วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

โคมลอย สมัยก่อนเขาลอยไม่เหมือนปัจจุบันนี้







ปัจจุบันนี้ประเพณีการลอยโคม เริ่มเป็นปัญหาอย่างมาก เพราะผู้คนจำนวนมากก็อยากจะลอยโคมกันใหญ่ โดยลอยไปแล้วก็ไม่รู้จะไปตกที่ไหน หรืออาจไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครบ้าง เพราะมีข่าวทุกปีว่า โคมลอยทำให้เกิดไฟไหม้บ้านคนที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย

อย่างวันก่อนดูสกู๊ปข่าวแตกประเด็นของไก่ ภาษิต ก็พาไปพบเจ้าของโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ย่านนนทบุรี ที่เมื่อ 7 ปีก่อน เขาต้องสูญเสียโรงงานจากเพลิงไหม้อันมีสาเหตุมาจากโคมลอย นี่แหละครับ

นอกจากเขาต้องเสียโรงงานแล้ว เขายังสูญเสียพ่อในเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้นอีกด้วย


หรืออย่างปีนี้ 2557 ขณะที่ผมเขียนบทความก็มีข่าวเกิดเพลิงไหม้เพราะโคมลอยอีกเช่นกัน ที่อุบลราชธานี ในเทศกาลลอยกระทง คลิกดูข่าวที่นี่

ทั้งหลายทั้งปวง เหตุเพราะการเล่นโคมลอยผิดเพี้ยนไปจากในอดีต เนื่องจาก มอก.ได้กำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมในการผลิตโคมลอยไว้ว่า จะต้องลอยได้ไม่เกิน 8 นาที

แต่เดี๋ยวนี้ผู้ผลิตโคมลอย กลับผลิตให้โคมลอยลอยได้นานขึ้นเป็นชั่วโมงด้วยการใช้ไต้ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น

พอดีผมได้ดูไทยพีบีเอส มีผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ท่านหนึ่งได้เล่าว่า สมัยก่อนคนโบราณเขาเรียกโคมลอยว่า ว่าวไฟ

นั่นแสดงว่า ในสมัยโบราณ โคมลอยคงมีลักษณะบางอย่างเหมือนว่าว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ท่านนี้ก็ได้สันนิษฐานว่า อาจมีการผูกเชือกไว้ที่โคมลอย แล้วเมื่อโคมลอยขึ้นไปแล้วจนใกล้จะดับ ผู้ปล่อยโคมก็สามารถดึงหรือชักเอาโคมลอยกลับลงมา โดยไม่ได้ปล่อยให้ลอยแบบไร้จุดหมายปลายทางเหมือนในยุคปัจจุบันนี้

และในอดีต การลอยโคม ก็ไม่ได้จะได้ลอยกันทุกคน แต่จะมีตัวแทนหรือผู้นำชุมชนที่จะเป็นตัวแทนคนในชุมชนเพื่อลอยโคมแค่เพียงคนเดียว และจะลอยแค่ไม่กี่โคมเท่านั้น เช่นหมู่บ้านนึงอาจมีการลอยโคมแต่ 2-3 โคมเท่านั้น โดยโคมเหล่านี้ก็จะถือเป็นโคมตัวแทนของทั้งชุมชนนั้น ๆ จึงไม่จำเป็นต้องลอยโคมกันทุกคนเหมือนยุคนี้

ที่สำคัญในสมัยโบราณที่เกิน 100 ปีที่แล้วย้อนหลังไป บ้านเมืองไม่ได้มีตึกรามบ้านช่องมากมายแบบปัจจุบันนี้ เครื่องบินก็ยังไม่มี

แต่แล้วจู่ ๆ ยุคนี้เกิดกระแสลอยโคมกันยกใหญ่ เพราะราคาไม่แพง ราคาโคมลอยขนาดยอดนิยม ก็ตก 3 อัน 100 บาทเท่านั้น ทำให้เดี๋ยวนี้จึงมีคนเห่อลอยโคมยิ่งกว่าลอยกระทงเสียอีก เพราะมันสวยกว่า มันเพลินตากว่า

แล้วยังจะมีพวกไกด์ที่พานักท่องเที่ยวมาลอยโคมอีก พวกนักท่องเที่ยวเขาก็สนุกไปตามประสา เขาไม่ได้ต้องมาสนว่า จะมีปัญหาอะไรตามมา ก็ลอยกันใหญ่อย่างสนุกสนาน

แต่ที่น่าตำหนิที่สุด ก็คือ มีวัดดังวัดนึง วัดที่คุณก็รู้ว่าวัดอะไร ที่มีเจดีย์ทรงจานบินนั่นแหละ เขาก็อ้างว่า การลอยโคมเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เฮ่อ....

แต่วัดเขาก็ฉลาดที่ไม่จัดลอยโคมใกล้กรุงเทพ เขาจะจัดที่เชียงใหม่ หรือไม่ก็ริมฝั่งโขงโน่น ถ่ายภาพออกมาดูสวยงามละลานตา แต่จะลอยไปตกที่ไหนก็ชั่ง..

