วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557
การเตรียมตัวก่อนตรวจน้ำตาลในเลือดแบบทฤษฎีใหม่
การตรวจน้ำตาลในเลือดว่า เป็นเบาหวานหรือไม่ หมอหรือพยาบาลมักแนะนำว่า กรุณางดอาหารหลังเที่ยงคืนใช่มะ ?
แต่ผมไม่เคยเชื่อหมอและพยาบาลพวกนั้น เพราะผมเชื่อหมออีกคน คือ ศ.นพ.เทพ หิมะทองคำ
คุณหมอเทพ เคยแนะนำว่า ไม่ต้องไปงดอาหารและน้ำ ไปตรวจเลยทั้ง ๆ ที่กินอาหารตามปกตินั่นแหละ
เพราะคนที่ไม่เป็นเบาหวาน ต่อให้กินอาหารก่อนไปตรวจ ยังไง ๆ น้ำตาลมันก็ไม่เกินค่าปกติ
ซึ่งผมก็ทำตามที่หมอท่านนี้แนะนำมาตลอดต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 10 ปีจนถึงปัจจุบัน เวลาไปตรวจเลือดซึ่งผมตรวจปีละ 2 - 3หน
ปรากฏว่า ผมกินกาแฟหวานมาก กินขนมปังตอนเช้า แล้วก็ไปตรวจเลือดหลังจากกินอาหารเช้าไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ น้ำตาลของผมก็ไม่เคยเกิน 100 หรือบางทีค่าก็อยู่แค่ 80 กว่า ๆ ด้วยซ้ำ
นี่แสดงว่า ผมไม่เป็นเบาหวานแบบ 100 % เพราะถึงกินอาหารไปก่อนตรวจน้ำตาลในเลือด ค่าน้ำตาลกลูโคสก็ไม่เคยเกินค่ามาตรฐานคือ 70-110 mg/dL
ที่จริงคุณหมอเทพ หิมะทองคำ เคยบอกว่า ถ้ากินอาหารก่อนเจาะเลือด ไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง แล้วค่าน้ำตาลไม่เกิน 120 ก็ถือว่า ไม่เป็นเบาหวานอยู่แล้ว
แต่ถ้าใครอดอาหารและน้ำ แล้วไปเจาะเลือด ถ้าค่าน้ำตาลไม่เกิน ก็ไม่ได้แปลว่า คุณไม่ได้เป็นเบาหวาน เพราะผลตรวจมันอาจหลอกคุณ ก็เพราะคุณดันไปอดอาหารก่อนเจาะเลือดน่ะสิ เลยได้ผลตรวจว่า ไม่เป็นเบาหวานแบบหลอก ๆ
ถ้าอยากรู้ว่า ตัวเองเป็นเบาหวานจริง ๆ หรือไม่
ก็แนะนำว่า ให้กินอาหารไปตามปกติแล้วไปตรวจเลือดเลย ถ้าผลตรวจมีค่ากลูโคสไม่เกิน 110-120 ก็แแปลว่า คุณไม่เป็นเบาหวานแน่นอน
แต่ถ้าผลน้ำตาลในเลือดเกิน 120 แต่ไม่เกิน 140 แสดงว่า คุณอาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานในอนาคต จะต้องรีบปรับปรุงพฤติกรรมตัวเองโดยด่วน !! แล้วควรตรวจเลือดซ้ำอีก เพื่อความเที่ยงตรงชัดเจน
แต่ถ้าคุณอดอาหารก่อนไปเจาะเลือดตั้งแต่หลังเที่ยงคืน คุณอาจได้ผลตรวจหลอก ๆ ว่า คุณยังไม่เป็นเบาหวาน ซึ่งกว่าคุณจะรู้ตัวว่าเป็นเบาหวานจริง ๆ ก็อาจสายไปเสียแล้ว
--------------
ความรู้ที่ผมได้จากเรื่องนี้ ผมได้รับรู้มานานกว่า 10 ปีจากคุณหมอเทพ ที่ได้พูดเรื่องนี้ในรายการทีวีรายการหนึ่ง
หลังเขียนบทความนี้จบ ผมเลยไปหาข้อมูลในเน็ต เพิ่มเติมตามนี้เลยครับ
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เทพ หิมะทองคำ ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลเทพธารินทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อมไร้ท่อ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคเบาหวาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทยเป็นโรคเบาหวานจำนวนมาก
มีผู้ป่วยด้วยโรคนี้ประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์ของประชากร โดยสถิติของประชากรอายุเกิน 35 ปีขึ้นไป ตกประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ อายุเกิน 45 ปีขึ้นไป ตกประมาณ 18 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในจำนวนนี้ ครึ่งหนึ่งไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคเบาหวาน
และเนื่องจากไม่รู้ ทำให้ไม่รู้จักดูแลตัวเอง จำเป็นต้องประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้นเพื่อที่จะได้นำมาซึ่งการวินิจฉัยและรีบรักษา ควบคุม
