วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

กระแสเหนียวไก่น้องล่า กับความเห่ยของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่






คือกระแสน้องล่า ทำเหนียวไก่หาย พร้อมวลีเด็ด "เหย็ดแหม่" ที่ได้สร้างความฮือฮาในกระแสสังคมจนเป็นข่าวในทุกสื่อ ในทุกช่องทีวี แม้แต่พิธีกรเล่าข่าวอันดับ 1 ก็ยังติดตามข่าวเหนียวไก่น้องล่าติดต่อกันหลายวันนั้น

ผมไม่แปลกใจที่กระแสน้องล่าจะมาแรง และดังสุด ๆ ขนาดนี้ และขอยินดีกับน้องล่าด้วย ที่ได้รับสิ่งดี ๆ มากมายหลังจากได้เป็นข่าว

แต่ผมว่า มันเกิดความเห่ยของข้าราชการไทยระดับสูง 2 คน คนแรกคือ  ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดสตูล ที่ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ไปขอกล้องวงจรปิดจากร้านเซเว่นอีเลเว่น บริเวณสี่แยกเจ๊ะบิลัง

ลองดูเหตุผลของ ผู้บังคับการฯ สตูล ดูครับ

พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผบก.ภ.จว.สตูล กล่าวว่า กรณีขโมยข้าวเหนียวไก่ทอด สามารถดำเนินคดีได้ แต่เจ้าตัวยังไม่แจ้งความ แต่ตามที่โลกออนไลน์ส่งต่อข้อมูลกันไป ก็ถือว่าพบมีการกระทำผิดแล้วในเบื้องต้น แต่จะต้องให้ได้การยืนยันชัดเจน เกี่ยวกับทรัพย์สินที่หายไปหรือข้าวเหนียวไก่นั้น ที่อ้างว่าหายไปนั้นจริงหรือเท็จอย่างไร จะต้องมีเจ้าทุกข์ที่มาแจ้งความดำเนินการกับร้อยเวรสอบสวน และร้อยเวรสอบสวนได้สอบปากคำเป็นที่น่าเชื่อว่าผู้กล่าวหาหรือผู้เสียหายนั้นได้ยืนยันว่าของหายจริง ไก่ทอดใส่ตะกร้าหน้ารถที่จอดไว้หายไปจริง

แม้จะเป็นทรัพย์สินเพียงเล็กน้อยก็ตาม ก็ถือว่าเป็นความผิดในคดีอาญา ฐานข้อหาลักทรัพย์ ตอนนี้หลักๆ จากโลกโซเซียลได้ออกสื่อต่างๆ ไป ตนก็ได้แจ้งให้ทางผู้กำกับฯ ตำรวจภูธรเมืองสตูลกับร้อยเวรสอบสวนและชุดสืบสวนให้ไปดูกล้องซีซีทีวี ภาพวงจรปิดที่เซ่เว่นอีเลฟเว่น สี่แยกเจ๊ะบิลัง และจุดใกล้เคียงว่าพบเห็นอย่างไร ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการรายงานผลว่าเป็นคนขโมยจริงหรือไม่



เอาเถอะครับ ถ้าจะอ้างว่า เพื่อจะได้ปกป้องกันและปรามไม่ให้เกิดเหตุของหายจากหน้ารถมอไซค์อีก มันก็อ้างได้ครับ เพียงแต่ว่า เรื่องระดับนี้ต้องถึงขนาดผู้บังคับการตำรวจภูธรสตูลต้องลงมาเล่นเรื่องนี้เองเหรอครับ

หรือว่า แค่อยากเกาะกระสน้องล่า คือ อยากดังเท่านั้น

เพราะทีชาวบ้านรถมอไซค์หายแทบทุกวัน ไม่เคยเห็นแข็งขันลงมาสั่งการใส่ใจมากขนาดนี้เลย

ที่สำคัญน้องล่า ไม่ได้แจ้งความ เพียงแค่ไปลงบันทุกประจำวันที่สถานีตำรวจ ตามคำแนะนำจากตำรวจใหญ่นั่นแหละ เพื่อจะได้หาเหตุอ้างมาทำคดีมาเกาะกระแสน้องล่า ขอดังด้วยคน

ส่วนข้าราชการระดับสูงอีกคน ที่โหนกระแสเรื่องนี้กับเขาด้วย ก็คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ผู้ว่าสตูลถึงขนาดปั่นจักรยานอ้างออกกำลังกาบมาซื้อไก่ร้านที่น้องล่าซื้อประจำ แถมบอกว่า น้องล่าสร้างชื่อเสียงให้ไก่ยางสตูล และผู้ว่าจะช่วยหางานให้น้องล่าทำ เพื่อเสริมรายได้อีกด้วย

นี่ผมเห็นว่า กระแสโซเชียลส่วนใหญ่ก็ออกมาติติงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งสองคนแล้วว่า อยากดังเกินงาม เรื่องสำคัญ ๆ กว่านี้ที่ควรให้ความสำคัญเสือกไม่ไปทำ แต่ดันมาเกาะกระแสเหนียวไก่น้องล่าหายกันยกใหญ่

สมน้ำหน้า โดนด่าซะ หายหัวไปเลย

นี่ล่าสุด ตำรวจได้สรุปคดีเหนียวไก่น้องล่าหายแล้วว่า น่าจะเป็นหมาจรจัดแถวนั้นคาบเหนียวไก่น้องล่าไปกิน หรือที่เรียกในภาษาบ้าน ๆ ว่า หมาคาบไปแดก

ส่วนพฤติกรรมข้าราขการระดับสูงของสตูลทั้งสองคนที่โหนกระแสน้องล่า ก็คงต้องเรียกว่า งานนี้คงต้องอายหมา ล่ะมั้ง 5555555

----------------

แต่ถ้าเรามองโลกในแง่ดี จังหวัดสตูลถือเป็นจังหวัดที่สงบสุขมาก ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และไม่มีปัญหาความรุนแรงเหมือนใน 3 จังหวัดภาคใต้

แน่นอนน้องล่าก็เป็นมุสลิม

จริง ๆ มุสลิมจะไม่ชอบสุนัข แต่กลับเป็นว่า สุนัขจรจัดก็ยังอยู่ในจังหวัดสตูลได้อย่างสบาย แม้จะอดอยากไปหน่อย เพราะมุสลิมอาจไม่ค่อยให้อาหารสุนัขจรจัด

ทีนี้พอมีข่าวน้องล่าดังขึ้นมา ก็เป็นอะไรที่โด่งดังมาก ๆ กับเมืองที่เงียบสงบอย่างสตูล แน่นอนเมื่อดังมากก็ย่อมเป็นเรื่องใหญ่

ทั้งผู้ว่า และผู้การ ก็เลยพลอยคึกคักกับกระแสเหนียวไก่น้องล่าไปด้วย ซึ่งต่อไปจะทำให้เหนียวได่สตูลกลายเป็นสินค้าโอทอประดับประเทศไปเลยก็ได้ ว่าไปนั่น 55


ขอบคุณเจ้าของรูป ที่ไม่รู้ว่าใครทำไว้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น




counter statistics