วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559
ภัยแล้งหนัก 2559 คนกรุงเทพสมควรเล่นสงกรานต์ไหม ?
เกริ่น
ถ้าหากภัยแลังทวีความรุนแรงขึ้น จนถึงช่วงสงกรานต์
ถ้าน้ำกินน้ำใช้ยังแทบมีไม่พอจะใช้ แล้วคนไทยก็ยังสาดน้ำสงกรานต์กันเพื่อความสนุกสนานเช่นเดิม
ผมว่า นี่จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงไอคิวและอีคิวของคนไทยได้เลยว่า คิดเป็นหรือไม่
โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ถ้ายังเล่นน้ำสงกรานต์เมามันเช่นเดิม ก็สมควรโดนด่า
หัดคิดซะบ้างว่า ชาวนาต้องหยุดการทำนาปรัง เพื่อให้น้ำดิบเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ให้คนกรุงมีน้ำกินน้ำใช้ กรุณาสำนึกไว้ให้มากนะครับ
ข้อเขียนเกริ่นข้างต้นนั้นผมโพสลงเฟสบุ๊คเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2559
จริง ๆ แล้ว เทศกาลสงกรานต์ไทย ถือเป็นเทศกาลน้ำที่โด่งดังที่สุดในโลก แม้ประเทศในย่านอาเซียนหลาย ๆ ประเทศจะมีประเพณีสาดน้ำ เล่นน้ำ คล้ายของไทยก็ตาม
แต่คนทั่วทั้งโลกต่างรู้จักเทศกาลน้ำ หรือ เทศกาลสงกรานต์ของคนไทยมากที่สุด ถือว่า เป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยวของไทยที่สำคัญอย่างหนึ่งทีเดียว
แต่ปี 2559 ปัญหาภัยแล้งที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และมีทีท่าว่า จะยาวนานต่อไปจนอาจถึงเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคมเลยก็ได้
ซึ่งถ้าหากภัยแล้งลากยาวไปถึงเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคมจริง ๆ อย่าว่าแต่น้ำใช้เลยครับ แม้แต่น้ำจะกินก็แทบจะไม่เหลือแล้วเช่นกัน
ในขณะที่หลายจังหวัดที่ทำการเกษตร ราษฎรในหลายจังหวัดจำต้องซื้อน้ำกินน้ำใช้ในราคาแพงกว่าคนกรุงเทพฯ มาก เช่น ตุ่มละ 15 บาทกับน้ำปริมาณไม่เกิน 300 ลิตร บางแห่งที่แล้งหนัก ค่าน้ำจะยิ่งแพงกว่านี้อีก
ในขณะที่คนกรุงเทพฯ จ่ายค่าน้ำประปาประเภทที่พักอาศัยในอัตรา 1,000 ลิตร เฉลี่ยราคาประมาณ 12 บาทเท่านั้น (รวมค่าน้ำดิบและภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)
แต่ความจริง อัตราค่าน้ำประปานครหลวง ก็คิดในอัตราก้าวหน้า เหมือนค่าไฟเช่นกัน คือ ยิ่งใช้น้ำมาก อัตราค่าน้ำประปาต่อลิตรก็จะยิ่งมากขึ้น ตามตารางราคาน้ำดังต่อไปนี้
คลิกที่รูปเพื่อขยาย
ในบทความนี้ ในบทสรุปเรื่อง คนกรุงเทพฯ ควรเล่นน้ำสงกรานต์หรือไม่ ?
ผมถามว่า ถ้าคนกรุงเทพฯ (แค่ส่วนน้อยของประชากรกรุงเทพฯทั้งหมด) จะงดเล่นน้ำสงกรานต์ 1 ปี ถามว่าจะตายไหม หรือ จะทำให้ชีวิตต้องล่มจมหรือยากจนลงไหม ?
คนกรุงเทพฯ ยังไม่ต้องตอบ
ผมขอยกตัวอย่างว่า รัฐบาลได้ขอร้องให้ชาวนางดทำนาปรัง เพราะน้ำจะไม่พอใช้ และจะกระทบถึงน้ำกินน้ำใช้ และน้ำที่ใช้รักษาสมดุลระบบนิเวศน์ในการผลักดันน้ำเค็ม
ถามว่า การทำนา คือ วิถีชีวิตของชาวนาใช่ไหม ?
