วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

คำถามโง่ ๆ จะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ไปรบกับใคร (เรือดำน้ำ)






ไม่ว่ากองทัพไทยจะจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ทีไร มักจะมีคนใช้คำถามโง่ ๆ ออกมาถามประชดว่า "จะซื้อไปรบกับใคร ยุคนี้เขาไม่รบกันแล้ว ควรเอาเงินไปพัฒนาการศึกษาหรือพัฒนาการสาธารณสุขดีกว่า"

ถ้าฟังแบบเผิน ๆ ดูเหมือนจะดีนะคำถามแบบนี้ แต่ที่จริงแล้ว เป็นคำถามที่โง่มาก ที่ถามว่า จะซื้ออาวุธไปรบกับใคร แล้วทำเป็นยกเอาเรื่องดี ๆ มาตบท้ายประโยคว่า เอาไปช่วยการศึกษา เอาไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ดีกว่า อะไรทำนองนี้

ขอยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน เช่นกรณีล่าสุดคือเรื่องที่ กองทัพเรือจัดซื้อเรือดำน้ำ ก็จะมีพวกออกมาคัดค้านทำนองจะเอาไปรบกับใคร เศรษฐกิจแย่แบบนี้ควรเอาไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์มากกว่า

เฮ่อ.. คนที่ออกมาต่อต้านพวกนี้เป็นพวกที่คิดในมุมโลกแคบมาก ๆ

ก่อนอื่น ผมขอยกเรื่องราวในประวัติศาสตร์การรบทางทะเลของกองทัพเรือไทย ในสมรภูมิยุทธนาวีเกาะช้าง มาเป็นตัวอย่างก่อนแล้วกัน


เรือดำน้ำของไทยในอดีต

เหตุการณ์การรบของกองทัพเรือไทยกับเรือรบฝรั่งเศสเมื่อ พ.ศ. 2484 หรือเมื่อประมาณ 76 ปีที่ผ่านมา

หลายคนคงไม่รู้ว่า ที่เรือรบฝรั่งเศสต้องรีบถอนเรือรบกลับไปไซง่อนครั้งนั้น เพราะเรือรบฝรั่งเศสทราบข่าวว่า เรือดำน้ำของไทย 4 ลำ กำลังเดินทางกลับมาประจำการรบในสมรภูมิครั้งนี้ 

ใครไม่เคยรู้ประวัติศาสตร์เรื่องนี้ ก็ลองไปหาศึกษาดูครับ

ถามว่า ถ้าเมื่อร่วม ๆ 80 กว่าปีก่อน กองทัพเรือไทยไม่มีวิสัยทัศน์ซื้อเรือดำน้ำมาไว้ใช้การในตอนนั้น จะมีอะไรไปขู่ให้เรือรบฝรั่งเศสรีบล่าถอยกลับไป ?

คำถามโง่ ๆ เกี่ยวกับเรือดำน้ำที่กองทัพเรือกำลังจะซื้อ เช่น อ่าวไทยเป็นทะเลตื้น มีความลึกเฉลี่ยแค่ 50 เมตร จะซื้อเรือดำน้ำมาก็ไม่ค่อยมีประโยชน์ ไม่คุ้ม

ขอตอบว่า ยุทธวิธีของเรือดำน้ำเขาไม่ได้มีไว้ปฏิบัติการณ์ในอ่าวไทยเป็นหลักสักหน่อย เขามีเรือดำน้ำไว้ออกไปสกัดข้าศึกศัตรูนอกอ่าวไทยในเขตน้ำลึกเพื่อไม่ให้ข้าศึกเข้ามาในอ่าวไทยง่าย ๆ โว้ย

แล้วเรือดำน้ำที่สั่งซื้อจากจีนนี่กินน้ำลึกแค่ 6.7 เมตรเท่านั้น จึงสามารถเข้าออกอ่าวไทยได้อย่างสบาย ๆ

ที่สำคัญ ประเทศไทยไม่ได้มีแค่ฝั่งอ่าวไทยเท่านั้น ไทยยังมีฝั่งอันดามันที่กว้างใหญ่ไพศาลด้านมหาสมุทรอินเดียอีกที่ต้องปกป้องดูแล

ไทยเรามีแผนว่าจะมีเรือดำน้ำจำนวน 3 ลำ ในขณะที่สิงคโปร์มีอยู่แล้ว 2 ลำและกำลังจะมีอีก 4 ลำในอนาคต ซึ่งทุกประเทศในอาเซียนก็มีแผนจะมีเรือดำนำกันทั้งนั้น จะมีแค่กัมพูชา บรูไน ติมอร์ และลาว เท่านั้นที่ยังไม่มีแผนจะมีเรือดำน้ำ

ส่วนไทยเราในอดีตคึอชาติที่ 2 ในเอเซีย และเป็นชาติแรกในอาเซียนที่มีเรือดำน้ำ

ที่จริงผมเห็นด้วยกับการที่มีคนออกมาตรวจสอบความคุ้มค่าหรือไม่ในการซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือไทย

