เห็นพระบางรูปยังไปก้มกราบสมียันตระ ราวกับมันยังเป็นพระเกจิเหมือนเดิม นี่คือการแสดงความโง่เขลาเบาปัญญาแท้ ๆ
พระที่ไปกราบสมีปาราชิก ไม่รู้ว่า จะบาปแค่ไหน ที่ใช้เพศบรรพชิตไปกราบไหว้คนชั่วที่สุดที่ได้ขาดจากความเป็นสงฆ์ด้วยเหตุปาราชิก ผู้ซึ่งเมื่อตายไปต้องมีนรกอเวจีเป็นที่หมายต่อไป
ซึ่งผู้เป็นพระน่าจะรู้ว่า วินัยพื้นฐานของความเป็นพระคืออะไร ?
ผมคงไม่ต้องเอ่ยย้อนไปถึงเหตุที่สมียันตระปาราชิกนะครับ เพราะคงไปย้อนหาอ่านกันเองได้ เพราะปรากฎหลักฐานชัดเจนทุกอย่าง จนสมียันตระยังเถียงไม่ออกเลย มันได้แต่อ้างแบแถ ๆ หลอกพวกโง่ไปว่า มันโดนใส่ร้ายจากขบวนการทำลายพระดี ๆ ของพวกมารศาสนา
แล้วพวกโง่ก็หลงเชื่อโดยง่าย แบบไม่สนข้อมูลหลักฐานใด ๆ ทั้งสิ้น
พระกำลังก้มกราบตีนยันตระ
---------------
พฤติกรรมยันตระที่ยอมรับเองว่า ขาดความเป็นพระแล้ว
ย้อนกลับมาที่พระธรรมวินัยหรือวินัยสงฆ์ ในระดับพื้นฐานของความเป็นพระก็คือ การปลงผม หรือโกนผม
เป็นพระต้องโกนผม เป็นแบบนี้ในพุทธศาสนาทุกนิกายทั่วโลก เป็นเช่นเดียวกันหมด เพราะพระธรรมวินัยกำหนดว่า พระต้องมีเส้นผมยาวไม่เกิน 2 องคุลี หรือประมาณไม่เกิน 2 นิ้ว
แม้แต่พระพุทธเจ้าเองก็ทรงโกนพระเกศาเช่นกัน แต่เพราะช่างปั้นพระพุทธรูปต้องการปั้นให้พระพุทธรูปดูรู้ง่ายๆ ว่า ใครคือพระพุทธเจ้า ช่างปั้นจึงสมมุติว่า พระพุทธเจ้าทรงมีเส้นพระเกศามวยยาวกว่าปกติ เพื่อความแตกต่าง
หรือพูดง่าย ๆ คือ ความจริงพระพุทธเจ้าก็ผมสั้นและมีเส้นผมยาวไม่เกิน 2 องคุลีเช่นเดียวกับพระภิกษุรูปอื่น ๆ
แต่ที่เส้นพระเกศาของพระพุทธเจ้าพิเศษกว่านั้นก็คือ ตั้งแต่เมื่อครั้งแรกที่เจ้าชายสิทธัตถะตัดสินใจปลงพระเกศา เพื่อออกแสวงหาหนทางหลุดพ้นจากวัฏสงสารในครั้งแรกนั้น ได้ปรากฏว่า
"เจ้าชายสิทธัตถะทรงเห็นว่าพระเมาลีไม่สมควรแก่เพศบรรพชิต จึงทรงตัดออกด้วยพระองค์เอง หลังจากนั้นพระเกศาก็ปรากฏยาวประมาณ ๒ องคุลี ม้วนกลมเป็นทักขิณาวัฏ (เวียนขวา) ทุกๆเส้น และคงอยู่อย่างนั้นตราบถึงดับขันธปรินิพพาน"
แปลว่า พระพุทธเจ้าได้ทรงปลงพระเกศาให้สั้นไม่เกิน 2 องคุลีเพียงครั้งเดียวในชีวิต และเส้นพระเกศาก็ไม่เคยยาวไปกว่านั้นอีกตราบจนพระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานครับ
-----------------
แล้วสมียันตระ ที่เคยประกาศตัวว่า มันไม่ยอมรับมติสงฆ์ ไม่ยอมรับพระวินิจฉัยของสมเด็จพระสังฆราชสมเด็จพระญาณสังวร มันยังอวดอ้างว่า ตัวเองยังเป็นพระอยู่นั้น
เท่ากับสมียันตระมันโกหกพกลม ตอแหลอย่างชัดเจน เพราะถ้าสมียันตระมันยังคิดว่าตนเองยังเป็นพระอยู่เหมือนเดิม แล้วสมียันตระ มันเสือกไว้ผมยาวรากไทร หนวดยาวเฟิ้มไปทำไม
ทั้ง ๆ ที่วินัยสงฆ์ได้กำหนดว่า พระต้องปลงผมให้สั้น ยิ่งถ้าในนิกายเถรวาท ก็ต้องปลงหนวดออกด้วย
นั่นเท่ากับแสดงว่า สมียันตระมันยอมรับโดยพฤติกรรมของมันเองแล้วว่า ตัวมันหมดความเป็นพระ เพราะถ้ายังเป็นพระก็ต้องเคารพพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติอยู่เหมือนเดิม เพราะแม้แต่พระพุทธเจ้าเองก็ทรงเคารพพระวินัย
