขายปลีกน้ำมันทีเดียวเลย ไม่มีการคิดกำไรทุกขั้นตอนยุบยิบเหมือนที่ ปตท. คิด ทำให้น้ำมันสำเร็จรูปของปิโตรนัสจึงขายถูกกว่าราคาตลาดโลกเมื่อขายให้คนมาเลเซียได้

แถมรัฐบาลมาเลเซีย ยังนำกำไรจากการขายน้ำมันของปิโตรนัสทั่วโลก นำมาคืนกลับให้แก่ประชาชนด้วยการอุดหนุนราคาน้ำมันในประเทศให้ถูกลงกว่าราคาตลาดโลก นั่นเท่ากับว่า ปิโตรนัสได้ปันผลแก่ประชาชนที่ใช้น้ำมันทุกลิตร

---------------------

คำถาม

มีคนบอกว่า ให้รัฐเปิดนำเข้าน้ำมันเสรีเลยสิ ดูซิ ปตท. จะขายแพงอยู่ได้ไหม ?

ขอตอบว่า การนำเข้าน้ำมันในไทย เขาเปิดเสรีการนำเข้าอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครนำเข้าเพราะ ซื้อจากโรงกลั่น ปตท. จะถูกกว่า เพราะราคาน้ำมัน ปตท. ก็อิงราคาสิงคโปร์ บวกค่าขนส่ง

ถ้าไปนำเข้าเอง ก็ต้องซื้อจากสิงคโปร์ บวก ค่าขนส่ง และบวกความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอีก บวกประกันภัย บอกอื่น ๆ จิปาถะ ให้ยุ่งยาก สู้ซื้อจาก ปตท. เลยดีกว่าสะดวกกว่า

ส่วนน้ำมันสำเร็จรูปที่ลักลอบนำเข้าจากมาเลซีย มันคือ น้ำมันหนีภาษีครับ


มีคนถามอีกว่า ถ้าคิดว่า ปตท. ทำผิด ทำไมไม่ไปฟ้องร้อง ?

คำตอบคือ หลายอย่างที่ ปตท. ทำผิด กระทรวงการคลังคือผู้เสียหายโดยตรง แต่กระทรวงการคลังก็เอื้อประโยชน์ให้ ปตท. จึงไม่ยอมฟ้องร้อง

เพราะข้อกำหนดของศาลปกครองกำหนดว่า ผู้เสียหายโดยตรงจะต้องเป็นผู้ฟ้องร้องเอง

และมีหลายเรื่องที่ ปตท. กระทำถูกกฎหมายในรูปนโยบายพลังงาน ที่มีนักการเมืองหนุนหลัง จึงเรียกว่า ปตท. ทำถูกกฎหมาย แต่ไม่ถูกเรื่องจริยธรรม เช่นเรื่องกำหนดราคาน้ำมัน และการให้สัมปทานบริษัทน้ำมันต่างชาติ

ขอบคุณรูปประกอบจาก บทความ ปตท.กับการสูงขึ้นของราคาสินค้า-บริการ และเงินเฟ้อ


--------------------

การทับซ้อนของผลประโยชน์และอำนาจที่ขัดกันของปลัดกระทรวงพลังงาน

ปลัดกระทรวงพลังงานทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา ต้องไปนั่งเป็นกรรมการของบริษัท ปตท. มาตลอด

นี่จึงเป็นเหตุขัดกันของหน้าที่ และการทับซ้อนของผลประโยชน์ของชาติและผลประโยชน์ของเอกชน



คลิกอ่านทำไม ปตท.ต้องอิงราคาน้ำมันสิงคโปร์ฟันกำไรคนไทยเยอะๆ


วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ไพรินทร์ ซีอีโอ ปตท.แถเรื่องแอลพีจีกลางเสวนาปัญหาพลังงาน






บทความนี้ขอเขียนแค่ประเด็นเดียว คือ เรื่องแอลพีจีว่า ทำไมคนไทยต้องซื้อแอลพีจีแพงกว่าปิโตรเคมีของ ปตท. 

ที่เวทีเสวนาปัญหาพลังงาน จัดโดยหลวงปู่พุทธะอิสระ

เมื่อฝ่ายปฏิรูปพลังงานถาม ปตท. ถามว่า ให้ภาคครัวเรือนและภาคขนส่งใช้แอลพีจีที่ผลิตได้ในประเทศ ที่มีอย่างพอเพียงก่อน แล้วที่เหลือภาคปิโตรเคมีของ ปตท. ค่อยเอาใช้ได้หรือไม่ แล้วถ้าไม่พอใช้ ทางปิโตรเคมีก็นำเข้าแอลพีจีจากต่างประเทศเอง แล้วจ่ายราคาแอลพีจีนำเข้าเอาเอง ไม่ใช่ภาคปิโตรเคมีมาแย่งภาคครัวเรือนและภาคขนส่งใช้ก่อน จนพอแอลพีจีไม่พอใช้จนต้องไปนำเข้า แล้วมาผลักภาระให้ประชาชนเป็นฝายต้องจ่ายแพงกว่าแทน

(หมายเหตุ ปิโตรเคมียังซื้อแอลพีจีในราคาที่ถูกกว่าประชาชน เพราะเสียภาษีแค่ 1% ส่วนภาคครัวเรือนเสียภาษี 12 %)

ประเด็นนี้ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ก็เริ่มตอบโดยชักแม่น้ำทั้ง 5 สาย โดยเท้าความว่า ของใช้เกือบทุกอย่างในทุกวันนี้ ทั้งขวดเพ็ท ทั้งขาแว่นตา ยาพาราเซตตามอล ไปจนถึงไอศครีมกลิ่นวนิลา กลิ่นสตอเบอรี ก็ล้วนมาจากผลิตภัณฑ์จากปิโตรเคมีทั้งสิ้น ถ้าไม่มีปิโตรเคมี ต่อไปทุกอย่างที่กล่าวมาต้องนำเข้าจากประเทศ

คนฟังเริ่มโห่ เพราะมันอ้างเสียยืดยาว และตอบไม่ตรงคำถาม

จนคุณหมอผู้หญิงจากฝ่ายปฏิรูปต้องพยายามถามเน้น ๆ ว่า "ช่วยตอบหน่อยว่า ปิโตรเคมีจะซื้อแอลพีจีส่วนที่ต้องนำเข้าเองได้ไหม"

แล้วนายไพรินทร์ กับนายปิยะสวัสดิ์ ก็พยายามจะตอบโดยชักแม่น้ำทั้ง 5 อีกรอบ คือพวกมันเจตนาจะอธิบายเพื่อให้ปิโตรเคมีได้สิทธิซื้อแอลพีจีในราคาถูกก่อนนั่นแหละ

คุณหมอผู้หญิงคนเดิม พยายามจะแทรกคำถามอีกว่า แล้วทำไม SCG เขายังซื้อแอลพีจีในราคาตลาดโลกได้ ทำไมปิโตรเคมีของปตท. จะซื้อแอลพีจีในราคาตลาดโลกบ้างไม่ได้ 

(SCG คือเครือซิเมนต์ไทย ก็ทำธุรกิจด้านปิโตรเคมีเหมือนกัน แต่ซื้อแอลพีจีจากต่างประเทศเอง)

ไอ้ปิยสวัสดิ์ และ นายไพรินทร์ แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำถามนี้ ประหนึ่งแกล้งโง่

จนตอนท้าย ๆ ในประเด็นนี้ นายปิยสวัสดิ์ เอาตัวรอดด้วยการตอบว่า ถ้าจะให้ปิโตรเคมีซื้อแอลพีจีแพงก็ได้ แต่นั่นต้องออกเป็นนโยบายรัฐบาล

คลิกอ่าน ปตท. ต้องรู้ทัน ปตท. กรณี แอลพีจี

-----------------------

เป็นไงครับ ความเลวของปิยสวัสดิ์ กับ ไพรินทร์ แถหน้าด้าน ๆ จริง ๆ

วิธีดูง่าย ๆ ว่า ระหว่างฝ่ายปฏิรูปพลังงาน กับ ฝ่าย ปตท. ใครโกหก ?

ผมจะบอกให้ว่ามีวิธีที่ดูได้ง่ายมาก

นั่นคือ ฝ่ายไหนที่พูดยาว เยิ่นเย้อ ฟังยาก ต้องให้ตีความ หรือฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง หรือตอบไม่ตรงคำถามมากกว่ากัน ฝ่ายนั้นนั่นแหละคือ ฝ่ายที่กำลังโกหกประชาชน

หลักการตอบของคนชั่วคือ ตอบให้ยาก ตอบให้คนงงเข้าไว้ นั่นแหละคือวิธีเอาตัวรอด

คลิกอ่าน ปิยสวัสดิ์ มีผลประโยชน์ทับซ้อนใน ปตท.หรือไม่


เฉลย ผัดพริกแกง ต่างจาก ผัดพริกขิง ตรงไหน ?







คือเพราะคนไทยส่วนใหญ่เวลานี้ ไม่ค่อยได้โขลกน้ำพริกแกงกินเองแล้ว

ส่วนใหญ่ก็มักไปซื้อหาพริกแกงมาจากตลาด หรือพริกแกงสำเร็จรูป มาทำแกงเผ็ดกันแทน

จึงทำให้คนไทยส่วนใหญ่ในเวลานี้อาจไม่รู้ว่า ส่วนผสมของเครื่องพริกแกงมีอะไรบ้าง แล้วก็เลยเกิดความสับสนว่า

ผัดพริกขิง กับ ผัดพริกแกง ก็เป็นน้ำพริกอย่างเดียวกันนั่นแหละ

ซึ่งความจริง ไม่ใช่!!

น้ำพริกแกงที่นำไปทำแกงเผ็ดกะทิ หรือจะเอามาผัดในเมนูอาหารตามสั่ง เช่น หมูผัดพริกแกงราดข้าว นั้น เป็นคนละอย่างกับหมูผัดพริกขิงอย่างแน่นอน

รสชาติผัดพริกแกงเผ็ด ก็แบบหนึ่ง ส่วนรสชาติผัดพริกขิง ก็แบบหนึ่ง

ถ้าใครเอาน้ำพริกแกงมาผัดหมูหรือผัดกับเนื้อสัตว์ แล้วมาบอกว่า นี่แหละคือผัดพริกขิง นั่นแสดงว่า คน ๆ นั้นไม่รู้จริง และกำลังมั่ว

เพราะน้ำพริกแกง กับ น้ำพริกขิง มีส่วนผสมแตกต่างกัน

แล้วต่างกันตรงไหนรู้ไหม ?

จริง ๆ ส่วนผสมในพริกแกงจะเหมือนกันเกือบทุกอย่าง จะมาแตกต่างกันชัด ๆ ก็ตรงที่น้ำพริกแกงของผัดพริกขิง จะต้องใส่ขิงแล้วตำให้ละเอียดในขั้นตอนทำพริกแกงด้วยนั่นแหละครับ ส่วนพริกที่ใช้ก็จะเลือกพริกที่เม็ดใหญ่เพื่อให้ไม่เผ็ดมากเหมือนพริกแกงเผฺ็ด

ส่วนน้ำพริกแกงเผ็ดทั่วไปจะไม่มีการใส่ขิงลงไป

แล้วน้ำพริกผัดพริกขิง จะมีการโคลกกุ้งแห้งป่นลงไปด้วย ส่วนการผัดก็จะเน้นหวานกว่า

ความเห็นส่วนตัว ผมคิดว่า ผัดพริกขิงตำรับเดิม ๆ ที่ใส่ขิง น่าจะเป็นน้ำพริกที่คนไทยเชื้อสายจีนดั้งเดิมในอดีตดัดแปลงทำขึ้น เพราะคนจีนจะชื่นชอบรสชาติของขิง และไม่นิยมทานรสเผ็ดจัด

อย่างยายของผมเป็นลูกคนจีนที่มาทำมาหากินในพระนครศรีอยุธยา ยายผมชอบทำผัดพริกขิงบ่อยมาก ซึ่งผมเคยถามยายว่า ทำไมถึงเรียกผัดพริกขิง ?