แต่ผมรำคาญไอ้พวกชอบใช้ตรรกะและคำถามโง่ ๆ ที่ว่า จะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ไปรบกับใครนี่แหละ ไอ้พวกนี้มันคงเป็นประเภทต้องรอให้โจรมาเหยียบถึงหัวนอนก่อน แล้วค่อยคิดล้อมรั้วบ้านมั้ง

แล้วถ้ากองทัพเรือเปิดเผยข้อมูลของเรือดำน้ำจนหมด ก็เท่ากับเปิดเผยยุทธศาสตร์ความลับทางการทหารให้ชาติอื่นได้รับรู้จนหมด ซึ่งไม่มีชาติไหนเขาเปิดเผยความลับทางการทหารกันจนหมดหรอก

--------------

ทุกวันนี้กองทัพไทยพยายามลดขนาดกองทัพและกำลังพลลงมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่เมื่อลดขนาดกองทัพลง ก็ต้องเสริมด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยมากขึ้นมาทดแทน

ไอ้พวกที่ต่อต้านทั้งการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ แถมยังต่อต้านการเกณฑ์ทหารอีก บอกตรง คนพวกนี้เกิดมาเพื่อบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศชาติโดยแท้ คือเป็นประเภทมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ

หากบ้านเมืองเกิดปัญหาสงคราม เชื่อผมได้เลย ไอ้พวกที่ต่อต้านกองทัพและเกลียดทหาร น่ะ ไอ้พวกนี้จะเป็นพวกแรกที่หนีไปต่างประเทศ หรือไม่ก็ไปสวามิภักดิ์ข้าศึกศัตรูแน่นอน

ประเทศไทยของเราใช้งบประมาณเพื่อการศึกษาต่อจีดีพีสูงอยู่ในระดับต้น ๆ ของโลก แต่คุณภาพการศึกษาของคนไทยกลับห่วยที่สุดในอาเซียน แพ้กระทั่งเขมร เพราะอะไรรู้ไหม ? 

ก็เพราะมีไอ้พวกชอบใช้ตรรกะโง่ ๆ ที่ชอบถามว่า จะซื้ออาวุธไปรบกับใคร  มันเพิ่มจำนวนมากขึ้นนี่แหละครับ 

-------------------

ส่วนคำถามที่ว่า จะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ไปรบกับใคร ผมไม่มีเวลาเขียนในบทความนี้มากนัก จึงขอตัดข้อความจากเพจของผมมาลงแทนแล้วกันครับ



--------------------------



"การมีกองทัพที่เข้มแข็ง ย่อมทำให้ยุทธวิธีทางการทูตง่ายมากขึ้น"


เกิดเป็นคนต้องรู้จักหัดแยกแยะ เฉกเช่นร่างกายของคนเรา ก็ต้องบำรุงให้ครบทุกด้าน ไม่ใช่เน้นแต่การศึกษา แต่ไม่ยอมออกกำลังกาย ไม่กินอาหารให้ครบหมู่ และไม่รู้จักพักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายก็ไปไม่รอด

ประเทศชาติก็เหมือนกัน จะเอาแต่ทุ่มงบประมาณเพื่อการศึกษาให้พวกไอคิวและอีคิวต่ำเรียนแบบฟรี ๆ อย่างเดียว แต่พวกแม่งกลับเรียนไม่เอาถ่าน จนประเทศชาติไม่ต้องมีงบประมาณมาปกป้องประเทศบ้างเลย ก็คงไม่ถูกต้องแล้วครับ จริงไหม

แม่ง เรียนก็ไม่เอาไหน แถมท้องก่อนวัยอันควรสูงสุดในเอเซีย ซ้ำยังชอบยกพวกตีกันเป็นประจำ ชอบซิ่งมอเตอร์ไซค์โดยไม่สวมหมวกกันน็อคจนตายห่าหรือบาดเจ็บสูงที่สุดในโลก จนประเทศต้องสิ้นเปลืองงบประมาณรักษาพยาบาลเกินควร ไอ้พวกนี้แหละตัวถ่วงประเทศชาติตัวจริง

ถ้าคนไทยไม่ตายเพราะอุบัติเหตุบนถนนสูงที่สุดในโลก ไทยเราจะมีโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพิ่มขึ้นอีกหลายแห่งแน่นอน หรืออาจมีกองทัพที่มียุทโธปกรณ์ทันสมัยกว่านี้อีกหลายเท่าก็ได้ ถ้าอยากเข้าใจมากกว่านี้ ไปอ่านบทความข้างล่างนี้ต่อเลยครับ

คลิกอ่าน จากสี่แยกวังหิน ไปจนถึงนั่งท้ายรถกระบะ คือดัชนีชี้วัดระเบียบวินัยคนไทย

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ5 พฤษภาคม 2560 เวลา 18:53

    ปวดหัวกับความคิดอย่างนี้ เอาที่สบายใจๆ

    ตอบลบ




counter statistics