“จากสถิตินี้มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหตุผลคือ เพราะคนไทยขาดการออกกำลังกาย และกว่าจะรู้ตัวว่าเป็นเบาหวานก็เมื่ออ้วนไปแล้ว ซึ่งความอ้วนจะทำให้อาการต่างๆ ปรากฏขึ้น โดยอาการต่อมาคือปัญหาหลอดเลือดหัวใจ ปัญหาหลอดเลือดสมอง ทั้งนี้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจและปัญหาหลอดเลือดสมอง เป็นสาเหตุหลักในการเสียชีวิต” นายแพทย์เทพกล่าว
จะเห็นได้ชัดว่า วัยยิ่งสูงขึ้นผู้ป่วยก็ยิ่งมีมากขึ้น ทั้งนี้ เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ความดื้อของอินซูลินก็จะมากตามเป็นผลให้เกิดโรค ยิ่งหากมีบุคคลในครอบครัวเป็นเบาหวานแล้วด้วย ยิ่งต้องดูแลควบคุมตัวเองเป็นพิเศษ เพราะโรคเบาหวานนั้นเป็น “กรรมพันธุ์”
นอกจากนี้ ควรดูแลไม่ให้เด็กอ้วน เพราะว่าเด็กอ้วนเมื่อโตขึ้นก็จะเป็นผู้ใหญ่อ้วน ทำให้ความดื้อต่ออินซูลินในร่างกายปรากฏขึ้นมาชัดเจนขึ้น เพราะความอ้วนเป็นตัวเร่งหนึ่ง เช่นเดียวกับ ไขมันสูง น้ำตาลสูง ล้วนเป็นสิ่งที่เป็นพิษต่อร่างกาย
นพ.เทพยังได้แนะนำเรื่องการตรวจเลือดเพื่อวัดเบาหวานว่า "การตรวจเลือดเพื่อวัดเบาหวานในเส้นเลือดหลังรับประทานอาหารไม่เกิน 2 ชั่วโมง ค่อนข้างได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะทำได้ง่าย และช่วยให้พบอาการของโรคเบาหวานได้ไวกว่าและดีกว่า ทั้งนี้เพื่อเป็นการจับสัญญาณเบาหวานก่อน แต่หากอยากให้มั่นใจมากขึ้น ก็ต้องตรวจความต้านทานของน้ำตาล ว่าร่างกายสามารถเอาชนะน้ำตาลได้ดีแค่ไหน"
“วิธีการคือ อาจดื่มน้ำหวานกลูโคสเข้าไป 75 กรัม แล้วดูว่าน้ำตาลสูงขึ้นเท่าไหร่ คนปกติไม่ว่าดื่มเข้าไปอย่างไรก็ไม่เกิน 120 ถ้าหากว่า 2 ชั่วโมงให้หลังขึ้นไปเกิน 200 ให้ถือว่าเป็นเบาหวานแล้ว ทั้งนี้ความถี่ในการตรวจเลือดต้องอยู่ที่ความเสี่ยงของเรา หากตรวจน้ำตาลแล้วต่ำกว่าเกณฑ์ คือ 140 มาก ก็อาจเป็นปีละครั้ง แต่ถ้าใกล้เคียงก็อาจตรวจให้ถี่ขึ้น”
ถามเรื่องการป้องกันโรคนี้ คุณหมอเทพ หิมะทองคำ ได้แนะนำว่าต้องหมั่นออกกำลังกาย และคิดให้มากขึ้นก่อนกินอะไร
“ต้องรู้จักกิน ใช้สมองในการรับประทานอาหารมากขึ้น ต้องพยายามหาสิ่งที่ทำให้สุขภาพเราดี ทั่วไปคนชอบกินอาหารเสริม พวกแอนติออกซิแดนท์ แต่ความจริงแล้วสารดังกล่าวสามารถหาได้ตามธรรมชาติ ทั้งผักผลไม้ทั่วไป เราจึงสามารถใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า ใช้เงินน้อยที่สุด แต่ได้รับคุณค่ามากที่สุด"
“นอกจากนี้ ยังควรลดอาหารที่เป็นอันตราย เช่นพวกไขมัน หวาน มัน เค็ม แป้ง และต้องดูปริมาณอาหาร การกินมากเกินไปจะทำให้อ้วนและเป็นโรคได้ แม้จะทานอย่างถูกต้องก็ตาม”
เบาหวานเป็นโรคที่ทุกคนมีความเสี่ยงจะเป็นได้ทั้งนั้น การป้องกันก่อนที่โรคนี้จะมาถามหาเป็นหนทางที่ดีที่สุด
ที่มา http://nstda.or.th/blog/?p=442
สุดท้ายนี้ ถ้าใครยังไม่เกท ในสิ่งที่ผมเขียนมาทั้งหมด แนะนำลองดูคลิปรายการชีวิตชีวา 13 มีนาคม 2559 ตอน ดูแลสุขภาพผู้เป็นเบาหวาน ตรวจน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง ที่ ศ.นพ.เทพ หิมะทองคำ ได้รับเชิญมาพูดในรายการครับ
โดยเฉพาะในนาทีที่ 8.45 เป็นต้นไป คุณหมอเทพ ได้พูดถึง การไม่ต้องอดอาหารก่อนตรวจน้ำตาลในเลือด ครับ
คลิปรายการ ชีวิตชีวา ตอน ศ.นพ.เทพ หิมะทองคำ พูดเรื่อง โรคเบาหวาน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น