แต่ชาวนาก็ต้องยอมเสียสละงดทำนาปรัง เพื่อช่วยให้เหลือน้ำดิบไหลมาถึงกรุงเทพฯ เพื่อผลิตน้ำประปา เพื่อผลักดันน้ำเค็ม และเพื่อไม่ให้ระบบน้ำดิบของการประปานครหลวงของคนกรุงเทพฯ ต้องเผชิญกับค่าความเค็มที่เกินค่ามาตรฐาน
ชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ เขายอมเสียสละอาชีพของเขา เสียสละวิถีชีวิตของเขา เพื่อรักษาน้ำไว้ให้พอเพียงเพื่อคนกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีน้ำกินน้ำใช้จนสามารถผ่านช่วงภัยแล้งไปให้ได้
แล้วคนกรุงเทพฯ ล่ะ จะยอมเสียสละอะไรบ้างไม่ได้เชียวหรือ ?
ค่าน้ำของคนกรุงก็จ่ายถูกกว่า เพราะคนในจังหวัดที่ประสบภัยแล้ง พวกเขาต้องซื้อน้ำกินน้ำใช้จากรถเร่ขายน้ำในราคาแพงกว่าคนกรุงเทพฯ หลายเท่า
พอมองออกแล้วใช่ไหมครับ
ที่จริงการรักษาประเพณีสงกรานต์นั้น จริง ๆ แล้วแค่รดน้ำดำหัวแก่ผู้หลักผู้ใหญ่ ใช้น้ำไม่มากหรอกครับ
แต่ไอ้ที่เล่นสาดน้ำ เอามันกันทั้งวัน แล้วมีการโชว์ความกักขฬะบนท้องถนน แบบที่มีให้เห็นกันอยู่ทุกปีนั้น มันไม่ใช่ประเพณีที่ต้องอนุรักษ์เลยครับ
ส่วนพวกเด็ก ๆ ถ้าอยากเล่นน้ำกันจริง ๆ ก็แค่ใส่น้ำในปืนฉีดน้ำขนาดเล็ก ๆ ฉีดใส่กันพอหอมปากหมอคอในหมู่เพื่อนฝูงก็พอ
ไอ้ประเภทแห่ออกมาตระเวนเล่นน้ำ บรรทุกน้ำบนรถกระบะ สาดกันอย่างเมามันน่ะ เว้นสักปีจะได้ไหม ถ้าปีนี้มันแล้งหนักจริง ๆ
ในยามที่ประเทศต้องเผชิญวิกฤติ ตัวอย่างเช่น ที่ประเทศญี่ปุ่นประสบสึนามิครั้งใหญ่ และเกิดปัญหาโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลีย์มีกัมมันตรังสีรั่วไหล คนญี่ปุ่นต่างช่วยกันเสียสละเพื่อชาติของเขา หลายคนกล้ายอมตาย ยอมเสียสละชีวิตเพื่อช่วยชาติให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งใหญ่
แล้วเราคนไทยที่กำลังประสบภัยแล้ง โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ แค่ไม่ได้เล่นน้ำสงกรานต์บ้างสักปีนึง จะเสียสละกันไม่ได้เชียวเหรอ จริงไหม ?
"ถ้าคนกรุงยังสาดน้ำกันโครม ๆ อย่างสนุกสนานเมามัน ในขณะที่ชาวนาที่แม้แต่น้ำกินน้ำใช้ก็แทบจะไม่มี ต้องมาทนนั่งดูข่าวพวกคุณสนุกสนานกับการสาดน้ำน่ะ มันถูกต้องแล้วเหรอ"
----------------------
ข่าวสาร
กระประปานครหลวง จัดโปร ใครลดการใช้น้ำลง 10 % ได้ในเดือนเมษายน 59 เมื่อเทียบกับอัตราการใช้น้ำประปาในเดือนมีนาคม 59 ก็จะได้ส่วนลดค่าน้ำในเดือนมิถุนายน 2559
--------------------
แถมความเห็นนายกฯ ลุงตู่ (สงสัยแกแอบมาอ่านบทความผมก่อนแหงๆ)
นายกฯ ลุงตู่ พูดถึง การเล่นน้ำสงกรานต์ในรายการคืนความสุขฯ เมื่อคืนวันที่ 11 มีนาคม 2559 ดังนี้
