วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เมื่อจาพนม ไม่มาเผาศพพ่อบังเกิดเกล้า







เมื่อครั้งงานศพอาจารย์พันนา จาพนมก็ไม่ได้กลับมาร่วมงานศพเลยแม้แต่วันเดียว

ผ่านเรื่องงานศพของท่านพันนา มาไม่ทันไร พ่อบังเกิดเกล้าของจาพนม ก็ได้เสียชีวิตลงอีก ทำให้ผู้คนต่างเฝ้ารอดูว่า จาพนม จะกลับมาร่วมงานวันเกิดพ่อของเขาหรือไม่

ซึ่งพอดีว่า จาพนม กำลังถ่ายทำหนังในฮ่องกงกับดอนนี่ เยน





ซึ่งทีมงานหนังฮ่องกงก็คงเข้าใจวัฒนธรรมไทยดีพอควร เพราะเป็นชาวเอเซียเหมือนกัน

จาพนม จึงได้โอกาสลางานเพื่อกลับมางานศพพ่อที่ตั้งสวดพระอภิธรรมอยู่ที่บ้านได้ ตามที่เราคงได้เห็นกันในข่าวแล้วว่า จาพนม กลับมากราบศพพ่อ ได้มากราบแม่

ซึ่งจาได้อยู่ร่วมงานประมาณ 20 นาทีเท่านั้น จึงรีบกลับทันที

คลิป จาพนม มากราบศพพ่อ


โดยมีการอ้างจากสื่อบางสื่อว่า มีข่าวว่าญาติของจาพนม อาจจะล็อคประตูบ้านไม่ให้จา ได้กลับออกไปอีก ทำให้จา ต้องงรีบกลับทันทีเพราะกลัวโดนขัง

-----------

วันต่อมาคือวันที่ 25 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันฌาปนกิจพ่อบังเกิดเกล้าของจาพนม

แต่กลับไร้เงา จาพนมมาร่วมงานเผาศพพ่อ

คลิป วันเผาพ่อจาพนม ไร้เงาจาพนม



ผมได้ลองอ่านความเห็นของผู้คนในเว็บต่าง ๆ  ก็มีทั้งเห็นใจจา เพราะคิดว่า จา ต้องอยากมางานเผาศพพ่อแน่นอน แต่คงเบื้องลึกอะไรบางอย่างเกินกว่าที่คนภายนอกจะรับรู้และเข้าใจ จึงทำให้จาไม่สามารถกลับมาร่วมงานเผาศพพ่อได้

ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ต่างคิดว่า คงเพราะญาติพี่น้องของจา นั่นแหละ ที่ทำให้จา ต้องจำใจไม่มาร่วมงานเผาศพพ่อ คงต้องมีเรื่องบาดหมางที่ลึกซึ้งมากเกินกว่าที่คนภายนอกจะเข้าใจอย่างแน่นอน

----------------

แต่สำหรับความเห็นของผมนะ

ต่อให้ญาติพี่น้องมันจะเลวยังไง แต่พ่อตาย แม่ก็อยากให้มา ยังไงก็ต้องมาให้ได้ ถึงจะต้องบุกน้ำลุยไฟ ก็ต้องมาให้ได้

ถ้าลูกชายที่พ่อรักที่สุด ไม่มางานเผาศพพ่อ ถ้าวิญญาณพ่อรับรู้ พ่อจะเสียใจแค่ไหน

ทีในหนังแม่งกล้าไปเสี่ยงตายสู้กับโจรได้แบบวันแมนโชว์โคตรเก่ง

แต่พอเรื่องจริง ดันไม่กล้าเผชิญหน้าความจริง

ยังไง ๆ ก็ญาติพี่น้องกันทั้งนั้น ต่อให้เคยเจ็บแค้นเจ็บใจแค้นเคืองกันยังไง แต่การได้เผาศพพ่อย่อมสำคัญที่สุด

สำหรับผม ผมคิดแบบนี้นะ

ขอจบบทความนี้ด้วยคำพูดของจาที่ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว เมื่อวันที่เขามากราบศพพ่อ ว่า

"ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน"


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น




counter statistics