แต่มันก็เท่ากับเป็นการส่งเสริมให้คนไทยเห่อกระแสลอยโคมกันมากขึ้นจนระบาดไปทั่วประเทศในตอนนี้ ซึ่งถ้าย้อนไปสัก 10 ปีที่ผ่านมา ไม่มีกระแสเห่อลอยโคมลอยมากเท่านี้นะ เพิ่งจะมีกระแสเห่อลอยโคมในช่วง 4-5 ปีหลัง ๆ นี่แหละ

แต่ปีนี้ยังโชคดีอย่างนึงที่ ทางกรุงเทพมหานครมีคำสั่งห้ามลอยโคมในหลายเขตของกรุงเทพ ฯ เพราะเมื่อปี 2556 มีเหตุเพลิงไหม้ไป 1 แห่ง มีเหตุเกือบไหม้ถึงบ้านคนอีกหลายแห่ง เพราะไปติดตามต้นไม้ หรือเสาไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งอันตรายมาก ๆ

สำหรับประเพณีลอยกระทง (ที่ซึ่งการลอยโคมลอยก็ได้อาศัยเกาะประเพณีลอยกระทงหากิน) ผมเองไม่ค่อยสนับสนุนเท่าไหร่

แต่ก็เถอะนะ ถ้านี่คือประเพณีไทยที่เราก็ต้องอนุรักษ์ ส่วยผมก็ขอเสียสละไม่ลอยคนนึงมาร่วม 20 กว่าปีแล้วล่ะ เพราะไม่นิยม

เพราะผมถือว่า กระทงมันจะกลายเป็นขยะ ผมเลยขอไม่มีส่วนร่วมสักคนน่าจะดีกว่า อย่างน้อยก็ช่วยลดขยะในแหล่งน้ำไป 1 ชิ้นก็ยังดี ส่วนในทางเศรษฐกิจเขาก็มองว่า ประเพณีลอยกระทงเป็นเทศกาลกระตุ้นการท่องเที่ยวและการค้าอย่างหนึ่ง ซึ่งก็จริง อันนี้ผมก็ไม่ว่าอะไร

นานาจิตตัง แม้ผมไม่ลอยกระทง แต่ผมก็ไม่ห้ามถ้าคนอื่นจะลอย

แต่สำหรับการลอยโคมลอยนี่ ผมว่า ไม่ควรให้มีการลอยอย่างยิ่ง เพราะมันอันตรายมาก ๆ แค่มีไฟไหม้บ้านใครก็ตามแค่รายเดียวจากสาเหตุโคมลอยก็ถือว่า ไม่คุ้มแล้วกับการปล่อยให้มีการลอยโคมในช่วงเทศกาลใด ๆ

สถานที่ใดที่จัดงานจะลอยโคมเพื่อการใด ควรต้องมีการขออนุญาตเป็นกิจลักษณะ ไม่ควรปล่อยให้มีการลอยโคมกันเอิกเกริกกันได้ทุกเพศทุกวัย ไม่จำกัดจำนวนเหมือนอย่างตอนนี้

--------------------

การลอยกระทง เป็นการสอนให้คนไทยสนแต่เปลือกอย่างหนึ่ง

เพราะการลอยกระทง ก่อนจะลอยก็ถือกระทงกันสวย ๆ งาม ๆ กันทั้งนั้น แต่พอลอยไปแล้ว ก็เก็บความรู้สึกสวยงามแต่เปลือกกลับกันไป

ซึ่งในโลกแห่งความจริง กระทงทุกใบที่อยู่ในแม่น้ำลำคลอง พอถึงตอนเช้ามันก็คือขยะทั้งนั้น ไม่ได้สวยงามเหมือนเมื่อคืนตอนก่อนจะลอยเลย

แล้วก็มีตรรกะหลอกกันเองเช่น

บอกว่า การลอยกระทงคือการขอขมาแม่น้ำลำคลอง บ้างก็ว่า ลอยกระทงเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

แต่ในอีกแง่ก็บอกว่า ลอยเอาทุกข์เอาโศกลอยทิ้งไปกับกระทง แล้วตกลงว่า เราขอขมาแม่น้้ำ ด้วยทุกข์ของเราโยนเป็นภาระให้แม่น้ำรับไปแทนเรางั้นรึ ??

ตกลงเรากำลังขอขมาแม่น้ำ หรือเรากำลังแช่งแม่น้ำกันแน่ ?? แค่คิดเล่น ๆ ขำ 

จริง ๆ แล้ว ผมอยากให้ประเพณีไทยบางอย่างให้เฉพาะเด็ก ๆ และวัยรุ่นอายุไม่เกิน 25 ปีเท่านั้นที่เล่นได้ เช่น ประเพณีลอยกระทงหรือประเพณีสงกรานต์

ส่วนผู้ใหญ่ก็ควรมีหน้าที่แค่ช่วยดูแลความปลอดภัยให้เด็ก ๆ   เหมือนที่ญี่ปุ่น หลาย ๆ ประเพณีของเขาจะให้เฉพาะเด็กเล่นเท่านั้น ส่วนผู้ใหญ่แค่มีส่วนร่วมในการดูแลเด็ก ๆ ให้ปลอดภัย

ถ้าเป็นแบบนี้ก็น่าจะดีนะ

----------------------

โคมลอย ที่มาของคำว่า ข่าวโคมลอย

เพราะการลอยโคม ลอยไปแล้ว ก็ไม่รู้จะไปตกที่ไหน ตกใส่บ้านใคร หรือเกิดไฟไหม้บ้านใคร คนลอยโคมก็ไม่รู้

ข่าวโคมลอย ก็เช่นกัน หมายถึง มีใครปล่อยข่าวออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ข่าวจะไปกระทบกระเทือนถึงใครบ้าง ก็ไม่รู้ ไม่สนใจ เพราะหาแหล่งที่มาของคนปล่อยข่าวไม่ได้  ก็เลยเรียกว่า ข่าวโคมลอย !!

รูป อ้าว !สันดานพี่ไทย



1 ความคิดเห็น:

  1. เห็นด้วยอย่างยิ่งเลย ขอแชร์เลยนะครับ

    ตอบลบ




counter statistics