ยายผมก็ตอบง่าย ๆ ว่า ก็ใส่ขิงด้วยน่ะสิ

ฉะนั้น จำไว้นะครับว่า ที่แตกต่างกันนั่นคือ ผัดพริกขิง จะมีการใส่ขิงแล้วโขลกละเอียดในขั้นตอนการโขลกเครื่องพริกแกงด้วย

ตัวอย่าง การทำผัดพริกขิงหมูกรอบ

วัตถุดิบพริกแกงผัดพริกขิง มีดังนี้

1. พริกแห้ง 10 เม็ด
2. กระเทียม 1 หัว
3. ข่าหั่นแว่น 6 แว่น
4. หอมแดง 6 หัว
5. ตะไคร้ซอย 1 ต้น
6. รากผักชี 3 ราก
7. พริกไทยเม็ด 6 เม็ด
8. ขิงหั่นแว่น 6 แว่น
9. เกลือป่น 1 ช้อนชา

วัตถุดิบหมูกรอบผัดพริกขิง

1. หมูกรอบ 300 กรัม
2. ถั่วฝักยาว 100 กรัม
3. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
5. ใบมะกรูดซอย 5 ใบ
6. พริกแดงสไลซ์ 1 เม็ด
7. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ 

- ใส่วัตถุดิบพริกแกง คือ พริกแห้ง กระเทียม ข่าหั่นแว่น หอมแดง ตะไคร้ซอย รากผักชี พริกไทยเม็ด ขิงหั่นแว่นและเกลือป่น ลงในครก โขลกให้ละเอียด

- นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลาง เทน้ำมันลงไป รอจนร้อน จากนั้นนำพริกแกงที่เตรียมไว้ลงไปผัดจนเหลืองหอม

- ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน ใส่หมูกรอบ และถั่วฝักยาวลงไปผัด จากนั้นโรยพริกชี้ฟ้าแดงสไลซ์ และใบมะกรูดซอย ยกออกจากเตา

- ตักใส่จานที่เตรียมไว้ พร้อมเสิร์ฟ




สูตรทำหมูกรอบน้ำพริกขิง และรูปจาก เว็บ Wongnai


วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เมื่อจาพนม ไม่มาเผาศพพ่อบังเกิดเกล้า







เมื่อครั้งงานศพอาจารย์พันนา จาพนมก็ไม่ได้กลับมาร่วมงานศพเลยแม้แต่วันเดียว

ผ่านเรื่องงานศพของท่านพันนา มาไม่ทันไร พ่อบังเกิดเกล้าของจาพนม ก็ได้เสียชีวิตลงอีก ทำให้ผู้คนต่างเฝ้ารอดูว่า จาพนม จะกลับมาร่วมงานวันเกิดพ่อของเขาหรือไม่

ซึ่งพอดีว่า จาพนม กำลังถ่ายทำหนังในฮ่องกงกับดอนนี่ เยน





ซึ่งทีมงานหนังฮ่องกงก็คงเข้าใจวัฒนธรรมไทยดีพอควร เพราะเป็นชาวเอเซียเหมือนกัน

จาพนม จึงได้โอกาสลางานเพื่อกลับมางานศพพ่อที่ตั้งสวดพระอภิธรรมอยู่ที่บ้านได้ ตามที่เราคงได้เห็นกันในข่าวแล้วว่า จาพนม กลับมากราบศพพ่อ ได้มากราบแม่

ซึ่งจาได้อยู่ร่วมงานประมาณ 20 นาทีเท่านั้น จึงรีบกลับทันที

คลิป จาพนม มากราบศพพ่อ


โดยมีการอ้างจากสื่อบางสื่อว่า มีข่าวว่าญาติของจาพนม อาจจะล็อคประตูบ้านไม่ให้จา ได้กลับออกไปอีก ทำให้จา ต้องงรีบกลับทันทีเพราะกลัวโดนขัง

-----------

วันต่อมาคือวันที่ 25 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันฌาปนกิจพ่อบังเกิดเกล้าของจาพนม

แต่กลับไร้เงา จาพนมมาร่วมงานเผาศพพ่อ

คลิป วันเผาพ่อจาพนม ไร้เงาจาพนม



ผมได้ลองอ่านความเห็นของผู้คนในเว็บต่าง ๆ  ก็มีทั้งเห็นใจจา เพราะคิดว่า จา ต้องอยากมางานเผาศพพ่อแน่นอน แต่คงเบื้องลึกอะไรบางอย่างเกินกว่าที่คนภายนอกจะรับรู้และเข้าใจ จึงทำให้จาไม่สามารถกลับมาร่วมงานเผาศพพ่อได้

ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ต่างคิดว่า คงเพราะญาติพี่น้องของจา นั่นแหละ ที่ทำให้จา ต้องจำใจไม่มาร่วมงานเผาศพพ่อ คงต้องมีเรื่องบาดหมางที่ลึกซึ้งมากเกินกว่าที่คนภายนอกจะเข้าใจอย่างแน่นอน

----------------

แต่สำหรับความเห็นของผมนะ

ต่อให้ญาติพี่น้องมันจะเลวยังไง แต่พ่อตาย แม่ก็อยากให้มา ยังไงก็ต้องมาให้ได้ ถึงจะต้องบุกน้ำลุยไฟ ก็ต้องมาให้ได้

ถ้าลูกชายที่พ่อรักที่สุด ไม่มางานเผาศพพ่อ ถ้าวิญญาณพ่อรับรู้ พ่อจะเสียใจแค่ไหน

ทีในหนังแม่งกล้าไปเสี่ยงตายสู้กับโจรได้แบบวันแมนโชว์โคตรเก่ง

แต่พอเรื่องจริง ดันไม่กล้าเผชิญหน้าความจริง

ยังไง ๆ ก็ญาติพี่น้องกันทั้งนั้น ต่อให้เคยเจ็บแค้นเจ็บใจแค้นเคืองกันยังไง แต่การได้เผาศพพ่อย่อมสำคัญที่สุด

สำหรับผม ผมคิดแบบนี้นะ

ขอจบบทความนี้ด้วยคำพูดของจาที่ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว เมื่อวันที่เขามากราบศพพ่อ ว่า

"ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน"


วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ชาวสวนยางพาราและเกษตรกรไทยหัดอยู่บนโลกความจริงบ้าง







สาเหตุที่ยางพาราราคาตก ผมเคยเขียนอย่างละเอียดไว้แล้วในบทความเรื่อง สาเหตุยางพาราราคาตกกับถุงยางยิ่งลักษณ์

ตอนยางพาราราคาดี ก็แห่กันปลูก แถมรุกล้ำป่าสงวนอย่างเห็นแก่ได้ เพื่อจะปลูกยางพารา


เป็นเหตุให้มีเหตุการณ์ดินถล่มเพราะฝนตกหนัก จากที่ไปทำลายป่า เพื่อจะปลูกยาง รวมทั้งพวกปลูกปาลฺ์มด้วย

เมื่อยางราคาดี ก็แห่กันปลูกทั้งประเทศ แห่กันไปซื้อของเงินผ่อนทั้งรถใหม่ป้ายแดง ทั้งมอไซค์ รวยกันเองถ้วนหน้า แต่พอยางราคาตกก็ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วย ซึ่งก็เหมือนปล้นภาษีของคนทั้งชาติ

อย่าเอาแต่ได้ แห่กันปลูก แห่กันกรีดยางจนได้ปริมาณเยอะ ๆ เกินความต้องการของตลาดโลก ราคามันย่อมตกเป็นธรรมดา

หัดรู้ความจริงซะบ้างว่า ตอนนี้เกือบทุกประเทศในอาเซียนเขาก็ปลูกยางพารากันทุกประเทศแล้ว

จะมาให้ราคายางพาราไทยแพงแบบไม่ลืมหูลืมตา โดยไม่ดูรอบบ้านรอบประเทศบ้าง มันก็เท่ากับชาวสวนยางกำลังจะทำลายประเทศนี้ด้วยมือคุณเอง

อย่าให้เหมือนโครงการจำนำข้าว ที่ทำชาติชิบหายมากหลายแสนล้านมาแล้วเลย

อาชีพอื่น ๆ ถ้าเขาค้าขายขาดทุน กิจการเขาก็ต้องเจ๊ง ก็ไม่เห็นเขาออกมาประท้วงให้รัฐบาลช่วยเหลือ ออกมาทำตัวเป็นอภิสิทธิ์ชนเหมือนเกษตรกรไทยเลย

พืชชนิดอื่น ๆ ก็เหมือนกัน แห่กันปลูก แห่กันใส่ปุ๋ยเร่งผลผลิต จนต้นทุนการผลิตสูง ผลผลิตก็แห่ออกมามากมายกันทุกไร่ทุกสวน จนเกินความต้องการของตลาด

ราคามันก็ต้องตกเป็นธรรมดา ตามหลักสินค้ามีมากแต่ความต้องการมีน้อยกว่า ราคาก็ต้องถูกลง

แข่งกันผลิตออกมาเยอะ ๆ เท่ากับแข่งกันเจ๊ง ก็เจ๊งไปสิ ถ้าจะให้ภาษีชาติมาช่วยตลอดชาติ มันก็ไอ้พวกชั่วล่ะครับ

หัดยอมรับความเป็นจริงซะบ้าง นี่ก็ใกล้เปิด AEC แล้ว แต่ยังทำตัวเป็นเกษตรกรลูกแหง่ รอความช่วยเหลือจากรัฐบาล แบบนี้ก็เลิกอาชีพนี้ไปเถอะ

ถ้าไม่รู้จะไปทำอาชีพอะไร ก็ไปตายซะ

บอกตรง ผมเบื่อพวกเกษตรกรที่คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียวจริง ๆ

เคยดูรายการหอมแผ่นดิน ไหม ของ ธกส. น่ะ ไม่ใช่เอาแต่ดูละครน้ำเน่าหลังข่าว จนโง่เหมือนทุกวันนี้

เกษตรกรในรายการหอมแผ่นดิน เขาอยู่ได้ด้วยลำแข้งตัวเอง ไม่ต้องมาพึ่งพาแบมือขอให้รัฐบาลช่วยทั้งปีทั้งชาติอีกแล้ว เขาทำยังไง หัดคิด หัดฉลาดกันซะบ้าง

อย่าเป็นเกษตรกรยุคล้าหลังแบบอดีตกันอีกเลย คนไทยเขาเริ่มเบื่อแล้ว

พวกออกมาประท้วงรัฐบาลเพราะราคาผลผลิตตกต่ำเนี่ย ถ้าคิดแก้ไขเองไม่ได้ ก็เลิกไปซะ ถ้าเลิกไม่ได้ ก็ไปตายซะ !!

รู้จักไหม คำว่า อยู่ไปก็หนักแผ่นดิน น่ะ ถ้าอยู่เพื่อจะคอยแต่ให้ชาติช่วยเหลือ อยู่เพื่อจะเบียดเบียนชาติตลอดชีวิต ก็คือ พวกหนักแผ่นดิน

คลิกอ่าน ความโง่เซียไทยรัฐ กับบทบาทที่แตกต่างกันของชาวสวนยางในยุคยิ่งลักษณ์ กับยุค คสช.


วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557

การเตรียมตัวก่อนตรวจน้ำตาลในเลือดแบบทฤษฎีใหม่






การตรวจน้ำตาลในเลือดว่า เป็นเบาหวานหรือไม่ หมอหรือพยาบาลมักแนะนำว่า กรุณางดอาหารหลังเที่ยงคืนใช่มะ ?

