วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2557
ร้านผัดไทยทุกร้าน ระวังจะกลายเป็นร้านผัดไทยเฮงซวย
ผัดไทย ได้ถือกำเนิดในสมัยจอมพล ป. ที่สนับสนุนให้คนไทยกินก๋วยเตี๋ยวเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจประเทศหมุนเวียนในหลายอาชีพ และยังได้คุณค่าทางอาหารครบถ้วน
ตั้งแต่จำความได้ เวลามีใครถามผมว่า อาหารอะไรที่คุณชอบที่สุด ผมจะตอบเสมอว่า ผัดไทย
แต่มาช่วงสัก 10 ปีมานี้ ผมไม่ได้ให้ผัดไทยเป็นอาหารอันดับ 1 ในใจผมอีกแล้วล่ะ เพราะจากเหตุผลเรื่องผัดไทยยุคนี้มันไม่อร่อยเหมือนดั้งเดิม
คือผัดไทยดั้งเดิม จะต้องใส่พริกใส่ถั่วลิสงป่นใส่น้ำตาลลงไปผัดพร้อมกับเส้นเลย แต่ผัดไทยยุคนี้กลับไม่ทำอย่างนั้น คือมักจะนำพริก น้ำตาล และถั่วลิสงแยกไว้ต่างหาก
อีกทั้งถั่วงอกยุคนี้ก็ขาวจั๊วะเกินไป จนไม่อยากจะกินสด ๆ แกล้ม เพราะคงเสี่ยงได้รับสารเคมีไปเต็ม ๆ แถมยังจะมีเรื่องสารอัลฟาท๊อกซินในพริกป่นกับถั่วลิสงคั่วอีก นี่ก็เป็นเหตุผลที่ผมไม่ค่อยอยากจะเสี่ยงกินผัดไทยบ่อยนัก ถ้าไม่อยากจริง ๆ
ที่สำคัญที่สุด คนรุ่นเก่า ๆ ที่ผัดไทยได้อย่างดั้งเดิมหายากขึ้นทุกวัน
ทุกวันนี้ผมก็เลยกินผัดไทยในคราวที่นึกอยากจะกินเท่านั้น (แต่ผมก็ยังชอบกินผัดไทยอยู่นะ)
-------------------
ผัดไทยเฮงซวย ??
หัวใจของการเป็นผัดไทยแท้ ๆ อยู่ที่อะไร ?
คำตอบก็คือ ผักกุ้ยช่าย คือหัวใจหลักที่ทำให้ก๋วยเตี๋ยวผัดชนิดนี้ คือ ผัดไทย
เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ผมเคยอยู่ย่านดอนเมือง ถ้าวันไหนกลับบ้านดึก ผมมักจะแวะซื้อผัดไทยเจ้าเดียวที่มีอยู่หน้าปากซอยกินเป็นประจำ
ร้านนี้มันก็ไม่ได้อร่อยอะไรหรอก รสชาติก็ไม่เหมือนผัดไทยดั้งเดิมที่ผมชอบด้วย เพราะร้านนี้ใช้ซอสพริกมาผัดเส้นไว้ก่อน ซึ่งนี่ไม่ใช่วิธีการผัดของผัดไทยแท้
แต่เอาเถอะ ผมชอบกินผัดไทยและมันก็มีแค่เจ้าเดียว ผมก็จำใจต้องซื้อกิน
แต่แล้วมีอยู่วันหนึ่ง ผมก็สั่งผัดไทยเหมือนที่เคยสั่ง
แต่พอผัดไทยผัดเสร็จแล้วนำมาวางบนโต๊ะที่ผมนั่ง ปรากฏว่า ผัดไทยจานนี้มันไม่มีผักกุ้ยช่าย !!
เพราะตอนนั้นผมถือว่า ผัดไทยคืออาหารประจำชาติไทย และเป็นอาหารโปรดของผม แต่เมื่อผัดไทยไม่มีผักกุ้ยช่าย มันก็ต้องไม่ใช่ผัดไทย
เพราะรสชาติเอกลักษณ์ของผัดไทยมันอยู่ ใส่ผักกุ้ยช่ายเท่านั้น
ผมโมโหมาก ผมเดินไปจ่ายเงินให้เจ้าของร้านซึ่งก็คือคนผัดนั่นแหละ เพราะผมไม่ต้องการเบียดเบียนใคร
ผมจ่ายเงิน โดยที่ผมไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยวผัดจานนั้นเลยสักคำเดียว และเมื่อจ่ายเงินไปแล้ว ผมก็บอกเจ้าของร้านผัดไทยว่า
"ทีหลังถ้าผักกุ้ยช่ายหมดแล้ว ช่วยบอกด้วยผมจะได้ไม่กิน เพราะถ้าผัดไทยไม่มีผักกุ้ยช่าย มันไม่ใช่ผัดไทย"
ผมพูดจบ ผมก็เดินออกจากร้านไปทันทีด้วยความเสียอารมณ์อย่างยิ่ง และก็ไม่เคยซื้อผัดไทยเจ้านี้กินอีกเลย
เพราะหลังจากนั้นไม่ถึง 2 เดือน ร้านมันก็ย้ายไปขายที่ไหนแล้วก็ไม่รู้
------------------------
เจอผัดไทยเฮงซวยอีกครั้งในรอบ 10 ปี
เมื่อไม่นานมานี้ผมก็ไปซื้อผัดไทย ร้านที่เป็นเส้นทางผ่านบ้าน ย่านลาดปลาเค้า ก็ซื้อเป็นครั้งคราวเมื่อรู้สึกอยากกิน
ซึ่งร้านนี้ผัดไทยรสชาติใช้ได้ ผมก็สั่งซื้อผัดไทยกุ้งสดจะไปให้แม่ผมกิน 1 ห่อ เหมือนที่เคยสั่ง
พอคนขายนำผัดไทยมาส่งให้ผม ผมก็จ่ายเงินไป 50 บาท แต่คนขายบอกว่า 60 บาท ขึ้นราคาแล้ว
ก็ไม่เป็นไร ผมก็จ่ายเพิ่มไป แต่นึกในใจ..ขึ้นที 10 บาทเลยนะยุคอีปูเนี่ย
และพอแกะห่อผัดไทยเทใส่จานให้แม่ผม ผมก็ต้องเกิดโมโหทันที เพราะผัดไทยห่อนี้ไม่ใส่ผักกุ้ยช่าย !!
