แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เกษม บัณเฑาะก์ ปาราชิก ตุ๋ย ลูกศิษย์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เกษม บัณเฑาะก์ ปาราชิก ตุ๋ย ลูกศิษย์ แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2558

สมีเกษมมันเป็นบัณเฑาะก์ ตุ๋ยตูดลูกศิษย์






เป็นข่าวดังไปเมื่อวันเสาร์ที่ 17 ม.ค. 58 ที่ผ่านมากรณีข่าว พระเกษมเสพเมถุนกับลูกศิษย์ผู้ชาย

หลายคนอาจช็อคจากข่าวนี้ โดยเฉพาะพวกสาวกที่หลงเชื่อไอ้เกษมมาตลอด

แต่สำหรับผมไม่แปลกใจเลยที่ไอ้เกษมมันปาราชิก เพราะผมเคยเขียนบทความไว้ตั้งแต่ปี 56 แล้วว่า ไอ้เกษมมันปาราชิกมานานแล้ว (จากกรณีอวดคุณวิเศษ)

เพียงแต่ที่ผมจะอึ้งก็คือ แทนที่ไอ้เกษมจะปาราชิกเพราะเสพสังวาสกับผู้หญิง กลับกลายเป็นไอ้เกษมมันเสพสังวาสทางทวารหนักกับผู้ชายนี่แหละ

แสดงว่า ไอ้เกษมนี่มันเป็นเกย์นี่หว่า ซึ่งเกย์ก็น่าจะจัดเข้าอยู่ในลักษณะบัณเฑาะก์ ลักษณะที่ 1 ที่ถูกห้ามไม่ให้มาบวชเป็นพระอยู่แล้ว


http://imgur.com/MYyzLEU

บัณเฑาะก์ คำนี้มาจากคำว่า "ปณฺฑก" หมายถึง ผู้ที่มีเครื่องหมายของบุรุษหรือสตรีเพศขาดตกบกพร่องไป จำแนกออกแบบชัดๆ ได้เป็นบุคคล 3 จำพวก คือ

1.ชายผู้ประพฤตินอกรีตในทางเสพกาม (ผู้มีราคะกล้า) คือเป็นผู้ชายมีอวัยวะเพศเป็นชายโดยสมบูรณ์ แต่เสพกามกับผู้ชายด้วยกัน ทางเวจมรรค และทางปาก บุคคลจำพวกนี้มีจิตใจและการแต่งตัวเป็นผู้ชาย  ที่เราๆ รู้จักและเรียกกันว่า "เกย์" นั่นเอง

2.ชายผู้ถูกตอน (ถ้าเคยดูหนังจีนโบราณ เราจะเรียกกันว่า ขันที) คือผู้ชายที่ถูกตัดอวัยวะเพศออกหมด ทั้งส่วนที่เป็นองคชาตและอัณฑะ บุคคลจำพวกนี้ขาดฮอร์โมนเพศชาย จึงไม่มีความรู้สึกทางเพศ แต่ความสำนึกและจิตใจรวมทั้งความแข็งแรงยังเหมือนผู้ชายโดยสมบูรณ์ อันนี้ก็น่าจะหมายถึงผู้ชายที่ได้รับการผ่าตัดแปลงเพศเป็นหญิงแล้วด้วยนั่นเอง

3.กะเทย คือ คนหรือสัตว์ที่ไม่ปรากฏว่าเป็นชายหรือหญิง มีหลายอย่าง เช่น บางคนมีตัวบังคับ (ยีน) เป็นผู้ชาย บุคคลนั้นก็เป็นผู้ชาย แต่ผิดปกติที่อวัยวะเพศ ทำให้มีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศของสตรี บางคนมีตัวบังคับ (ยีน) เป็นผู้หญิง บุคคลนั้นก็เป็นผู้หญิง แต่อวัยวะเพศบางส่วนมีขนาดใหญ่ จึงทำให้ดูคล้ายองคชาตของผู้ชาย

(ขอบคุณข้อมูล บัณเฑาะก์ จากครูลิลลี่)

ดังนั้น ก่อนที่ไอ้เกษมจะปาราชิก มันก็ไม่สมควรมาบวชตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะไอ้เกษมมันเป็นบัณเฑาะก์ !!





http://imgur.com/3wPMZ0w,bV69Wt1#0

http://imgur.com/8VEqZbS

ต่อมาในคืนวันเสาร์ที่ 17 ต่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 18 ม.ค. 58 นายเกษมยอมสึกแล้ว แต่ที่จริงไม่ต้องสึกหรอก เพราะมันขาดจากความเป็นพระมานานแล้วด้วยเหตุปาราชิก จากการอวดอุตริมนุสธรรมบ่อยครั้ง

แล้วไปนุ่งขาวห่มขาว อ้างว่า จะถือศีล 8 หรือศีล 5 ต่อ และจะสอนธรรมะต่อไป


http://imgur.com/nfKU4bn
ลูกศิษย์เกษมบางคนเล่าว่า เกษมมันเชื่อว่ามันเป็นอรหันต์มาตลอด ถุย !!