แต่ผมไม่เคยเชื่อหมอและพยาบาลพวกนั้น เพราะผมเชื่อหมออีกคน คือ ศ.นพ.เทพ หิมะทองคำ

คุณหมอเทพ เคยแนะนำว่า ไม่ต้องไปงดอาหารและน้ำ ไปตรวจเลยทั้ง ๆ ที่กินอาหารตามปกตินั่นแหละ

เพราะคนที่ไม่เป็นเบาหวาน ต่อให้กินอาหารก่อนไปตรวจ ยังไง ๆ น้ำตาลมันก็ไม่เกินค่าปกติ

ซึ่งผมก็ทำตามที่หมอท่านนี้แนะนำมาตลอดต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 10 ปีจนถึงปัจจุบัน เวลาไปตรวจเลือดซึ่งผมตรวจปีละ 2 - 3หน

ปรากฏว่า ผมกินกาแฟหวานมาก กินขนมปังตอนเช้า แล้วก็ไปตรวจเลือดหลังจากกินอาหารเช้าไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ น้ำตาลของผมก็ไม่เคยเกิน 100 หรือบางทีค่าก็อยู่แค่ 80 กว่า ๆ ด้วยซ้ำ

นี่แสดงว่า ผมไม่เป็นเบาหวานแบบ 100 % เพราะถึงกินอาหารไปก่อนตรวจน้ำตาลในเลือด ค่าน้ำตาลกลูโคสก็ไม่เคยเกินค่ามาตรฐานคือ 70-110 mg/dL

ที่จริงคุณหมอเทพ หิมะทองคำ เคยบอกว่า ถ้ากินอาหารก่อนเจาะเลือด ไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง แล้วค่าน้ำตาลไม่เกิน 120 ก็ถือว่า ไม่เป็นเบาหวานอยู่แล้ว

แต่ถ้าใครอดอาหารและน้ำ แล้วไปเจาะเลือด ถ้าค่าน้ำตาลไม่เกิน ก็ไม่ได้แปลว่า คุณไม่ได้เป็นเบาหวาน เพราะผลตรวจมันอาจหลอกคุณ ก็เพราะคุณดันไปอดอาหารก่อนเจาะเลือดน่ะสิ เลยได้ผลตรวจว่า ไม่เป็นเบาหวานแบบหลอก ๆ

ถ้าอยากรู้ว่า ตัวเองเป็นเบาหวานจริง ๆ หรือไม่

ก็แนะนำว่า ให้กินอาหารไปตามปกติแล้วไปตรวจเลือดเลย ถ้าผลตรวจมีค่ากลูโคสไม่เกิน 110-120 ก็แแปลว่า คุณไม่เป็นเบาหวานแน่นอน

แต่ถ้าผลน้ำตาลในเลือดเกิน 120 แต่ไม่เกิน 140 แสดงว่า คุณอาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานในอนาคต จะต้องรีบปรับปรุงพฤติกรรมตัวเองโดยด่วน !! แล้วควรตรวจเลือดซ้ำอีก เพื่อความเที่ยงตรงชัดเจน

แต่ถ้าคุณอดอาหารก่อนไปเจาะเลือดตั้งแต่หลังเที่ยงคืน คุณอาจได้ผลตรวจหลอก ๆ ว่า คุณยังไม่เป็นเบาหวาน ซึ่งกว่าคุณจะรู้ตัวว่าเป็นเบาหวานจริง ๆ ก็อาจสายไปเสียแล้ว

--------------

ความรู้ที่ผมได้จากเรื่องนี้ ผมได้รับรู้มานานกว่า 10 ปีจากคุณหมอเทพ ที่ได้พูดเรื่องนี้ในรายการทีวีรายการหนึ่ง

หลังเขียนบทความนี้จบ ผมเลยไปหาข้อมูลในเน็ต เพิ่มเติมตามนี้เลยครับ

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เทพ หิมะทองคำ ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลเทพธารินทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อมไร้ท่อ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคเบาหวาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทยเป็นโรคเบาหวานจำนวนมาก

มีผู้ป่วยด้วยโรคนี้ประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์ของประชากร โดยสถิติของประชากรอายุเกิน 35 ปีขึ้นไป ตกประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ อายุเกิน 45 ปีขึ้นไป ตกประมาณ 18 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในจำนวนนี้ ครึ่งหนึ่งไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคเบาหวาน

และเนื่องจากไม่รู้ ทำให้ไม่รู้จักดูแลตัวเอง จำเป็นต้องประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้นเพื่อที่จะได้นำมาซึ่งการวินิจฉัยและรีบรักษา ควบคุม

“จากสถิตินี้มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหตุผลคือ เพราะคนไทยขาดการออกกำลังกาย และกว่าจะรู้ตัวว่าเป็นเบาหวานก็เมื่ออ้วนไปแล้ว ซึ่งความอ้วนจะทำให้อาการต่างๆ ปรากฏขึ้น โดยอาการต่อมาคือปัญหาหลอดเลือดหัวใจ ปัญหาหลอดเลือดสมอง ทั้งนี้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจและปัญหาหลอดเลือดสมอง เป็นสาเหตุหลักในการเสียชีวิต” นายแพทย์เทพกล่าว

จะเห็นได้ชัดว่า วัยยิ่งสูงขึ้นผู้ป่วยก็ยิ่งมีมากขึ้น ทั้งนี้ เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ความดื้อของอินซูลินก็จะมากตามเป็นผลให้เกิดโรค ยิ่งหากมีบุคคลในครอบครัวเป็นเบาหวานแล้วด้วย ยิ่งต้องดูแลควบคุมตัวเองเป็นพิเศษ เพราะโรคเบาหวานนั้นเป็น “กรรมพันธุ์”

นอกจากนี้ ควรดูแลไม่ให้เด็กอ้วน เพราะว่าเด็กอ้วนเมื่อโตขึ้นก็จะเป็นผู้ใหญ่อ้วน ทำให้ความดื้อต่ออินซูลินในร่างกายปรากฏขึ้นมาชัดเจนขึ้น เพราะความอ้วนเป็นตัวเร่งหนึ่ง เช่นเดียวกับ ไขมันสูง น้ำตาลสูง ล้วนเป็นสิ่งที่เป็นพิษต่อร่างกาย

นพ.เทพยังได้แนะนำเรื่องการตรวจเลือดเพื่อวัดเบาหวานว่า "การตรวจเลือดเพื่อวัดเบาหวานในเส้นเลือดหลังรับประทานอาหารไม่เกิน 2 ชั่วโมง ค่อนข้างได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะทำได้ง่าย และช่วยให้พบอาการของโรคเบาหวานได้ไวกว่าและดีกว่า ทั้งนี้เพื่อเป็นการจับสัญญาณเบาหวานก่อน แต่หากอยากให้มั่นใจมากขึ้น ก็ต้องตรวจความต้านทานของน้ำตาล ว่าร่างกายสามารถเอาชนะน้ำตาลได้ดีแค่ไหน"

“วิธีการคือ อาจดื่มน้ำหวานกลูโคสเข้าไป 75 กรัม แล้วดูว่าน้ำตาลสูงขึ้นเท่าไหร่ คนปกติไม่ว่าดื่มเข้าไปอย่างไรก็ไม่เกิน 120 ถ้าหากว่า 2 ชั่วโมงให้หลังขึ้นไปเกิน 200 ให้ถือว่าเป็นเบาหวานแล้ว ทั้งนี้ความถี่ในการตรวจเลือดต้องอยู่ที่ความเสี่ยงของเรา หากตรวจน้ำตาลแล้วต่ำกว่าเกณฑ์ คือ 140 มาก ก็อาจเป็นปีละครั้ง แต่ถ้าใกล้เคียงก็อาจตรวจให้ถี่ขึ้น”

ถามเรื่องการป้องกันโรคนี้ คุณหมอเทพ หิมะทองคำ ได้แนะนำว่าต้องหมั่นออกกำลังกาย และคิดให้มากขึ้นก่อนกินอะไร

“ต้องรู้จักกิน ใช้สมองในการรับประทานอาหารมากขึ้น ต้องพยายามหาสิ่งที่ทำให้สุขภาพเราดี ทั่วไปคนชอบกินอาหารเสริม พวกแอนติออกซิแดนท์ แต่ความจริงแล้วสารดังกล่าวสามารถหาได้ตามธรรมชาติ ทั้งผักผลไม้ทั่วไป เราจึงสามารถใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า ใช้เงินน้อยที่สุด แต่ได้รับคุณค่ามากที่สุด"

“นอกจากนี้ ยังควรลดอาหารที่เป็นอันตราย เช่นพวกไขมัน หวาน มัน เค็ม แป้ง และต้องดูปริมาณอาหาร การกินมากเกินไปจะทำให้อ้วนและเป็นโรคได้ แม้จะทานอย่างถูกต้องก็ตาม”

เบาหวานเป็นโรคที่ทุกคนมีความเสี่ยงจะเป็นได้ทั้งนั้น การป้องกันก่อนที่โรคนี้จะมาถามหาเป็นหนทางที่ดีที่สุด



ที่มา http://nstda.or.th/blog/?p=442

สุดท้ายนี้ ถ้าใครยังไม่เกท ในสิ่งที่ผมเขียนมาทั้งหมด แนะนำลองดูคลิปรายการชีวิตชีวา 13 มีนาคม 2559 ตอน ดูแลสุขภาพผู้เป็นเบาหวาน ตรวจน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง ที่ ศ.นพ.เทพ หิมะทองคำ ได้รับเชิญมาพูดในรายการครับ

โดยเฉพาะในนาทีที่ 8.45 เป็นต้นไป คุณหมอเทพ ได้พูดถึง การไม่ต้องอดอาหารก่อนตรวจน้ำตาลในเลือด ครับ

คลิปรายการ ชีวิตชีวา ตอน ศ.นพ.เทพ หิมะทองคำ พูดเรื่อง โรคเบาหวาน




วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สื่อไทยห่วยไปเรียกอีโบสายน้ำเกลือว่า น้องโบ







จากกรณี ผู้หญิงหน้าด้าน ไร้ยางอาย โพสคลิปโดนกระเด้าจากผู้ชายเลว ๆ ในโรงพยาบาล

ผมบังเอิญมีคนส่งมาคลิปมาให้ดู ทีแรกผมก็ไม่สนใจอะไร เพราะหน้าตาผู้หญิงในคลิปมันอุบาทว์ ตอนแรกผมดูไม่จบด้วยซ้ำ ขี้เกียจดู

แต่ต่อมาดันเป็นข่าวใหญ่ แล้วสื่อดันไปเรียกมันอย่างเอ็นดูว่า น้องโบ นี่สิ ผมเลยต้องจำใจไปดูคลิปอีกรอบให้จบ ว่า มันถ่ายในโรงพยาบาลจริงเหรอ

ซึ่งถ้าดูเฉพาะสถานที่ บอกตรงดูไม่รู้เลยว่า มันถ่ายที่โรงพยาบาล แต่ดันมีสายน้ำเกลือ กลับรูปอื่น ๆ มาประกอบภายหลังว่า อีโบมันได้ไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลจริง ๆ แถมตัวมันเองก็บอกชื่อโรงพยาบาลลงในเฟสบุ๊คอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทางโรงพยาบาลเขาเสื่อมเสีย ที่มีเรื่องอุบาทว์แบบนี้ในโรงพยาบาลแบบเปิดเผยสู่สาธารณะ (ส่วนที่ไม่เปิดเผยก็มีทุกที่นั่นแหละ) ทางโรงพยาบาลเขาเลยต้องไปฟ้องร้องดำเนินคดีกับมัน

ส่วนผมรู้สึกว่า สื่อเมืองไทยนี่มันห่วยแตกจริง ๆ โดยเฉพาะ astv และอีกหลาย ๆ สื่อ ที่ห่วยแตก ดันไปเรียกผู้หญิงที่มีพฤติกรรมเลว ๆ แบบนี้ว่า น้องโบ

แถมสื่อบางสื่อเสือกลงข่าวว่า สาวหน้าตาดี อีกด้วย ??? โคตรตาต่ำมาก

ส่วนผมไม่รู้สึกแปลกใจอะไรที่ อีโบ มันกล้าทำเลวแบบนี้

เพราะอีโบ มันมีหน้าตาอุบาทว์ชาติชั่ว ก็สมแล้วที่มันมีพฤติกรรมสถุลไร้ยางอายเหมือนสัตว์เดรัจฉาน ที่กล้าถ่ายคลิปแถมเลวขนาดไปถ่ายทำในโรงพยาบาล เพื่อประจานตัวเอง (ตอนหลังมันมาคิดหาเงินจากบัตรเติมเงิน)


อีโบหน้าตาอุบาทว์จริง ๆ ต้องประจานมันว่า อีลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน

อีโบนี่มันคงคิดเองเออเองล่ะสิว่า มันเป็นนางเอกหนัง AV ของญี่ปุ่น ?

