ผงฟู หรือ baking powder เป็นสารที่ทำให้เกิดการขึ้นฟูมีส่วนผสมระหว่างเบกกิ้งโซดากับกรดและแป้ง (แป้งทำหน้าที่ดูดความชื้นไม่ทำให้ผงฟูจับกันเป็นก้อน)
ซึ่งระหว่างปฏิกิริยาจะทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งส่วนนี้จะทำให้ขนมฟู และเนื้อนุ่ม
ผงฟูแบ่งเป็น 2 แบบ คือ
1. ผงฟูที่ให้ปฏิกิริยารวดเร็ว หรือผงฟูกำลังหนึ่ง หรือ single acting ผงฟูชนิดนี้จะผลิตแก๊สอย่างรวดเร็วในระหว่างที่ผลิตภัณฑ์รอการเข้าอบ ดังนั้นการใช้ผงฟูประเภทนี้ต้องผสมส่วนผสมอย่างรวดเร็ว และนำเข้าอบทันทีที่ผสมเสร็จ ไม่เช่นนั้นจะเกิดการสูญเสียก๊าซที่จะเกิดขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาจะขึ้นฟูไม่ดี
2. ผงฟูที่ใช้ปฏิกิริยาช้า หรือผงฟูกำลังสอง หรือ double acting จะประกอบด้วยสองส่วนคือ ส่วนที่ให้ปฏิกิริยาช้า กับเร็ว (เกิดก๊าซทั้งตอนผสม และตอนเมื่อได้รับความร้อนจากตู้อบ) โดยส่วนมากผู้ประกอบการจะนิยมใช้ตัวนี้ เพราะไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเหมือนแบบผงฟูกำลังหนึ่ง
--------------
การใช้ผงฟูล้างผัก ผลไม้ คือวิธีที่ดีที่สุด
บ้านผมใช้ผงฟูล้างผักและผลไม้สัก 10 ปีมาแล้วเห็นจะได้ ซึ่งผมใช้ผงฟูของยี่ห้อเบสท์ฟู้ด แต่เป็นแบบดับเบิ้ลแอคติ้ง ซึ่งที่จริงจะใช้ผงฟูแบบไหนก็ได้ผลเช่นกัน
ซึ่งเคยมีรายการทีวีรายการหนึ่ง ผมจำไม่ได้ว่าเป็นรายการของ บ.ทีวีบูรพา หรือของ บ.พาโนรามา กันแน่ เมื่อสัก 5-6 ปีก่อน เขาได้เคยทดลองล้างผักที่ซื้อมาตลาดสดด้วยสารชนิดต่าง ๆ เช่นล้างด้วยเกลือ น้ำส้มสายชู ด่างทับทิม และก็ ผงฟู
ผลปรากฎว่า ผงฟู สามารถล้างสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงที่ปนเปื้อนในผัก และผลไม้ ออกไปได้มากกว่า 90 % เทียบกับผลตรวจวัดสารตกค้างของผักที่ซื้อมาจากตลาดก่อนจะล้าง เมื่อแช่ผักหรือผลไม้ทิ้งไว้ในน้ำผสมผงฟูนานประมาณ 15 นาที แล้วนำไปล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง
ในขณะที่การล้างผัก และผลไม้ด้วยสารอื่น ๆ เช่น เกลือ ด่างทับทิม หรือน้ำส้มสายชู กลับล้างสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงออกไปได้ไม่ถึง 50 %
อัตราการใช้ผงฟูในการล้างผักผลไม้ ที่ผมใช้คือ ถ้าใช้กะละมังเล็ก ๆ ใส่น้ำสัก 1-1.5 ลิตรก็จะใช้ผงฟูประมาณ 1 ช้อนชา
ขั้นตอนการล้างผักหรือผลไม้
1. ล้างผักหรือผลไม้ด้วยน้้ำสะอาดเพื่อให้ชะล้างดิน โคลน ฝุ่น ออกจากผักหรือผลไม้ออกให้หมดก่อน
2. แช่ผักและผลไม้ในน้ำสะอาด แล้วตักผงฟูลงไปให้ได้สัดส่วนเหมาะสมกับปริมาณน้ำ ใช้มือตีน้ำเพื่อให้ผงฟูกระจายตัว แล้วแช่ผักหรือผลไม้ทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที
3. นำผักหรือผลไม้มาล้างน้ำสะอาดอย่างน้อยอีก 1 ครั้ง เพื่อล้างผงฟูออก
เพียงแค่นี้คุณจะได้ผักที่เขียวสดชื่นขึ้นมาเหมือนผักที่เพิ่งเก็บมาจากสวนใหม่ ๆ เลยครับ
ผักที่อาจสลดลงเพราะความร้อนของอากาศ หรือเพราะเก็บมานานแล้ว เมื่อเจอน้ำผสมผงฟูเข้าไปเท่านั้น ผักจะกลับมาสดชื่นสดเขียวเหมือนผักใหม่ ๆ เลยครับ
แถมถ้าเก็บผักที่ผ่านการล้างด้วยผงฟู ก็จะเก็บในตู้เย็นได้นานขึัน ผักจะเน่าช้าลง
-------------------
ประสบการณ์ผัดคะน้าที่ผ่านการล้างด้วยผงฟู
ปกติเวลาผัดผักคะน้า ผักคะน้ามักจะสีคล้ำขึ้นหรือเขียวแบบคล้ำ ๆ แล้วเราก็จะเข้าใจว่า อ๋อ มันเป็นปกติของผักที่โดนความร้อนแล้วก็โดนเครื่องปรุงมั้ง
แต่เมื่อนำผักคะน้าที่ผ่านการล้างด้วยผงฟูมาผัด คุณจะพบถึงความแตกต่าง คือผักคะน้าจะยังสีเขียวสดใส ไม่คล้ำ และดูน่ากินขึ้นกว่าเดิม
ฉะนั้นใครที่นำผักคะน้าที่ผ่านการล้างด้วยผงฟูไปผัด ก็อย่าตกใจหากผักคะน้านั้นสีสวยสดน่ารับประทานมากกว่าเดิม
ถ้าไม่อยากได้สารพิษจากยาฆ่าแมลงตกค้างในผักผลไม้สะสมในร่างกายจนเป็นโรคมะเร็ง ก็อย่าลืมซื้อผงฟูมาใช้ล้างผักนะครับ
ใช้ผงฟูล้างส้มเขียวหวาน เปลือกส้มก็จะสะอาด
ใช้ผงฟูล้างองุ่น ก็จะได้ทานองุ่นได้อย่างสบายใจ
--------------
ผงฟูช่วยซักผ้าได้ขาวสะอาดขึ้น
ผมจะใช้ผงฟูใส่ลงไปในที่ใส่ผงซักฟอกซักประมาณ 1 ช้อนโต๊ะในการซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าในระดับน้ำขนาดกลาง (m)
ไม่ต้องไปเอาโซดา หรือสไปร์ทมาเทลงเวลาแช่ผ้า เหมือนที่คุณกนกแนะนำหรอก มันเปลือง !!
ซึ่งยังมีหลายคนที่ใช้ผงฟูในการขัดผิวให้ขาวขึ้นด้วย เพราะผงฟูช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนผิวหนัง พวกคราบเหงื่อ คราบไคลได้ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น