วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2558

ข้อคิดเรื่องเครื่องผลิตไฟฟ้าจากหนุ่มจบ ม.6







จากกรณีดราม่า กล่าวหาว่า หนุ่น จบ ม.6 ที่อ้างว่าผลิตเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าได้จำนวนมากถึง 20 กิโลวัตต์ แต่เห็นว่าไทยรัฐลงผิดหรือเปล่าไม่แน่ใจว่าจะเป็น 20 กิโลวัตต์ หรือ 2 พันวัตต์กันแน่



ก็เกิดมีนักวิทยาศาสตร์โคตรเก่งในเน็ตมากมาย ออกมาแสดงความเห็นกันยกใหญ่ว่า เป็นไม่ได้ ที่จะสูบน้ำด้วยไฟฟ้าขึ้นไปแล้วปล่อยให้น้ำไหลลงมาเพื่อผลิตไฟฟ้าได้มากขนาดนั้น

น่าจะเสียค่าไฟจากปั๊มน้ำมากกว่าไฟฟ้าที่ผลิตได้ อะไรทำนองนี้

โอเคครับ ผมไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ ผมไม่เถียง เพราะนักวิทยาศาสตร์ไทยแม่งเก่งเหมือนคนไทยส่วนใหญ่นั่นแหละ คือเก่งไปหมดทุกเรื่อง จนประเทศไทยย่ำอยู่กับที่ เพราะเก่งแต่ดราม่าไงครับ




ประเด็นที่น่าสงสัยของคลิปเครื่องผลิตไฟฟ้าของชายจบ ม. 6 มีอะไรบ้าง ?

1. การสูบน้ำด้วยพลังงานไฟฟ้า แล้วปล่อยน้ำไหลลงมาเพื่อผลิตไฟฟ้า อ้างว่าได้มากกว่าพลังไฟฟ้าที่เสียจากการสูบน้ำขึ้นไป มันเข้าข่ายพลังงานอนันต์ ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์ยังเป็นไปไม่ได้

2. ที่ว่า ผลิตไฟฟ้าให้คนทั้งหมู่บ้านใช้ ก็ยังไม่เคลียร์ ถ้าเครื่องนี้สามารถผลิตให้คนใช้ได้ทั้งหมู่บ้านจริง ๆ มันต้องถือเป็นเรื่องใหญ่ ปล่อยผ่านไม่ได้ เพราะหากเป็นเรื่องจริงนี่ถือว่า มีประโยชน์มาก แต่ว่า มันจริงหรือมั่วนิ่มกันแน่ ?

3. ถามว่า หนุ่มใหญ่จบ ม. 6 คนนี้เขาจะประดิษฐ์เพื่อมาหลอกลวงเหรอ เขาทำไปเพื่ออะไร ? เขาเก่งขนาดผลิตพลังงานอนันต์ ตามที่เขาอ้างว่า เป็นเครื่องแรกในโลกจริงเหรอ ?

หรือเขาจะโง่ขนาดลงทุนสร้างเครื่องประดิษฐ์กำมะลอ ให้คนด่าไปวัน ๆ แค่นั้นเหรอ ?

---------------

คนยิวคิดผลิตไฟฟ้าจากถนน

วิทยาศาสตร์เรื่องนวัตกรรมใหม่คือ ทำในสิ่งที่คิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ให้เป็นไปได้ ด้วยวิทยาศาสตร์ 

อย่างเช่น ข่าวโลกยามเช้าเมื่อสัก 2 ปีก่อน มีข่าวชาวอิสราเอล สร้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้าไว้ใต้ถนน

เมื่อรถวิ่งผ่านก็จะเหยียบแผ่นผลิตไฟฟ้าที่วางบนถนน ก่อให้เกิดการผลิตไฟฟ้าได้

เขากำลังพัฒนาให้ได้ไฟมากขึ้น จากการแล่นผ่านของรถยนต์บนถนน แปลง่าย ๆ คือ ยิ่งมีรถวิ่งมาก ก็จะไปผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น เรียกว่า หาทางเอาพลังงานจากรถที่สูญเสียไปโดยไร้ประโยชน์กลับมาเป็นไฟฟ้า ซึ่งเขากะจะใช้ไฟฟ้านี่สำหรับไฟถนน

นี่คือ วิธีคิดแหวกแนวของชาวยิว

ส่วนคนไทย พอเห็นข่าวว่า หนุ่ม ม. 6 คิดผลิตเครื่องผลิตไฟฟ้าจำนวนมากจากการสูบน้ำขึ้นแล้วปล่อยน้ำให้ไหลลงมาผลิตไฟฟ้าได้

ก็มีคนออกมาเก่งในเน็ตทันทีว่า เป็นไปไม่ได้ แล้ววิพากษ์ทันทีในเน็ตมากมาย แทนที่จะเดินทางไปพิสูจน์ความจริงให้ถึงต้นตอให้กระจ่างเสียก่อน