ขอถุยก่อน 3 ที ถุย ถุย ถุย !!

โถ อีโบแม่งไม่ได้สำนึกหนังหน้าตัวมันเองเลยว่า หน้าอย่างมึงน่ะ ยังสวยสู้เล็บตีนของนางเอก AV ญี่ปุ่นไม้ได้เลย

แล้วหนัง AV ญี่ปุ่น เขาไม่ได้ไปถ่ายทำในโรงพยาบาลจริง ๆ เขาทำกันเป็นธุรกิจที่มีการเซ็ตฉาก และเขาทำอย่างถูกต้องถูกระเบียบ

อีกอย่างกฎหมายและมาตรการทางสังคมของญี่ปุ่นเขาเข้มงวดเอาจริง แม้ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศอุตสาหกรรมส่งออกหนัง AV ที่ใหญ่ที่สุดในโลก  แต่ประเทศญี่ปุ่นกลับมีคดีข่มขืนน้อยมาก

การที่สื่อห่วยแตก ไปเรียกคนทำชั่วทำเลว ทำอุบาทว์แบบอีโบ ว่า น้องโบ นี่เท่ากับสื่อไม่แยกแยะถูกผิด

บ้านเมืองไทยสังคมแย่ลง เพราะสื่อห่วย ๆ นี่แหละตัวดี

ต้องเรียกอีนี่ว่า อีโบสายน้ำเกลือหน้าอุบาทว์พฤติกรรมสถุล 

(หมายเหตุ สื่อกระแสหลักคงไปเรียก อีโบ ออกอากาศไม่ได้ แต่ไม่สมควรเรียกให้มันว่า น้องโบ)


แต่ยังดีที่ยังเหลือสรยุทธ กับน้องไบรท์ ที่ไม่เรียกมันว่า น้องโบ



ทีนี้ก็เหลือแต่ตำรวจ และผู้พิพากษา ว่าจะดำเนินคดีนี้ และตัดสินพฤติกรรมของอีโบอย่างไร แล้วทำไมไม่เห็นตำรวจเรียกไอ้ผู้ชายในคลิปในดำเนินคดีด้วย ข้อหาสมรู้ร่วมคิด เพราะไอ้ผู้ชายคนนี้มันคือคนถ่ายคลิปเอง

ผมขอแนะนำว่า กระบวนการยุติธรรมต้องดำเนินคดีและตัดสินอีโบให้ติดคุกให้ได้ ไม่งั้นจะเป็นพฤติกรรมอุบาทว์แบบนี้เกิดขึ้นเรื่อย ๆ เพราะกฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์

เพราะความผิดอีโบ คือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่งมีบทความผิดไว้ดังนี้มาตรา 14 นำเข้า ปลอม เท็จ ภัยมั่นคง ลามก ส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

บอกตรง ผมว่า ตำรวจคงชงคดีอ่อน พอไปถึงศาล ศาลไทยก็ดันเมตตา ตัดสินให้มันได้รอลงอาญาแหง ๆ ห่วย !!

เสียดายคลิปมันโดนลบไปแล้ว ผมเลยหารูปไอ้ผู้ชายในคลิปมาประจานไม่ทัน


วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ฝากถึงพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของไทย







ถ้าผมเสนออะไรต่อท่านนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ได้นะ

ผมจะขอเสนอให้ รัฐบาลต้องมอบรางวัลนักเรียนที่ไปชนะเลิศแข่งขันโอลิมปิควิชาการให้ได้รางวัลมากกว่าพวกชนะประกวดร้องเพลง AF หรือ เดอะสตาร์ หรือ เดอะวอยซ์

แล้วต้องโฆษณาประชาสัมพันธ์เชิดชูนักเรียนเหล่านี้ให้ดังพอ ๆ กับดาราดาวรุ่งเลย

เพราะพวกแข่งประกวดร้องเพลง ไม่ได้ช่วยก่อให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศชาติ เพราะประเทศที่มีวัยรุ่นที่สนใจเรื่องแบบนี้มาก ๆ ประเทศย่อมล้าหลังทางด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์กว่านานาชาติ

ผมเคยเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังว่า

เมื่อหลายปีก่อน มีการประชุมการศึกษาของเกาหลีใต้ ในวงเสวนาเป็นห่วงว่า เด็กเกาหลีใต้สนใจไปเรียนเต้น เรียนร้องเพลงมากเกินไป จนทำให้ไม่สนใจเรียนเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเท่าคนรุ่นก่อน ๆ

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกาหลีใต้อาจโดนชาติคู่แข่งทางการค้าด้านนวัตกรรมแซงหน้าได้ในอนาคตอันใกล้นี้

ขนาดเกาหลีใต้เขาเจริญมากขนาดนั้นแล้ว เขายังห่วงอนาคตของเขาเลย แต่ประเทศไทยยังล้าหลัง เคยมีผู้มีอำนาจคนไหนคิดห่วงเรื่องนี้รึยัง




---------------------

ข้อคิด

ประชาธิปไตย กับ ประเทศชาติ อะไรสำคัญกว่ากัน ?

ถ้าประเทศชาติสำคัญกว่า ก็ขอให้อยู่ในความสงบ รอดูผลงานต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 จะทำดีเพื่อชาติได้หรือไม่.และได้มากแค่ไหน

"ระบอบก็เหมือนแมว ไม่ว่าแมวสีไหนพันธุ์ไหน ถ้าจับหนูเก่งได้เป็นอันพอ" เติ้งเสี่ยวผิง เคยกล่าวไว้คล้าย ๆ แบบนี้แหละ

-----------------

นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 เป็นนายกฯ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย

ฉะนั้น ต้องทำความดีเพื่อชาติให้มาก ให้ดีกว่านายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งได้เยอะ ๆ เท่าไหร่ยิ่งดี

ปัญหาที่พวกนักเลือกตั้งแก้ไม่ได้ จนเป็นปัญหาโลกแตก เช่น เด็กแว้น เด็กช่างกลตีกัน ลอตเตอรี่ขายเกินราคา แท๊กซี่ปฏิเสธรับผู้โดยสาร และปัญหาโลกแตกของไทยอีกจำนวนนับหมื่นเรื่อง ฯลฯ

คงไม่ต้องแก้ให้ได้หมดทุกอย่างหรอก เอาจะจะสัก 1,000 อย่างก็พอ จัดการปฏิรูปเอาให้สะใจ ให้พวกคลั่งประชาธิปไตยมันจ๋อยไปเลยว่า

รัฐประหาร ดี ๆ ก็มีในโลก เหมือนกัน

คลิกอ่าน ดูรูป ด.ช. ประยุทธฺ จันทร์โอชา สมัยเรียน มศ.1


วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557

บทเรียนสอนใจของ ไมค์ และซาร่า กับลูก








ความฉลาดของลูกของนักร้องกับนางแบบ

แม็ก "พ่อกับแม่ เมื่อก่อนเคยเป็นอะไรกันครับ"

ไมค์ "อ๋อ พ่อเคยคบหากับแม่ของลูกเท่านั้น"

ซาร่า "อ๋อ แม่ก็แค่เคยคบหากับพ่อของลูกเท่านั้น"

แม็ก "แต่ไม่เคยเรียกว่าแฟน ไม่เคยมีพิธีแต่งงานกัน ไม่เคยมีการจดทะเบียนสมรสกัน ใช่ไหมครับ"

ไมค์ "ใช่จ้ะลูก เราแค่คบหากันชั่วคราวเท่านั้น แล้วก็เลิกรากันไป"

แม็ก "แล้วทำไมถึงเคยมีข่าวว่า พ่อกับแม่ต้องเอาผมไปตรวจ DNA ล่ะครับ"

ซาร่า "คือพ่อของลูกเขาไม่มั่นใจว่า ลูกน่ะใช่ลูกของพ่อเขาจริง ๆ หรือเปล่าน่ะสิ"

แม็ก "อ๋อ.. เข้าใจละ ที่แท้พ่อกับแม่ก็แค่วัยรุ่นรักสนุกซั่มกันเอามันส์ แต่แม่ไม่กินยาคุม ส่วนพ่อก็ชอบแตกใน 

ส่วนพ่อก็ไม่ไว้ใจแม่ว่า ช่วงนั้นแม่แอบไปซั่มกับใครอีกหรือเปล่า เป็นแบบนั้นใช่ไหมครับ"


5555555

นี่แหละสิ่งที่ไมค์ และซาร่า ต้องเจอในอีก 15 ปีข้างหน้า


วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ทำไม ปตท.ไม่สำรวจน้ำมันบนบกในไทย







บริษัทที่เข้ามาสำรวจหาน้ำมันในประเทศไทยบนบก มีทั้งหมด 28 บริษัท และเกือบทั้งหมดเป็นบริษัทต่างชาติ

ถามว่า ทำไม ปตท. ไปสำรวจน้ำมันแต่ในต่างประเทศ แต่กลับไม่สนใจสำรวจน้ำมันบนบกในประเทศตัวเอง ?

ปตท.สผ. ได้แต่ไปสำรวจแหล่งน้ำมันในทะเลอ่าวไทยแทน

แล้วทำไมบริษัทน้ำมันต่างประเทศ ถึงโง่มาสำรวจหาน้ำมันในประเทศไทย ?

คุณคิดว่า บริษัทน้ำมันต่างชาติมันโง่กว่า ปตท.เหรอ

--------------------

รายงานไทยพีบีเอส ตอน ค้านขุดเจาะน้ำมันภาคอีสาน ได้บอกว่า บริษัทที่สำรวจน้ำมันในประเทศไทย 28 บริษัทเกือบทั้งหมดเป็นบริษัทต่างชาติ

ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมบริษัทต่างชาติถึงสนใจอยากจะมาสำรวจขุดเจาะน้ำมันในไทยมากขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่กระทรวงพลังงานและปตท. บอกว่า น้ำมันของไทยไม่ค่อยมี ถึงมีก็แค่กระเปาะเล็ก ๆ ??

คุณผู้อ่านคิดว่า บริษัทน้ำมันต่างชาติเขาโง่กว่าปตท. เหรอ ?

ผมว่าไม่นะ แต่มันต้องมีอะไรลับลมคมในเพื่อให้คนไทยตามความฉลาดแกมโกงของพวกนักการเมืองและ ปตท.ไม่ทันมากกว่า

คลิปนาทีที่ 9.20 รายงานข่าวบอกว่า มีบริษัทสำรวจน้ำมัน 28 บริษัท ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นบริษัทต่างชาติ

ซึ่งผมคิดว่า อีกบริษัทคือ ปตท.สผ.ไปสำรวจน้ำมันแต่ในทะเล




แล้วกฎหมายไทยก็เอาเปรียบคนไทย เพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัทขุดเจาะสำรวจน้ำมัน เพราะการสำรวจขุดเจาะน้ำมันไม่ต้องทำEIA หรือรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม




ที่จริงผมก็รู้ว่า ทำไมปัจจุบันนี้ ปตท.สผ. ถึงไม่อยากสำรวจน้ำมันบนบกในประเทศไทยเอง

คำตอบก็คือ ปตท.มันเลวไงครับ

ปตท. มันรู้ว่า การสำรวจน้ำมันบนบกในไทยนั้น บริษัทที่เจาะสำรวจมันต้องเห็นแก่ตัว

ปตท. มันเลยไม่อยากทำเอง แต่เปิดโอกาสให้บริษัทต่างชาติมาสำรวจแทน เพื่อ ปตท. จะได้ไม่โดนประชาชนด่าไงครับ

แปลความง่าย ๆ คือ ปตท. มันรู้เห็นเป็นใจให้บริษัทต่างชาติมาทำสำรวจขุดเจาะเอาเปรียบคนไทยบนแผ่นดินไทย แล้วสุดท้ายผลประโยชน์มันก็ต้องกลับมาที่ ปตท. อยู่ดี เพราะน้ำมันที่ขุดพบในกรณีถ้าเจอ สุดท้ายก็ต้องไปกลั่นที่โรงกลั่นของ ปตท.

