วันพุธที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557

ข้าวค้างโกดังจำนำของรัฐบาลคืองูเห่าแว้งกัดชาวนา







ตอนนี้ชาวนาที่ไปขายข้าวนาปรัง ต้องขายในราคาตันละ 6 พันบาทเท่านั้น

สาเหตุก็เพราะโครงการจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์ที่ยังเหลือค้างหลายล้านตันในโกดัง ก็คือ สาเหตุหนึ่งที่ฉุดให้ราคาข้าวรุ่นใหม่ที่ชาวนานำไปขายต้องถูกกดราคาตามไปด้วย

เพราะผู้ค้าข้าวเขาถือว่า ประเทศไทยตอนนี้มีปริมาณข้าวล้นประเทศ ถ้าพ่อค้าข้าวหรือโรงสีรับซื้อข้าวจากชาวนาราคาดีเกินไป หากข้าวในโกดังรัฐถูกปล่อยขายออกมา ราคาข้าวในตลาดก็จะต้องตกอยู่ดี ตามหลักสินค้ามีมากเกินความต้องการ ราคาสินค้าย่อมตกลง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา

พูดง่าย ๆ ก็คือ ข้าวที่เหลือในโกดังรัฐ คือคู่แข่งที่ออกมาตัดราคาข้าวรุ่นใหม่ที่ชาวนาจะนำไปขายในปีนี้นั่นเอง

โครงการจำนำข้าวตันละหมื่นห้าของยิ่งลักษณ์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้ทำให้ต้นทุนทุกอย่างในการปลูกข้าวสูงขึ้นตามไปหมดทุกตัว ทั้งค่าแรงงาน ทั้งค่าเมล็ดพันธุ์ ทั้งค่ายา ทั้งค่าปุ๋ย ทั้งค่าเช่าที่ดิน รวมทั้งค่าเกี่ยวข้าว

ต้นทุนทุกอย่างแพงขึ้นหมด แต่ชาวนากลับขายข้าวได้แค่ตันละ 6 พันบาท นั่นก็เท่ากับว่า ทำไปก็เหมือนขาดทุนไม่คุ้มกับที่ลงทุน

แต่จะไปว่าผู้ค้าข้าวก็คงไม่ได้ เพราะราคาข้าวเขมรก็ราคาประมาณ 6 พันกว่าบาทเช่นกัน แต่ต้นทุนการปลูกข้าวของเขมรกลับต่ำกว่าต้นทุนของชาวนาไทยมาก

ถ้าชาวนาคิดจะปลูกข้าวเพื่อขาย ก็ต้องยอมรับกลไกตลาดด้วยว่า ถ้าข้าวไทยแพงกว่าข้าวจากชาติอื่น ๆ มาก ๆ ผู้ค้าข้าว ผู้ส่งออกข้าวของไทยเขาก็จะขายข้าวไม่ออก

ในเมื่อข้าวราคาตกแบบนี้ แล้วจะไปปลูกข้าวเชิงเดี่ยวอยู่ทำไม

ชาวนาไทยต้องกล้าที่จะลองสิ่งใหม่ ๆ ที่แตกต่างไปจากเดิม กล้าที่จะลองทำเกษตรวิถีธรรมชาติที่ลดการใช้ยาและปุ๋ยเคมีลง จนถึงขั้นเลิกใช้ไปเลย

ตอนนี้ข้าวหอมมะลิไทยกำลังหอมน้อยกว่าข้าวหอมจากต่างชาติ เพราะข้าวไทยใช้ยา และปุ๋ยเคมีมากเกินไป ยิ่งใช้เคมีในนามากเท่าไหร่ ค่าความหอมของข้าวหอมมะลิก็จะลดลง ไม่หอมมากเหมือนแต่ก่อน

รู้ไหม ตอนนี้ในสหรัฐอเมริกา ข้าวหอมเขมรกลายเป็นข้าวหอมที่เริ่มขายดีเป็นที่นิยมมากขึ้นแล้ว เพราะเขาว่าข้าวหอมเขมรตอนนี้อร่อยและหอมกว่าข้าวหอมของไทย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น




counter statistics