------------------

คนญี่ปุ่นจบม.6 แต่เก่งเรื่องกังหันลมที่สุดในญี่ปุ่นหรือในโลก

เมื่อสัก 2 ปีก่อน ในรายการ ดูให้รู้

มีนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นคนนึงจบแค่ ม.6 ชื่อคุณซูซูกิ แต่เขาเก่งเรื่องใบพัดหรือกังหันที่สุดในญี่ปุ่น เขาสามารถใช้พลังงานจากพัดลมไฟฟ้าทั่วไป มาเป่ากังหันที่เขาคิดค้นให้หมุน

พัดลมตัวเล็ก ๆ กับแรงลมที่น้อยมาก ไม่น่าไปหมุนกังหันที่ใหญ่กว่าและหนักกว่าได้นาน แม้จะปิดพัดลมตัวเล็กไปแล้ว กังหันใหญ่และหนักก็ยังหมุนได้ต่อไปอย่างเหลือเชื่อ

นี่คือการพัฒนากังหันลมแบบแหวกทฤษฎีทั่วไป แต่กลับได้ประสิทธิภาพดีกว่าเดิมหลายเท่า 

นี่แหละที่เขาเรียกว่า นวัตรกรรมที่ญี่ปุ่นเขาคิดให้แตกต่าง ส่วนนักวิทยาศาสตร์ไทย เก่งแต่จับผิด จบ ดร. แต่ไม่สร้างนวัตกรรมห่าอะไร เช่น อาจารย์เจษฎา ไง 55555555

คุณซูซกิ จบแค่ ม.ปลาย แต่คิดทฤษฎีกังหันลมที่ดีที่สุดเก่งกว่าพวกจบด๊อกเตอร์เสียอีก

คุณซูซูกิ บอกว่า อาจเพราะเขาจบน้อยเลยไม่ยึดติดอยู่ในกรอบทฤษฎี เขาเลยคิดค้นนวัตกรรมได้เจ๋งขนาดนี้ และเพราะเขายากจน เขาก็เลยต้องดิ้นรนคิดค้นให้ประหยัดมากที่สุด แต่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด

แม้แต่เครื่องบินไร้ปีก  คุณซูซูกิ ก็คิดค้นได้แล้ว เชื่อไหม ?

แถมทดลองบินให้ดูด้วยในคลิปรายการด้วย แล้วคุณจะอึ้ง เครื่องบินไม่มีปีก แต่บินได้เร็วมาก ๆ

ถ้าไม่เชื่อไปดูให้หาย งง ครับ แล้วไปดูให้ละเอียดว่า ทำไมกังหันตัวใหญ่หนัก 70 กว่ากิโล แต่ใช้แค่พัดลมไฟฟ้าตัวเล็ก ๆ เป่าก็สามารถทำให้กังหันใหญ่หมุนได้ แถมพอปิดพัดลมตัวเล็กแล้ว กังหันตัวใหญ่ก็ยังไม่หยุดหมุนง่าย ๆ ด้วย

ไปดูให้รู้ว่า ใช้พลังงานลมเบา ๆ เพียงเล็กน้อย สามารถทำให้กังหันตัวใหญ่ยักษ์หมุนได้อย่างไร  




คลิปรายการดูให้รู้ ตอน พลังงานจากหัวใจ 


นี่แหละเขาคิดนอกกรอบ ไม่ยึดติดในทฤษฎี จึงเกิดนวัตกรรมใหม่ สร้างกังหันไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าที่ดีที่สุดในโลกได้ จากคนจบแค่ ม. 6 เท่านั้น

ผมอยากให้คนไทยเก่งแบบคุณซูซูกิพันคน ดีกว่ามีคนอย่างอาจารย์เจษฏาล้านคนเสียอีก 5555

ก่อนจบบทความ ผมขอบอกว่า ผมไม่ได้จะหมายความว่า หนุ่มไทยจบ ม. 6 จะคิดเครื่องผลิตไฟฟ้าได้จริงตามอ้างหรือไม่ เพราะผมไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ ผมจึงไม่รู้

แต่ผมอยากให้ข้อคิดว่า อย่ารีบดูถูกคนจบน้อยว่า จะคิดอะไรที่เหนือกว่าพวกจบดอกเตอร์ได้เหรอ อย่าเพิ่งด่วนสรุปก่อนจะไปทดลองพิสูจน์ตามหลักวิทยาศาสตร์เสียก่อน

แต่เห็นพวกนักวิทยาศาตร์คนดัง แม่งสรุปเสียก่อนไปทดลองพิสูจน์เสียแล้ว เซ็งจริง ๆ

ถ้าหนุ่มไทยคนนี้โกหกหรือมั่วนิ่ม นักวิทยาศาสตร์ไทยควรไปทำให้กระจ่างชัดเจนว่า เขามั่วนิ่มอย่างไร เพราะข่าวนี้มันออกสื่อใหญ่หลายสำนัก

เออ.. ว่าแต่ผมเพิ่งคิดได้ ถ้าเอากังหันของคุณซูซกิมาสูบน้ำให้เครื่องผลิตไฟฟ้าของหนุ่มไทยคนนี้ ก็คงจะดีไม่น้อยเลย จะได้ไม่มีใครมากล่าวหาว่า เปลืองไฟจากค่าปั๊มน้ำ จริงไหม 5555