นั่นเท่ากับ ปตท. มันไม่ได้รักคนไทย ไม่ได้ชาติไทยจริง ๆ

โอเค ปตท. มันอาจอ้างว่า ไม่อยากมีปัญหากับคนไทย เลยไม่อยากสำรวจในไทย มันก็อ้างได้

แต่ถ้าเราดูจากคลิปทั้งสองคลิป มันก็บอกในตัวเองอยู่แล้วว่า ปตท.ยอมให้บริษัทต่างชาติเข้ามาปู้ยี่ปู้ยำบนแผ่นดินไทยแทนดีกว่า

นี่หรือที่ ปตท.สผ ที่อ้างว่า เป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ??

ถุย !!

คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!



วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ลีน่าจัง vs ยิ่งลักษณ์ & เอม






ลีน่าจัง เสแสร้งนั่งร้องไห้เรียกร้องความสนใจจากสื่อ อ้างเหตุว่า เพราะเธอหมดสิทธิเป็น สปช. เนื่องจากขาดคุณสมบัติ เพราะเธอเคยโดนใบแดงจาก กกต. ในการเลือกตั้ง สว. ในอดีต

คลิกที่รูปเพื่อขยาย


ลีน่าจัง โพสเฟสบุ๊คบอกว่า เสียใจจนอยากฆ่าตัวตาย เพราะโดนประยุทธ์แกล้งสั่งปิดสถานีดาวเทียมของเธอไม่ให้ออกอากาศ



ส่วนอีกคน ยิ่งลักษณ์เสแสร้งมีความสุข ทำตัวติดดินเดินช้อปปิ้งห้างระดับชาวบ้าน
โดยมี ไอ้หนุ่ย นายตำรวจยาวใหญ่ เดินตามถ่ายรูปตลอดเวลา

คลิกที่รูปเพื่อขยาย


ส่วนยิ่งลักษณ์ ที่ไม่ได้โดนใครแกล้งเลย
แต่เธอพยายามหลอกควายแดงว่า ชั้นโดนแกล้ง


-------------------

เอม ท้องลูกแฝดหญิง จากการทำกิ๊ฟ




นรกส่งมาทีเดียว 2 ช่วยเพิ่มความหนักให้แก่แผ่นดินทีเดียว 2 เท่า !!


ไม่เอาน่า อย่าคิดมาก !! ขำ ๆ


วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Saving Private Ryan หนังสอน หัวใจประชาธิปไตย







"ถ้าจะดูว่า หัวใจประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกา ที่แท้จริงคืออะไร ให้ดูหนังเรื่อง Saving Private Ryana เรื่องนี้แหละ สอนหัวใจประชาธิปไตยได้ดีที่สุด"

ลิงค์โพส

----------------

ผมได้โพสข้อความไปเพียงเท่าที่เห็นด้านบนในเฟสบุ๊คของผม

แต่ได้มีเพื่อนคนนึงในเฟสเกิดสงสัย จึงได้ถามมาว่า

"บางทีผมก็ไม่เข้าใจนะ แต่ดูหลายรอบแล้ว หนักไปทางยิงกัน ปนดรามานิดหน่อย แต่ประชาธิปไตยนี่ งง ผมหาไม่เจอ รบกวนอธิบายหน่อยครับ"

---------------

ผมจึงอธิบายเขาว่า

ประชาธิปไตยที่แท้จริงคือ คนส่วนใหญ่จะไม่ละเลยคนส่วนน้อย หรือ คนส่วนใหญ่จะไม่ละทิ้งคนส่วนน้อย

ความเป็นคนส่วนใหญ่และคนส่วนน้อย ย่อมมีความสำคัญเท่าเทียมกัน

ในหนังเรื่อง Saving Private Ryana ได้แสดงให้เห็นหลักการนี้ได้อย่างชัดเจนมาก

แต่เพราะอเมริกันชนเขาฉลาด เขาจะไม่บอกความตรง ๆ เพราะการบอกตรง ๆ นั้นมันจะไม่ลึกซึ้งฝังเข้าไปถึงในจิตใต้สำนึกของผู้คน

แต่คนไทยเป็นประเภทชอบอะไรตื้น ๆ เหมือนดูละครน้ำเน่า ดูลิเก ซึ่งแตกต่างจากสังคมอเมริกันครับ

---------------

เรื่องย่อเซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอัน



ส่วนเรื่องย่อของหนังเรื่องนี้ก็คือ พี่น้อง 3 คนของตระกูลไรอัน ซึ่งเป็นผู้ชายทั้งหมด โดยทั้งสามคนต้องออกไปรบในสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่ 2

ต่อมากองทัพสหรัฐอเมริกา ได้ทราบข่าวว่า ทั้ง 3 พี่น้องได้ตายในสนามรบหมดทุกคนแล้ว

กองทัพสหรัฐฯ จึงต้องส่งจดหมายไปแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวไรอัน

เมื่อพ่อแม่ของพี่น้องไรอัน ทราบข่าวการเสียชีวิตของลูก ๆ ทุกคนแล้ว ... (หัวอกของพ่อแม่ที่สูญเสียลูกคงเข้าใจ)

แต่ภายหลังกอบทัพสหรัฐ ฯ กลับตรวจพบว่า เกิดปัญหาความเข้าใจผิดจากการพิมพ์รายชื่อทหารที่เสียชีวิต เพราะความจริงยังเหลือลูกชายคนสุดท้องของตระกูลไรอันอีก 1 คนคือ พลทหาร เจมส์ ไรอัน ที่ยังมีชีวิตอยู่

จึงทำให้กองทัพสหรัฐอเมริกาไม่ต้องการให้ตระกูลไรอันต้องสูญเสียลูกชายคนสุดท้องคนนี้ไปอีกคน

กองทัพสหรัฐอเมริกาจึงมีคำสั่งให้นำตัวลูกชายที่เหลือคนสุดท้ายของตระกูลไรอัน กลับสหรัฐอเมริกาให้ได้ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ที่จะพาเขาออกจากสมรภูมิรบอันดุเดือดกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย

แต่หน่วยทหารที่รับภารกิจพาตัว พลทหาร เจมส์ ไรอัน กลับบ้าน กลับต้องมาตายไปหลายคนจากภารกิจนี้ จนเกิดคำถามว่า

ทำไมสหรัฐอเมริกาต้องสูญเสียพลทหารและนายทหารจำนวนมาก เพื่อพาพลทหารเพียงคนเดียวกลับบ้านด้วย 

-----------------------

ปกติครอบครัวนึงก็มักจะมีแค่ลูกชายคนเดียว หรืออย่างมากก็แค่ 2 คนที่จะต้องไปรบในสมรภูมิพร้อม ๆ กัน

แต่ครอบครัวไรอัน มีลูกชายถึง 3 คน ที่ออกไปรบในสมรภูมิพร้อมกัน แถมต้องมาตายทั้งหมดในสงครามเดียวกันทั้ง 3 คน (ตอนแรกเข้าใจผิด)

กองทัพสหรัฐอเมริกา จึงถือว่า ครอบครัวไรอันได้สูญเสียและเสียสละอย่างที่สุดเพื่อประเทศชาติ

ครอบครัวไรอัน ได้เสียสละเพื่อสหรัฐอเมริกามามากพอแล้ว ถึงเวลาที่สหรัฐอเมริกาต้องเสียสละเพื่อครอบครัวไรอันบ้าง

จนเมื่อกองทัพสหรัฐฯ ได้ทราบข่าวว่า ที่จริงลูกชายคนสุดท้องของครอบครัวไรอันยังมีชีวิตอยู่

ดังนั้น ปฏิบัติการณ์เฉพาะกิจเพื่อพาตัวลูกชายคนสุดท้องของครอบครัวไรอัน กลับมาบ้านอย่างปลอดภัยจึงได้บังเกิดขึ้น

ถ้าคุณผู้อ่านตีความหนังเรื่องนี้แตก ก็จะเข้าถึงหัวใจประชาธิปไตยที่แท้จริงครับ


คลิกอ่าน ความหมาย ประชาธิปไตย ที่ถูกต้อง


วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สรยุทธ ช่วยปกปิดหน้าคนขับวีออสสันดานเลว







ช่วง 2-3 วันมีการแชร์คลิปในโลกออนไลน์ กรณีรถโตโยต้าวีออสสีดำป้ายแดง พยายามขับปาดหน้ารถตู้เพื่อหวังให้รถตู้ชนท้าย



ต่อมาคลิปนี้ก็ดังจนเป็นคดีถึงตำรวจ และดังจนได้ออกรายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ของสรยุทธไปแล้ว

ซึ่งรายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ของสรยุทธ กลับปกปิดหน้าตาของไอ้คนขับรถวีออสสันดานเลวคนนี้ แต่กลับเปิดเผยหน้าตาของคนขับรถตู้ผู้ถูกกระทำอย่างชัดเจน



ประเทศไทยมีคนเลว ๆ มากขึ้นเต็มบ้านเต็มเมืองในทุกวันนี้ ก็เพราะสื่อชอบไปช่วยปกปิดหน้าตาคนทำชั่วนี่แหละ

ทีผู้เสียหายดันเปิดเผยหน้าในข่าวชัดเจน แต่ไอ้คนเลวดันปกปิดหน้ามัน

แล้วไอ้คนขับวีออสคนนี้ มันก็ไม่ใช่เยาวชน แถมมันอ้างว่าทะเลาะกับแฟนเลยพาลโมโหหาเรื่องชาวบ้าน แล้วสื่อจะไปช่วยปกปิดหน้าตาของมันทำเหี้ยอะไรวะไอ้สรยุทธ !!

แทนที่คนทำผิด ต้องช่วยกันประจานให้มันอาย จะได้เป็นตัวอย่างต่อไปว่า ใครก็อย่าได้ทำนิสัยเลว ๆ แบบนี้อีก เพราะคุณจะโดนประจาน

คนเขาจะได้รู้ว่า แม่งลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน จะได้เป็นตัวอย่างไปถึงพ่อแม่ของลูกคนอื่น ๆ ด้วยว่า คนเป็นพ่อแม่ก็ต้องช่วยกันอบรม ตักเตือน สั่งสอน ดูแลลูกหลานให้ไม่ทำตัวเลว ๆ ให้คนเขาด่ามาถึงพ่อแม่ ด่าถึงครอบครัวและวงศ์ตระกูล

แต่ยุคนี้กลายเป็นว่า คนชั่วไม่โดนประจาน พ่อแม่ที่ไม่สนใจสั่งสอนดูแลลูกให้ดี ก็ไม่โดนประจาน

สังคมไทยเราเสื่อมเพราะมีสื่อเลว ๆ คิดไม่เป็นแบบนี้นี่แหละ แม่งกะจะเอาแต่กำไรจากการขายสื่อ แต่ไม่ช่วยกันปกป้องสังคมให้รอดพ้นจากคนชั่ว

เดี๋ยวนี้ทำชั่วเลยไม่ต้องอายใคร เพราะสื่อช่วยปกปิดหน้าคนชั่วนี่แหละ

คลิกอ่าน ตำรวจวังทองหลาง ใจดี ปรับรถวอลโว่จอดหน้าโรงเรียนแค่ 100 เดียว


วันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ผมมีเหรียญ 10 บาท ที่มีค่ามากกว่ารุ่นปี 2533






สังคมที่ชอบหลอกตัวเอง เช่น เหรียญ 10 บาท ปีไหน ๆ แม่งก็ไม่เคยสนใจ พอมีข่าวว่า ถ้าผลิตปี 2533 แม่งต้องแพง เพราะมีแค่ 100 เหรียญในโลก

ทีนี้รีบหยิบเหรียญสิบบาท มาดูกันใหญ่

แค่ปี ๒๕๓๓ ก็มโนว่า มันวิเศษ กว่าปีอื่น ๆ เพราะมันผลิตน้อยมาก ทั้ง ๆ ที่ ถ้าไม่มีข่าวนี้ก็ไม่เคยมีใครสน

ฉะนั้น ราคาจะแพงหรือไม่แพง ก็ขึ้นกับว่า ไอ้คนรับซื้อต่อ มันจะมโนว่า วิเศษมากแค่ไหน.