ก็เพราะมันคิดเอองเออเองว่า เป็นอรหันต์ มันเลยเชื่อว่า มันไม่มีทางทำผิดปาราชิกได้ เพราะอรหันต์ไม่กระทำปาราชิกแน่นอน และการที่มันเชื่อว่ามันเป็นอรหันต์และโอ้อวดให้ลูกศิษยฺ์ฟังเสมอนี่แหละ จึงเข้าข่ายปาราชิกมานานแล้ว

หลังจากสมีเกษมได้ถอดผ้าเหลืองแล้ว สมีเกษม อ้างว่า มันเข้าฌาณอีกไม่ได้ จึงคิดได้เองว่า ตัวเองได้ปาราชิกจริง ๆ จึงยอมสึก จะขอเป็นไวยาวัจกรต่อไป (อ้าวเข้าทางหาเงินรับเงินได้แล้วล่ะสิ)

ส่วนลูกศิษย์โง่ ๆ อีกจำนวนมากบอกว่า ไม่ยึดติดตัวบุคคล แต่ยึดติดธรรมะ

นี่ก็คือการแถของลูกศิษย์อีกแล้ว เพราะถ้าไม่ยึดติดตัวบุคคล ก็ควรขับไล่สมีเกษมที่ดูหมิ่นพระธรรมวินัยอย่างเลวร้ายออกจากวัด แต่การที่ให้สมีเกษมอยู่ในวัดต่อไป นี่แหละคือ การยึดติดตัวบุคคล

กรณีสมีเกษมนี้ เคยได้รับโทษจำคุก 2 ปีจากกรณีดูหมื่นศาสนามาแล้วในชั้นศาลอุทธรณ์ แต่ต่อมาศาลฎีกาเมตตายกเลิกโทษจำคุกให้ เพราะเห็นว่าให้การเป็นประโยชน์ต่อศาล คงเหลือแต่โทษปรับเท่านั้น

คลิปเรื่องเล่าเช้านี้ สมีเกษมนุ่งขาวห่มขาว


------------------

ปฏิรูปกฎหมายกรณีพระปาราชิก ควรมีโทษจำคุก

ผมเคยเขียนในหลายที่ว่า สถาบันศาสนา โดยเฉพาะศาสนาพุทธ ถือเป็นสถาบันหลักของประเทศสถาบันหนึ่ง ถือเป็นสถาบันที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ

การที่พระอาบัติปาราชิกก็น่าจะถือว่า เป็นการบ่อนทำลายสถาบันศาสนาเช่นกัน จึงสมควรมีโทษทางอาญาด้วย

หากเป็นในสมัยโบราณ พวกสมีปาราชิกจะต้องรับโทษอาญาหนัก แถมโดนโบยและถูกสักกลางหน้าผากด้วย เพื่อไม่ให้ไปบวชใหม่ได้อีก

-----------------

ล่าสุด สมีเกษมเหิมหนัก พร่ำอย่างหน้าด้าน ๆ ไม่ละอายเกรงกลัวต่อบาป

สมีเกษม ยอมรับแล้วว่าเคยตุ๋ยมาไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง ทั้งพระและลูกศิษย์วัด

โพสต์ทูเดย์รายงาน


http://imgur.com/SdQmDhS,qqL0Vgj#0


http://imgur.com/y77cWJb


-------------------

ลองฟังสมีเกษม แถอีกสักครั้ง

ฟังสมีเกษมยอมรับว่า เคยหลงตัวเองเชื่อว่าตัวเองเป็นอรหันต์ จึงไม่น่าปาราชิกได้




คลิกอ่าน ไอ้เกษม มันปาราชิกมานานแล้ว

คลิกอ่าน ยันตระ มีพฤติกรรมยอมรับเองว่า ขาดจากความเป็นพระแล้ว





counter statistics