==============

การเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ดีเป็นอย่างไร

ก็คือ การไปทดลองพิสูจน์ในสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ ไม่ใช่แค่คิดว่าตัวเองเก่ง เรียนสูงกว่า แล้วมโนในเน็ตไปเองว่า สิ่งประเดิษฐ์แบบนี้ไม่มีทางเป็นไปได้

แบบนี้เท่ากับดูถูก คนที่เขาอุตส่าห์สร้างสิ่งประดิษฐ์นั้น ๆ ขึ้นมา

ถ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ดี ก็ควรไปพิสูจน์ความจริง ถือเป็นการให้เกียรตินักประดิษฐ์ ให้คำแนะนำผู้อ่อนความรู้กว่าว่า เขาผิดพลาดอย่างไร และต้องแก้ไขอย่างไร

นักวิทยาศาสตร์ต้องทำความจริงให้กระจ่างที่สุด ไม่ใช่แค่มโนทฤษฎีเท่านั้น


คลิกอ่าน ควรจะเชื่ออาจารย์เจษฎา เพื่อสนับสนุนพืช GMOs ดีไหม


6 ความคิดเห็น:

  1. คุณลองทำดูเองสิครับ ไม่ต้องพิสูจน์ของคนอิ่นให้ดราม่า เอาแบบพลังงานที่เลี้ยงตัวเองได้ตลอดกาลนะครับ เอาง่าย ๆ รู้จัก stess และ strain มั้ย แล้ว damping คืออะไร แล้วคุณจะเข้าใจว่าผมยกตัวอย่างขึ้นมาทำไม

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. คนละประเด็นแล้ว เพราะผมไม่เคยพูดถึง พลังงานเลี้ยงตัวเองตลอดกาลอะไร

      เจตนาบทความคือ อยากให้นักวิทยาศาสตร์ทีคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ควรไปจับผิด พิสูจน์เครื่องนั้นให้ชัดเจน ด้วยข้อมูลที่ชัดเจนเท่านั้น

      ผมไม่อยากให้ เกิดการคาดว่าไม่น่าเป็นไปได้แต่ในเน็ต แต่ขาดการไปพิสูจน์ที่เครื่องจริง ๆ คือ ผมอยากให้มันกระจ่าง เพราะมันเป็นข่าวดัง

      หากหนุ่ม ม. 6 โกหกจริง ๆ คนไทยจะได้รู้ว่าเขาโกหก จะได้ให้เห็นเป็นอุทาหรณ์ว่า เครื่องนี้มันกำมะลอ จะได้ไม่มีใครกุข่าวแบบนี้ขึ้นมาอีก

      ลบ
    2. ไม่ต้องถึงระดับนักวิทยาศาสตร์หรอกครับ ทุกคนที่เรียนวิทยาศาสตร์มาในระดับใดก็ตาม ก็จะรู้เรื่องพลังงานในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ซึ่งกฏง่าย ๆ ไม่ว่าจะศึกษาอยู่ในระดับใด Input = Output+ Loss ไม่มีทางที่เราจะได้สิ่งใดมากกว่ากว่าสิ่งที่เราให้ ทำอะไรได้แบบนั้นครับ กฏธรรมชาติง่าย ๆ ที่ตรงกับศาสนาพุทธ

      ลบ
    3. ผิดแล้วครับ ถ้าคุณตอบแบบนี้
      เพราะการที่คิดในกรอบแคบ ๆ แบบนี้ จะไม่เกิดนวัตกรรม
      .
      ในอดีตเกือบ 100 ปีก่อน ก็ไม่มีใครเชื่อว่า อนุภาคเล็ก ๆ ที่ชนกันจะเกิดพลังงานมหาศาลได้ เช่น พลังงานนิวเคลียร์เป็นต้น
      .

      ลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ8 เมษายน 2558 เวลา 22:13

    จินตนาการสำคัญกว่าความรู้และงานสร้างสรรค์สำคัญๆของโลกมาจากจินตนาการผมว่ามันเป็นปัญหาในการศึกษาที่เราเน้นรู้ตามมากกว่าคิดค้นคว้าเอาเองที่มันซับซ้อนใช้ความอดทนและง่ายกว่านั้นคือ"การจับผิด"

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ9 พฤษภาคม 2558 เวลา 18:04

    เห็นด้วยครับ เราควรให้กำลังใจในเชิงสร้างสรรค์
    คนที่ทำ ผมคิดว่ามีความตั้งใจ และความมุ่งมั่นที่จะทำนะ
    ส่วนไอ้พวกหนอนหนังสือ ที่วิจารณ์โดยไม่ได้ไปทดสอบของเขาว่าได้ผลเป็นยังไง
    แล้วมาบอกว่าเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ สิ่งเหล่านี้มันพิสูจได้ครับ
    อย่าวิจารณ์เพียงเพื่อความดังและคิดว่าตัวเองเก่ง
    ถ้ามันไม่ถูกต้องก็ควรแนะนำกัน

    ตอบลบ




counter statistics