ตั้งแต่มีข่าวนี้ ผมไม่เคยหยิบมาดูเลยสักเหรียญว่าผลิตปีไหน ผมก็ใช้มันไปตามปกติ นั่นแหละ

เพราะไม่อยากมโนว่ามันวิเศษ มันหายาก มันมีน้อย มันแพง ถ้ามีแล้วกูจะเหาะได้นะ 5555

แต่ผมมีเหรียญ 10 บาทที่ด้านหน้าเป็นในหลวง ร.9 และในหลวง ร. 5 คู่กัน

ซึ่งผมได้นำไปใส่กรอบพลาสติกแล้วแขวนไว้ที่กระจกมองหลังของรถ ผมไหว้ทุกครั้งก่อนขับรถออกจากบ้าน อธิษฐานขอให้ในหลวงทั้งสองพระองค์คุ้มครอง ซึ่งผมแขวนหน้ารถมาสัก 4 ปีกว่า ๆ ได้แล้ว

ผมไม่ได้มโนว่าเหรียญนี้ของผมศักดิ์สิทธิ์ เพราะผมเชื่อว่า รูปไหน ๆ ของในหลวงก็ศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้นแหละ ผมไหว้หมด

--------------

ล่าสุด กองกษาปน์ กรมธนารักษ์ ได้ออกมาให้ข่าวว่า เหรียญ 10 บาทรุ่นปี 2533 มี 100 เหรียญอยู่ก็จริง

แต่เก็บไว้ที่กองกษาปณ์ประมาณ 60 เหรียญ แจกให้คนสำคัญในไทยไป 18 เหรียญ ที่เหลือก็ได้แจกให้เป็นที่ระลึกในงานแสดงเหรียญกษาปณ์ในต่างประเทศไป

นั่นแสดงว่า จะมีในไทยไม่เกิน 18 เหรียญเท่านั้นที่อยู่นอกกองกษาปณ์

ฉะนั้น อย่าได้ไปหลงเชื่อว่า มีเหรียญ 10 บาทในท้องตลาดง่าย ๆ เพราะคุณจะเจอแต่เหรียญรุ่นปี 2533 ปลอม

เหตุที่ผลิตแค่ 100 เหรียญเท่านั้น เพราะตอนนั้นยังนิยมใช้ธนบัตร 10 บาทอยู่ ทั้ง ๆ ที่ กองกษาปณ์ได้สั่งเหรียญโล้น ๆ รอปั๊มมา 50 ล้านเหรียญ แต่ต้องหยุดผลิตไป จึงผลิตเป็นตัวอย่างและเป็นเหรียญที่ระลึกแค่ 100 เหรียญ ก่อนจะมาผลิตอย่างจริงจังในปี 2537

ส่วนคนที่ได้เหรียญ 10 บาทในรุ่นปี 2533 ไป ก็เป็นคนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับกองกษาปณ์ทั้งนั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยังเก็บเหรียญรุ่นนี้ที่บ้านไว้เป็นที่ระลึก จึงทำให้มีในตลาดเหรียญจริง ๆ ไม่น่าจะถึง 10 เหรียญครับ


อภิสิทธิ์ชน เสกโลโซ กับ รางวัลลูกกตัญญูกตเวที







ผมเคยเขียนบทความเกี่ยวกับเสกโลโซ มาครั้งนึงแล้วว่า เสกโลโซ เป็นนักร้องที่เป็นอภิสิทธิ์ชน เพราะเขาไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดในฐานะผู้เสพอย่างหนักจนสมองเริ่มเพี้ยน

จนกระทั่งมีรูปเสกโลโซ กำลังเสพยา เผยแพร่ในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ก็ด้วยฝีมือภรรยาของเสก เองนั่นแหละที่ปล่อย ก็เลยทำให้ความแตก คนทั่วประเทศได้รู้ว่า เสกโลโซกำลังติดยาอย่างหนัก !!

แล้วตั้งแต่ที่มีข่าวเสกโลโซติดยา และได้เข้ารับการบำบัดการติดยาเสพติดเมื่อเดือนธันวาคม 2554 

แต่หลังจากนั้น เสกโลโซ ก็ยังได้ออกทีวีในรายการตี 10 ในวันที่ 20กุมภาพันธ์  2555 และรายการเจ็ดสีคอนเสิร์ต ในเดือนมิถุนายน 2556

ซึ่งรายการที่ผมยกตัวอย่างมานั้น เสกโลโซ ได้ออกรายการทีวีก่อนที่จะครบกำหนดโทษแบนดาราและศิลปินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดครบ 2 ปีทั้งสองรายการด้วยซ้ำ

เท่ากับมาตรการทางสังคมกับการแบนดารานักร้องและศิลปินที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ที่ต้องห้ามออกสื่อเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปีนั้น ได้ถูกกรณีของ เสกโลโซ ทำลายลงอย่างสิ้นเชิง

แล้วล่าสุด เสกโลโซ ก็ได้รับรางวัลลูกกตัญญูดีเด่นในงานวันแม่แห่งชาติในปี 2557 อีก

เอ่อ.. มันจะเร็วไปหน่อยไหมครับ ?

ผมไม่รู้ว่าคณะกรรมการวันแม่แห่งชาติ ใช้หัวแม่ตีนข้างไหนคิดพิจารณา ถึงได้รีบตัดสินมอบรางวัลลูกกตัญญูกตเวทีต่อแม่ ให้กับเสกโลโซ ??

ซึ่งผมไม่ได้หมายความว่า เสกโลโซ เป็นลูกอกตัญญู นะครับ

แต่ผมว่า การจะเป็นลูกกตัญญูดีเด่นนั้น ควรจะต้องเป็นลูกที่ไม่เคยมีพฤติกรรมเสพยาเสพติดมาก่อน ด้วยนะครับ

ถ้าคณะกรรมการคัดเลือกลูกกตัญญูดีเด่นแห่งชาติ จะให้รางวัลนี้แก่ แสนนากา พี่ชายของเสกโลโซ ผมว่าคงจะไม่มีใครด่าเลยครับ

หรือที่ตัดสินมอบรางวัลนี้แก่เสกโลโซ ก็เพราะเสกโลโซ แต่งเพลงแม่ ได้ไพเราะ แค่นั้นเองเหรอ ?

ผมแค่สงสัย ?

ส่วนตัวผมชอบผลงานของเสกโลโซ นะครับ แต่ผมก็อยากมาตรการทางสังคมของไทยมีมาตรฐาน

ขนาด ฉัตรมงคล บำเพ็ญ ดาราที่เคยโดนคดีกัญชา ยังต้องหยุดงานแสดงไป 2 ปีกว่าเลย

แล้วทำไม เสกโลโซ และล่าสุด ปันปัน ดาราวัยรุ่นหญิงที่มีภาพหลุดว่าเสพยา เมื่อเดือนกรกฎาคม 2556 นี่เอง กลับไม่ต้องโดนแบนจนครบ 2 ปี ?

เพราะ ปันปัน ได้เล่นละครเรื่อง ฮอร์โมน 2 และยังได้โฆษณาเครื่องสำอางอีกยี่ห้อนึง ซึ่งกำลังออกอากาศอยู่ในช่วงนี้

---------------

ลูกที่น่าจะได้รางวัล แต่ก็ไม่ได้

แพท ณปภา นางเอกช่อง 3 น่าจะได้รางวัลลูกดีเด่นนะ เพราะดูแลแม่ที่ป่วยเป็นเอาไซเมอร์ อย่างดีด้วยเงินที่หาได้

ส่วนแพท เองเคยน้อยใจว่า เป็นผู้ออกเงินรักษาแม่ทั้งหมดแท้ ๆ กลับยังโดนพี่ ๆ ติโน่นติดนี่ให้ท้อแท้ใจ

แถมแพทบอกว่า กราบเท้าแม่ก่อนออกจากบ้านทุกวัน เธอพาแม่ไปเที่ยวเหมือนแม่ยังเป็นปกติโดยไม่อายใคร ถ้ามีเวลาอยู่บ้าน เธอก็ยังอาบน้ำให้แม่เองเสมอ

แพท บอกว่า แต่เธอไม่เคยท้อที่จะดูแลแม่ เพราะเธออยากให้แม่อยู่กับเธอนานที่สุดไม่ว่าแม่จะอยู่ในสภาพใดก็ตาม

ส่วนกรณีพ่อที่กำลังฟ้องร้องแพท แพทบอกว่า ศาลกำลังจะนัดไปไกล่เกลี่ยกันในเวลาอีกไม่นานนี้

สงสัยแพท ไม่เคยเสพไอซ์ ไม่งั้นคงได้รางวัลลูกกตัญญูไปแล้ว 555

-----------------

หมายเหตุ และในปีนี้ แม่ยายของเสก ก็ได้รางวัลแม่ดีเด่นแห่งชาติประจำปี 2557
ส่วนแม่ของเสก ก็ได้รางวัลโล่เกียรติยศจากที่มีลูกกตัญญู


วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ธรรมศาสตร์ยุคเสื่อม ตั้งวรเจตน์เป็นศาสตราจารย์







ที่จริงผมไม่อยากจะเอ่ยถึงไอ้กลุ่มนิติราษฏร์จัญไร โดยไม่จำเป็นเลยจริง ๆ เพราะรู้สึกคนในกลุ่มนี้มันเป็นเสนียดเป็นสิ่งอัปมงคลจริง ๆ

แต่มีเพื่อนได้ถามความเห็นผมมาว่า คิดอย่างไรที่ ธรรมศาสตร์ได้แต่งตั้งนายวรเจตน๋ ขึ้นเป็นศาสตราจารย์ และยังแต่งตั้ง นังสาวตรี เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์อีก

เฮ่อ.. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยุคพวกชั่วเต็มมหาวิทยาลัยแท้ ๆ

ประเด็นแต่งตั้ง วรเจตน์ เป็นศาตราจารย์ ต้องแยกเป็น 2 ประเด็น คือ

1. ในทางวิชาการ ผมเห็นว่า วรเจตน์บิดเบือนกฎหมายรัฐธรรมนูญหลายครั้งหลายหนต่อสาธารณชน ตามที่ผมได้เชียนไว้ในหลายบทความ เช่นเรื่องมาตรา 68 ในรัฐธรรมนูญ 2550

คลิกอ่าน ความโง่ของนิติราษฎร์กับการตีความ รธน.50 มาตรา 68

รวมทั้งที่นายวรเจตน์ ยังเคยตีความอำนาจหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

คลิกอ่าน ความโง่นิติราษฎร์ ต่ออำนาจหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ

และยังมีอีกในหลายครั้งหลายหน ที่นายวรเจตน์ได้พยายามบิดเบือนกฎหมาย ซึ่งผมถือว่า นายวรเจตน์ ไม่เหมาะสมแม้กระทั่งเป็นอาจารย์เลยด้วยซ้ำ เพราะไม่วางตัวเป็นกลางทางวิชาการอย่างตรงไปตรงมา แต่กลับบิดเบือนกฎหมายโดยมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์เพื่อหวังผลชั่วบางอย่าง

2. จิตสำนึกรักชาติรักแผ่นดิน นายวรเจตน์ เคยได้รับทุนอานันทมหิดล เพื่อไปศึกษาต่อจนจบปริญญาเอก ด้านกฎหมาย แต่กลับไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ กลับคิดจะล้มกฎหมายที่มีไว้ปกป้ององค์พระประมุขลง โดยนายวรเจตน์ได้เข้าพวกเข้าหมู่กับบรรดานักวิชาการที่ต้องการล้ม มาตรา 112  ซึ่งผู้คนมองว่า นักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์เป็นพวกล้มเจ้า