โอเค ซื้อมาแล้ว แกะใส่จานแล้ว ผมก็นำไปให้แม่กิน
วันต่อมามีโอกาสผ่านไปแถวนั้นอีก เลยแวะเข้าไปถามที่ร้านเพื่อจะต่อว่า
"วานนี้ผัดไทยไม่มีผักกุ้ยช่ายใส่เหรอ"
คนขายก็ตอบว่า "กุ้ยช่ายหมด"
"ทีหลังถ้ากุ้ยช่ายหมด ก็ช่วยบอกก่อนสิ ผมจะได้ไม่ซื้อ เพราะผมถือว่า ผัดไทยถ้าไม่ใส่ผักกุ้ยช่าย มันไม่ใช่ผัดไทย ผมถือว่าโกงลูกค้า ผมกลับไปถึงบ้าน ผมโมโหมาก"
คนขายมันก็เงียบ ไม่ตอบอะไร ไม่มีคำขอโทษสักคำ
ผมเดินออกจากร้าน พร้อมบ่นไปดัง ๆ ว่า "ห่วย" ให้คนขายมันได้ยินอีกที
ถ้ามันขอโทษผมสักคำ ผมคงไม่โมโหมากขึ้นแน่นอน แต่นี่มันเงียบ แบบนี้เลยต้องแสดงท่าทางโกรธให้มันเห็นสักหน่อย
-------------------
ผมอยากฝากเตือนผู้ขายผัดไทยทุกร้านว่า
หัวใจของผัดไทย คือ ผักกุ้ยช่าย
ถ้าที่ร้านผักกุ้ยช่ายหมดแล้ว ก็ช่วยบอกลูกค้าก่อนด้วยว่า เขายังจะพอใจซื้ออีกหรือไม่
อย่าเอาเปรียบลูกค้าคุณด้วยการไม่รักษาเอกลักษณ์ของผัดไทย
เพราะนั่นคือ การไม่ให้เกียรติลูกค้าของคุณ และไม่เคารพในอาชีพขายผัดไทยของคุณ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
โรคมักง่ายเห็นแก่ได้เท่าที่ผมสังเกตนะเป็นกันมากในช่วง10ปีที่พรรคไทยตอแหลไทยรุ่งเรือง บางคนที่ผมเจอซื้อกันบ่อยแทนที่จะบอกกันตรงๆกับทำเป็นเฉยจนมาจับไต๋ได้ว่า(ขนมปังสังขยา)ทำไมมันน้อยลงถึงได้อ้อมแอ้มสารภาพออกมา ประทานโทษสวยๆยังพออภัยนี่หน้าตาเป็นยายเพิ้งนิสัยแย่เสียอีกไม่รู้ตอนนี้หาผัวได้รึยัง เพราะหลังจากจับได้คราวนั้นเลยถือโอกาสประหยัดเงินเสียเลย ผ่านไปหลายปีเซ้งกิจการให้คนอื่นมารับแทน อ้ายทำกันแบบนี้กะผมถือว่าดูถูกกัน เออถ้านานๆมาซื้อก็ว่าไปอย่างและขอเตือนท่านที่นิยมกระเป๋ารองเท้ายี่ห้อแบรนด์ในช้อปหรูแล้วนำมาลดราคาเยอะๆ70-80%ประมาณเนี้ยพึงระวังให้มากได้ไม่คุ้มเงินที่เสียไป คือสินค้าหมดสภาพตามอายุแม้วางไว้เฉยๆ อยู่ในร้านนั้นแหละสู้อดใจไว้ได้สินค้าล๊อตใหม่แบบใหม่ๆดีกว่า จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจบ่น"กูไม่น่าเลย"อย่างห้างต่างๆก็ทำคล้ายๆกันสินค้าหลายชนิดผมว่าเอาไปแจกให้เป็นทานยังจะเข้าท่ามากกว่า
ตอบลบ