"..เรื่องของการใช้น้ำเพื่ออุปโภค บริโภค อันนี้เป็นสิ่งจำเป็น มันเป็นสิ่งที่จะต้องเหลือไว้ มันขาดไม่ได้เพราะว่าทุกคนต้องกินต้องใช้อุปโภค บริโภค อันนี้สำคัญที่สุด จำไว้ อันดับหนึ่งเลยนะ ฉะนั้นการที่เราจะรื่นเริงในเทศกาลสงกรานต์ ผมไม่ขัดข้อง แต่ขอให้ทุกคนช่วยกัน ว่าเราจะร่วมกันรับผิดชอบได้อย่างไร เกษตรกรก็ได้แสดงน้ำใจไปแล้ว การปรับปรุงพฤติกรรมในการเพาะปลูก เขาก็ลำบาก ไม่มีรายได้ รายได้น้อยลง หรือมากขึ้นก็แล้ว ที่เขาจะเลือกทำ ทุกคนต้องช่วยประหยัด ไม่ว่าจะวาระใดก็ตาม สนุกสนานได้ รื่นเริงได้ แต่ต้องพอเพียง ใช้อย่างจำเป็นได้ไหม คุ้มค่าหรือเปล่า
ผมไม่ได้ห้ามเล่นน้ำสงกรานต์ หลายคนพูดว่ารัฐบาลนี้ ไปห้ามเล่นสงกรานต์ ผมห้ามได้ที่ไหน ประเพณีไทย ต่างชาติก็มาเที่ยว มารู้จักประเทศไทยเพราะสงกรานต์ แต่เราจะทำอย่างไร ปีนี้น้ำเราน้อย เราจะเล่นสงกรานต์กันยังไง ไม่ใช่เล่นแบบเติมน้ำเติมไม่รู้กี่ครั้ง หมดแล้วหมดอีก มันก็ต้องเติม ถ้าจะเล่นกันขนาดนั้นเหมือนเดิมทุกปี สนุกสนานรื่นเริงกัน
แต่หลังจากสนุกสนานแล้วเราก็ต้องเสียใจ ว่าไม่มีน้ำกินจะทำไง ไปคิดเอาเอง โบราณกาลมันก็ไม่ใช่แบบนี้ด้วยซ้ำไป ในเรื่องของการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ประพรมน้ำให้พรกัน แล้วก็ครึกครื้นพอสมควร จัดกิจกรรม จัดความรื่นเริงต่างๆได้ ไม่ใช่เอาน้ำสาดกันอย่างเดียว คงไม่ใช่นะ ก็ลองไปคิดดูแล้วกัน เพราะทำมาหลายปีแล้ว
ผมก็ไม่อยากจะมาขัดแย้ง ขอความร่วมมือกันใช้น้ำให้น้อย และสนุกสนานรื่นเริงได้ รักษาประเพณีวัฒนธรรมของไทยไว้ได้ด้วยเพื่อให้เป็นแบบอย่างให้ต่างชาติเขาชื่นชมในประเพณีไทย และสนุกสนานไปด้วย เวลาเขามาเที่ยวเรา จะทำไงเราจะประหยัดน้ำได้ ช่วยกันคิดหน่อย.."
คลิกอ่าน ทำไมปี 2559 คนกรุงเทพฯ ต้องช่วยกันประหยัดน้ำ พร้อมตัวเลขจะจะ
คลิกอ่าน ดราม่าควายแดง แถ กทม.ล้านถนนเปลืองน้ำดิบผลิตประปา
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
มึงแก้รัยปันหา มึงต้องแก้ก่อนมันเกิด ปีที่น้ำแม่งท่วม มึงไม่เก็บไว้ดีๆ อย่าวิชาเกิน
ตอบลบเริ่มต้นที่มึงเขียนภาษาไทยให้ถูกต้อง เขียนให้อ่านรู้เรื่องมากกว่านี้ก่อนดีไหม
ลบแค่นี้มึงยังแก้ปัญหาตัวมึงเองไม่ได้เลย
แล้วถ้าปัญหามันแก้ง่าย ๆ รัฐบาลหลาย ๆ รัฐบาลที่ผ่านมา เขาคงแก้ได้ไปนานแล้วว่ะ แต่มันแก้ยาก ปาไม้ต้นน้ำไม่เหลือหรอ
มัวแต่รอให้รัฐบาลแก้ แต่ไม่แก้ที่ตัวเองก่อน มันก็ไม่มีทางแก้ได้หรอกโว้ย
ที่กูเขียนเนี่ย ช่วยมึงฉลาดขึ้นบ้างไหมเนี่ย
20 เมษายน 2559 13:52