เมื่อนายวรเจตน์ เป็น ข้าราชการ

คำว่า ข้าราชการ มาจากคำว่า ข้า + ราชา + การงาน ซึ่งหมายถึง ผู้ทำงานของราชา ซึ่งก็คือ ผู้ทำงานเพื่อประชาชนแทนองค์ราชา

แต่นายวรเจตน์ กลับคิดเนรคุณพระราชา

เพียงแค่  2 เหตุผลนี้ ก็ไม่สมควรแล้วที่คนอย่างนายวรเจตน์ จะได้รับการเลื่อนวิทยฐานะให้ขึ้นเป็นศาสตราจารย์

ภาษาชาวบ้านเขาเรียกคนแบบนี้ว่า คนอกตัญญูแผ่นดิน

เมื่อนายวรเจตน์เป็นศาสตราจารย์ มันก็เป็น

ศาสตราจารย์ คณะเนรคุณศาสตร์ นั่นแหละเหมาะสมที่สุด

------------

ส่วนนางสาวสาวตรี  จิตใจคน ๆ นี้ก็จัดอยู่ในสายล้มเจ้าชัดเจน เพราะมันคิดล้ม กฎหมาย มาตรา 112 เช่นกัน

คลิกอ่าน ตรรกะชั่ว ๆ ของนางมาร สาวตรี

นังสาวตรี นี่จัดว่าเลวมากถึงขั้น ทรยศแผ่นดินขายชาติ เลยก็ว่าได้

เพราะขนาดนักวิชาการชาวอเมริกัน ที่ชื่อ นายแอนโทนี คาตาลัคซี ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ก็เคยออกมาแฉว่า นัง สาวตรี คนนี้รับเงินจากต่างชาติ เป็นคนขายชาติ ต่อต้านสถาบันกษัตริย์

คลิกอ่าน ฝรั่ง แฉ สาวตรี กบฏทรยศแผ่นดิน

-------------

คลิกอ่าน อดีตชาติของ วรเจตน์ นิติเนรคุณ


วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ทีวีดิจิตอลเสี่ยงเจ๊ง แนะ คสช.แก้ปัญหาแจกคูปอง






มันเป็นความผิดพลาดและล่าช้าของ กสทช. ในเรื่องการคิดจะแจกคูปองส่วนลดซื้อกล่องรับทีวีดิจตอลให้ประชาชน

เพราะราคากล่องดิจิตอลโดยทั่วไป มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคเคยสำรวจตลาดมาแล้วว่า ราคากล่องทีวีดิจิตอลอยู่ที่ประมาณ 500 - 700 บาทเท่านั้น

แต่พอ กสทข. บอกว่า จะแจกคูปองให้ประชาชนในราคา 1 พันบาท ราคากล่องดิจิตอลทุกยี่ห้อก็ขยับพุ่งไปเกิน 1,000 บาทกันทันทีถ้วนหน้า

จนมีข้อครหาว่า กสทช. เอื้อประโยชน์ให้บริษัทขายกล่องดูทีวีดิจิตอลหรือไม่

แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้ กสทช. ก็ได้เคาะราคามาแล้วว่า จะแจกคูปองส่วนลดให้ประชาชนที่ราคา 690 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาขายกล่องทีวีดิจิตอลเกือบครึ่ง เพราะราคากล่องทีวีดิจิตอลส่วนใหญ่จะราคาตั้งแต่ 1,200 บาทขึ้นไปทั้งนั้น

ถ้า กสทข. ตั้งใจจะแจกคูปองในราคานี้ โอกาสที่ประชาชนจะไม่สนใจซื้อกล่องดิจิตอลคงมีสูง เพราะคนไทยจริง ๆ ก็ดูทีวีแค่ไม่กี่ช่องเท่านั้น จึงไม่ค่อยสนใจจะซื้อกล่องเท่าที่ควร

ซึ่งจะทำให้ทีวีดิจิตอลทั้ง 30 กว่าช่องที่กำลังออกอากาศอยู่ในตอนนี้ มีโอกาสเจ๊งสูงเกินครึ่งนึงแน่นอน

เพราะคนไทยก็มีจำนวนเท่าเดิม แต่ช่องฟรีทีวีกลับมีมากขึ้น แล้วไหนจะทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวีที่มีอยู่แล้วอีกล่ะ แบบนี้ก็ต้องแย่งคนดูกันอย่างหนักแหง ๆ

ซึ่งช่องที่ดังอยู่แล้ว มีแฟนประจำอยู่แล้ว มีสายป่านยาวอยู่แล้ว ก็คงไม่ยากลำบากอะไร เช่น 3 5 7 9 11 และไทยพีบีเอส

ส่วนช่องทีวีดิจิตอลเกิดใหม่หน้าใหม่ที่เหลือ ต้องพยายามช่วงชิงเรตติ้งอย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาคนดูก็น้อยอยู่แล้ว และถ้าคนดูไม่ได้เพิ่มมากขึ้นเท่ากับจำนวนช่องที่เพิ่มขึ้น จึงมีโอกาสเจ๊งสูงแน่นอน

เพราะขนาดผมเอง ก็ยังไม่สนใจจะซื้อกล่องดิจิตอลมาดูเลย เพราะฟรีทีวีหลักที่มีอยู่ก็มีมากจนเลือกดูไม่ทันอยู่แล้ว แถมยังมีช่องทางเสพข่าวสารจากสื่อออนไลน์ และยูทูป จึงไม่จำเป็นต้องกระสันอยากดูทีวีดิจิตอลสักเท่าไหร่

-----------------

คสช. ต้องซื้อกล่องแจกเอง

ถ้า คสช. รับงานแจกคูปองมาจาก กสทช. เอง

สิ่งที่ คสช. ควรทำ ไม่ใช่เพิ่มราคาในคูปองเป็น 1 พันบาทตามที่บริษัทเจ้าของสัมปทานทีวีดิจิตอลเรียกร้อง

แต่สิ่งที่ คสทช. ควรทำคือ ผลิตหรือซื้อกล่องดูทีวีดิจิตอลมาแจกประชาชนเองเลย เพราะราคาต้นทุนกล่องพวกนี้ก็ประมาณ 500 - 700 บาทหรือต่ำกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งจะประหยัดกว่าแจกคูปอง 1พันบาท

ซึ่งจะทำให้ประชาชนเข้าถึงทีวีดิจิตอลได้มากและทันที โดยประชาชนไม่ต้องไปเพิ่มเงินเพื่อซื้อกล่องเองอีก

คสช. ก็ต้องแจกกล่องทีวีดิจิตอลให้ประชาชนเอง ไม่งั้นทีวีดิจตอลส่วนใหญ่เจ๊งแหง ๆ

แม้ กสทช. จะอ้างว่า ที่เลือกแจกเป็นคูปองแทนการแจกกล่องไปเลย เพราะกลัวว่าประชาชนจะไม่ได้มีโอกาสเลือกกล่องที่มีคุณภาพที่ดีกว่านั้น จะได้เอาคูปองไปเลือกซื้อกล่องในคุณภาพต่าง ๆ ได้เอง เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น

คสช. แจกกล่องมาเถอะ เอากล่องที่ มอก.รับรองคุณภาพพอดูได้ก็พอ ไม่ต้องวิเศษวิโสอะไรนักหรอก เพราะที่เห็นขาย ๆ อยู่ตอนนี้น่ะ น้ำหนักเบายิ่งกว่าเครื่องเล่น DVD ที่เลิกใช้ไปแล้วซะอีก

ก็ยังสงสัยทำไมกล่องทีวีดิจิตอลมันแพงเว่อร์จัง

คุณสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้บอกในรายการเถียงให้รู้เรื่องว่า

ตอนที่ RS ไปขอคุยกับ กสทช. เรื่องขอค่าเสียหายจากการที่ต้องถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกผ่านฟรีทีวี RS ทุกนัดว่า กล่องทีวีดาวเทียมซันบ๊อกซ์ของ RS มีราคาต้นทุนที่ 475 บาทเท่านั้น ซึ่งกล่องดูดาวเทียม กับ กล่องดูทีวีดิจิตอลมีเทคโนโลยีที่คล้ายกัน แถมความจริงกล่องดูทีวีดาวเทียมมีต้นทุนสูงกว่ากล่องดูทีวีดิจิตอลด้วยซ้ำ



วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2557

พบเงา ชัชชาติ บนดวงจันทร์






กล้องโทรทรรศน์ พบเงาประหลาดบนดวงจันทร์ สร้างความแตกตื่นกับพวกฝรั่งอย่างมาก

คลิกที่รูปเพื่อขยาย


จากเว็ปไซต์ youtube.com เจ้าของ account UFOvni2012 ได้เผยแพร่ภาพจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศซึ่งบันทึกภาพเงาลักษณะคล้ายมนุษย์ยืนอยู่บนดวงจันทร์ และยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าเป็นเงาของอะไรกันแน่

------------

แต่สำหรับคนไทยบอกว่า เรื่องเด็กๆ  ไม่เห็นน่าตื่นเต้นตรงไหน

ก็นั่นมันเงาของชัชชาติ บุรุษผู้ Kuay แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีต่างหาก

โดยเฉพาะ รูปขวาเป็นรูปชัชชาติกำลังเดินถือถุงก๊อปแก๊ปบนดวงจันทร์ชัด ๆ 555

ซึ่งบุคคลคนนี้ ทาง "มาเลวคอมมิค" กำลังจะซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างเป็นซุปเปอร์เหี้ยโร่

คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!


ขอบคุณทุกรูปจากfacebook


คลิกอ่าน เมื่อยิ่งลักษณ์ถูกตระกูลชินวัตรถีบทิ้ง


วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ท้วงติงนโยบายขึ้นเงินเดือนข้าราชการของพลเอกประยุทธ์







พลเอกประยุทธ์ หัวหน้า คสช. ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของไทย ใจดีคิดขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการไทยทุกคน

แต่ หัวอกผู้ใช้แรงงาน หัวอกชาวนาและเกษตรกร หัวอกคนหาเช้ากินค่ำ ได้ยินแล้วรู้สึกสะท้อนใจ และหดหู่

เพราะรายได้ทุกวันนี้ก็ไม่ค่อยจะพอกินอยู่แล้ว อยู่ ๆ ข้าราชการดันกระโดดมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งเชื่อเถอะ ข้าวของของเฮขึ้นราคาต้อนรับก่อนเงินเดือนใหม่ข้าราชการแน่นอน

และที่ยิ่งช้ำใจที่สุด คือ ลูกจ้างชั่วคราวที่ทำงานในหน่วยงานราชการทุกแห่ง พวกเขาช้ำใจสุด ๆ

เพราะตอนที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน พวกลูกจ้างชั่วคราวในหน่วยงานราชการ พวกเขาก็ยังไม่ได้เงินเดือนถึง 9 พันบาทเลย

นี่พลเอกประยุทธ์ กำลังจะขึ้นเงินเดือนข้าราชการให้กระโดดหนีเงินเดือนลูกจ้างชั่วคราวไปอีกแล้ว

ทำไมพลเอกประยุทธ์ ไม่คิดเพิ่มเงินเดือนรายได้แก่ลูกจ้างชั่วคราวในระบบราชการก่อนล่ะ ?

แล้วค่อยมาว่าเงินเดือนราชการทีหลังไม่ดีกว่าเหรอ

ตอนนี้ ท่านประยุทธ์ ลองเดินไปตามลูกจ้างชั่วคราวในกองทัพบกสักคนดูสิว่า เขาได้เงินเดือน ๆ ละ เท่าไหร่ ?

แล้วทหารภาคใต้ คนที่เคยอัดคลิปว่า เงินเดือนเขาแค่ 8 พัน แถมต้องออกเงินซื้อชุดเอง นั่นแหละที่ท่านประยุทธ์ต้องลงไปดูไปจัดการให้เขาได้เพิ่มขึ้น

--------

การจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ไม่ได้ทำให้รายได้รัฐงอกเงยขึ้น เพราะนี่ไม่ใช่เงินเพื่อการลงทุนเพื่อก่อให้ให้เกิดรายได้

แต่นี่คือรายจ่ายที่รัฐต้องจ่ายเพิ่มขึ้น แถมต้องจ่ายไปยันข้าราชการคน ๆ นั้นตายไปเลย เพราะมันมีผลพวงไปถึงเงินบำเหน็จบำนาญของข้าราชการอีกด้วย

ถามว่า ตอนนี้เศรษฐกิจประเทศไทยดีมากเหรอ ?

ก็เปล่าเลย

แถมยังมีเงินที่ไปจมกับความเสียหายจากโครงการจำนำข้าวอีกกว่า 6 แสนล้านบาท

ผลจากนโยบายห่วย ๆ ของรัฐบาลที่แล้ว ได้ทำให้คนไทยที่เคยซื้อข้าวสวยเปล่าจากถุงละ 5 บาทกลายเป็น 10 บาทไปแล้ว และราคาไม่เคยลดลงมาอีก หรือที่เคยซื้อไข่ดาวฟองละ 5-7 บาท กลายเป็นฟองละ 10-12 บาท และยังไม่เคยราคาลดลงมาอีก

ตอนนี้รายได้เข้าประเทศ รวมทั้งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศมีแนวโน้มเติบโตขึ้นแค่เพียงไม่กี่เปอร์เซนต์ แต่เงินเดือนข้าราชการจะปาขึ้นไปอีกตั้ง 8 % (ปกติขึ้นอยู่แล้วปีละ 2-3%) โดยเปอร์เซนต์การขึ้น จะขึ้นที่ข้าราชการชั้นผู้น้อยมากที่สุด

ผมว่า พลเอกประยุทธ์กำลังเดินตามรอยรัฐบาลประชาธิปไตยห่วย ๆ อีกแล้ว

นั่นคือ คิดซื้อใจข้าราชการด้วยการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ซึ่งเงินเดือนข้าราชการก็มาจากภาษีของประชาชน

นั่นเท่ากับ ท่านประยุทธ์กำลังเอาความสบายขึ้นของข้าราชการโยนไปให้ประชาชนทั้งประเทศแบกรับแทนอีกแล้ว

เซ็งจริง ๆ ประชาชนนอกระบบราชการเตรียมตัวชักหน้าไม่ถึงหลังเพิ่มขึ้นได้เลยครับ ของแพงอีกแน่นอน และสินค้าบางรายการก็แอบ ๆ ขึ้นแล้วด้วยหลังมีข่าวการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ

หัดคิดหารายได้เข้าประเทศให้เพิ่มขึ้นให้ได้ก่อนดีกว่าไหมครับ ไม่ใช่ยังไม่ทันหารายได้ให้เพิ่มขึ้น แต่ก็หาเรื่องเสวยสุขบนหลังประชาชนกันอีกแล้ว

หัดคำนวณเงินเดือนข้าราชการตามสภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจและรายได้ของภาครัฐด้วยครับ ไม่ใช่นึกอยากขึ้น กูก็จะขึ้น

เช่น ถ้า GDP โตขึ้น 2 % ข้าราชการก็ควรได้เงินเดือนขึ้นไม่เกิน 2 %

แต่ความจริง ควรดูที่รายได้ที่เข้ารัฐมากกว่า ว่า มีรายได้เข้ารัฐเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากรายได้เข้ารัฐเพิ่มขึ้น ก็ค่อยมาคิดเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ

ไม่ใช่เอะอะก็ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ทั้ง ๆ ที่เศรษฐกิจกำลังแย่ คนไทยกำลังแย่ แต่รัฐบาลดันคิดเสวยสุขบนภาษีของประชาชนกันก่อนแล้ว


ล่าสุด กระทรวงการคลังแถลงว่า คงขึ้นเงินเดือนข้าราชการไม่ทันในเดือนตุลาคม 2557 แน่นอน คงจะมีผลได้ในเดือนเมษายน 2558

แต่ข่าวขึ้นเงินเดือนข้าราชการมันดังมาก จนสินค้าคงขึ้นล่วงหน้าไปก่อนแล้วครับ พวกพ่อค้าเขาไม่สนแล้วว่า ขึ้นจริงรึยัง หรือขึ้นเมื่อไหร่ แต่ขอขึ้นราคาสินค้าดักรอก่อนแล้วกัน

เขาถึงบอกว่า ถ้ารัฐบาลคิดจะขึ้นเงินเดือนข้าราชการ หัดขึ้นไปเงียบ ๆ ได้ไหม เพราะคนอื่นเขาเดือดร้อน !!

ทีข้าราชการขึ้นได้ขึ้นดี ขึ้นได้ทุกปี เศรษฐกิจจะแย่จะห่วยยังไงก็ขึ้นได้ตลอด

แต่ผู้ใช้แรงงานค่าแรงขั้นต่ำ นั่งฟังข่าวตาปริบ ๆ บางคนน้ำตาซึมเลยครับ


-----------------

ส่วนถ้าใครได้เงินเดือนขึ้นก็ขอแสดงความยินดีด้วย แต่อย่าลืมไปขึ้นเงินเดือนให้บุพการีของคุณด้วยแล้วกัน

คลิกอ่าน หลักการให้เงินเดือนพ่อแม่ของลูกที่ดี ควรทำอย่างไร


วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ความหมายของ ประชาธิปไตย ที่ถูกต้อง







ประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ได้แปลว่า เสียงข้างมากลากไป

แต่ประชาธิปไตย หมายถึง การปกครองที่เห็นแก่ผลประโยชน์ของส่วนรวมหรือผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก  โดยมีหลักธรรมภิบาลเป็นสิ่งค้ำจุนเพื่อใช้ประชาธิปไตยเพื่อความถูกต้อง ชอบธรรม 

ซึ่งประชาธิปไตยที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมนั้น จะก่อให้เกิดการทำหน้าที่ของพลเมืองที่ดี และก่อให้เกิดการเคารพสิทธิของผู้อื่นตามมา

ส่วนคนไทยส่วนใหญ่ที่ไปเลือกตั้ง ล้วนไปเลือกตั้งเพื่อหวังผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้งเป็นสำคัญเท่านั้น โดยไม่สนใจว่า นโยบายของพรรคการเมือง บางนโยบายมันจะเป็นผลเสียต่อส่วนรวมและประเทศชาติอย่างไร

เพราะพวกเสียงข้างมากชอบคิดแค่ว่า ชาติจะให้ประโยชน์อะไรกับกูได้บ้าง แต่กลับไม่คิดว่า กูจะทำประโยชน์อะไรเพื่อประเทศชาติได้บ้าง

ดังนั้น ประเทศไทยจึงได้ประชาธิปไตยปลอม ๆ ที่เห็นแก่ตัว แล้วก็ได้นักการเมืองที่เห็นแก่ตัว เหตุเพราะคนส่วนใหญ่ที่ไปเลือกตั้งเห็นแก่ตัว

สุดท้าย ประชาธิปไทยที่แท้จริงจึงล้มเหลว !!

-----------------------

อธิบาย

เนื่องจากพรรคการเมืองไทยชอบใช้นโยบายประชานิยม มาล่อหลอกให้คนไทยที่เห็นแก่ตัวเลือกพรรค เพียงเพราะอยากได้ของฟรี

แต่ความจริงไม่มีอะไรโลกที่ฟรีจริง ๆ เหตุเพราะนักการเมืองยุคนี้ใช้ภาษีชาติมาซื้อเสียง โดยที่ประชาชนจำนวนมากต่างไม่รู้เท่าทัน จึงไม่รู้หรอกว่า มันคือเงินของตัวเอง ที่เอามาล่อเพื่อให้นักการเมืองเห็นแก่ตัวได้อำนาจ

ตัวอย่าง ประชาธิปไตยที่เห็นแก่ตัว เช่น

ชาวนา อยากได้ค่าจำนำข้าวแพง ๆ แพงเกินความเป็นจริง โดยไม่สนว่า ประเทศจะพินาศขาดทุน เพราะข้าวแพงขายจนไม่ออก ก็เหลือข้าวค้างคาโกดัง

ซึ่งสุดท้ายความเสียหายก็ตกกับคนไทยทั้งประเทศ ที่ภาษีกว่า 5 แสนล้านต้องเสียไปกับจากการขาดทุนจำนำข้าว เกิดความไม่เท่าเทียมกันกับเกษตรกรด้านอื่น ๆ และไม่เป็นธรรมแก่คนไทยในอาชีพอื่น ๆ ที่ต้องสูญเสียงบประมาณของชาติไปกับเรื่องข้าวอย่างไม่น่าเสียมากขนาดนี้

ถามง่าย ๆ ว่า ซื้อข้าวแพงกว่าราคาตลาดโลก แล้วขายข้าวไม่ออก จนเหลือบาน ใครต้องรับผิดชอบ ?

เงินที่สูญเสียไปก็เงินของคนไทยทุกคนทั้งนั้น เพียงแต่ว่า คนไทยจำนวนมากชอบคิดสั้น เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเฉพาะหน้าเลยมองไม่เห็นความฉลาดแกมโกงฉ้อฉลของนักการเมือง

หรืออย่างเช่น นโยบายคืนภาษีรถรถคันแรก คนที่เร่งซื้อรถคันแรก ก็เพราะอยากได้คืนภาษีรถคันแรก รู้ทั้งรู้ว่า นโยบายนี้มีผลเสียต่อส่วนรวมมากกว่าเป็นผลดี แต่เพราะกิเลสและเห็นแก่ได้ของตน จึงพยายามหาเหตุผลแถ ๆ เพื่อสนับสนุนความอยากของตนเอง

แถมมีช่องให้โกงกันอีกด้วย คือ คนที่ไม่ได้ซื้อรถคันแรกจริงๆ แต่ซื้อรถคันที่ 2 ที่ 3 ก็ไปใช้สิทธิของคนไม่เคยซื้อรถมาซื้อก็มีมาก

ชาวสวนยางพารา ก็เป็นเกษตรกรอีกอาชีพ ที่มักมีปัญหามาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ คือ ตอนที่ยางพาราราคาดี ก็ร่ำรวยกันไป ส่วนภาษีเงินได้ก็ไม่ต้องจ่ายเพราะได้รับการยกเว้น

แต่พอราคายางพาราราคาตก ก็ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเอาภาษีชาติอกมาซื้อยางในราคาแพง

------------------------

จงอย่าเลือกพรรคการเมืองเพียงเพราะอยากได้ผลประโยชน์ของตัวเอง จนไม่สนใจผลกระทบต่อส่วนรวมและต่อชาติบ้านเมืองนะครับ

ขอให้คิดถึงผลประโยชน์ของชาติมาก่อน แล้วสิ่งดี ๆ จะคืนกลับมาเราทุกคนเอง

หลักคิดนี้ ก็เหมือนหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง คือ เมื่อก่อนเกษตรกรถูกหลอกให้ปลูกพืชเพื่อขาย สุดท้ายยากจนกันทั่วหน้า แต่นายทุนและพ่อค้าคนกลางรวยเอา ๆ

แต่พอคิดใหม่ด้วยหลักการพอเพียง คือ ปลูกเพื่อกินก่อน เหลือแล้วจึงค่อยขาย สุดท้ายเกษตรกรที่ยึดแนวคิดนี้ กลับพ้นความยากจน

เช่นเดียวกัน "จงทำเพื่อผลประโยชน์ของชาติก่อน แล้วความเจริญจะเกิดขึ้นแก่ประชาชนทุกคนเอง"

ขอฝากเพียงเท่านี้ครับ


คลิกอ่าน ปฏิรูปหลักประกันสุขภาพ คือต้องสอนให้คนไทยรู้ทันประชานิยมชั่ว ๆ






counter statistics