ถ้าสมียันตระมันคิดว่ามันยังเป็นพระเหมือนเดิม มันก็ต้องดูอย่าง สมณะโพธิรักษ์ เป็นตัวอย่างสิ
เพราะสมณโพธิรักษ์เขามั่นใจว่าเขายังเป็นพระอย่างสมบูรณ์ เขาจึงยังปฏิบัติตามพระวินัยสงฆ์อย่างเคร่งครัดเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ผมก็ต้องปลงออกไม่ให้ยาวเฟื้อย
ที่ผมยกตัวอย่างกรณีสมณะโพธิรักษ์ ไม่ได้แปลว่า ผมหมายถึง สมณะโพธิรักษ์ยังเป็นพระนะครับ ผมแค่ยกตัวอย่างให้เห็นภาพว่า อย่างน้อยถ้ายังเชื่อว่าตนเองเป็นพระ ก็ต้องยังปฏิบัติตามวินัยสงฆ์อย่างเคร่งครัดอยู่เช่นเดิม
แต่มึงไอ้สมียันตระ มึงน่ะขาดความเป็นพระทั้งหลักฐานมั่วสีกาชัดเจน และมึงก็ยอมรับด้วยพฤติกรรมการไว้ผมยาวเฟื้อยของมึงชัดเจนว่า มึงน่ะขาดจากความเป็นสงฆ์ไปแล้ว
ตอนที่สมียันตระหนีลี้ภัยไปอยู่สหรัฐ มันยังเคยเล่าอีกว่า มันได้ขับรถไปงานบุญที่เจ้าภาพเขาเชิญ แล้วมันก็เคยขับรถชนผู้หญิงท้องจนตาย จนมันต้องติดคุกฐานขับรถโดยประมาทในสหรัฐอเมริกามาแล้ว
นี่ยิ่งชี้ชัดว่า มันน่ะไม่สำรวมในความเป็นพระเลย นั่นเพราะมันคือสมีที่ปาราชิกโดยสมบูรณ์แล้วนั่นเอง
พระที่ยังไปกราบมัน หรือประชาชนที่ยังไปกราบไหว้มันน่ะ เท่ากับพวกคุณกำลังทำร้ายพระพุทธศาสนา ร่วมดูหมิ่นพระพุทธศาสนาอย่างชัดเจน
สมียันตะพฤติกรรมเลวชัดเจนขนาดนี้ แอบอ้างว่ายังเป็นสงฆ์ เรียกตัวเองว่า อาตมา แถมยังเสือกไปกินข้าวร่วมโต๊ะกับพระภิกษุอีก
ใครที่ยังไปไหว้มันอยู่ ก็แสดงว่า กำลังร่วมทำบาปทำลายพระพุทธศาสนาร่วมกับมัน สมียันตระ !!
---------------
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช หลังทรงสิ้นพระชนม์ ตอนนี้พระอัฐิของพระองค์ได้แปรเปลี่ยนเป็นพระธาตุแล้ว
นั่นเป็นสิ่งยืนยันว่า สมเด็จพระญาณสังวรทรงเป็นพระอรหันต์
พระอรหันต์ย่อมมีญาณทัศนะรู้เองโดยชอบว่า ใครคือพระแท้ หรือ ใครเป็นสมี ด้วยญาณของพระอรหันต์
สมียันตระ ได้รับพระวินิจฉัยจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชว่า ได้อาบัติปาราชิกไปแล้ว
แถว ๆ คลองหลวง ปทุมธานี ก็มีสมีปาราชิกอีกคน ที่ได้รับพระวินิจฉัยจากสมเด็จพระสังฆราชว่า มันได้ปาราชิกไปแล้วเช่นกัน
ไอ้ห่มเหลืองใส่แว่นตาดำ ที่ชอบหลอกคนมาทำบุญเยอะ ๆ น่ะ มันชื่ออะไรนะ ??
สมีนะจ๊ะ หรือเปล่า ? 55555
----------------
ต้องปฏิรูปกฎหมายเพื่อปกป้องศาสนาพุทธ
ควรปฏิรูปกฎหมายเกี่ยวพุทธศาสนาเสียใหม่ ให้ผู้ที่ทำลายศาสนามีโทษจำคุก และต้องไม่มีการหมดอายุความ
เช่นพระที่ปาราชิกไปแล้ว ต้องมีโทษจำคุกด้วย อย่างเช่น กรณีสมียันตระที่มีความผิดฐานปาราชิก กฎหมายเดิมก็แค่ให้สึกเท่านั้น แต่มันก็ไม่ยอมสึก
ส่วนที่สมียันตระมีโทษทางอาญาจำคุก ไม่ใช่มาจากเหตุเพราะปาราชิก แต่เป็นคดีหมิ่นสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งมันรอจนหมดอายุความแล้วจึงกลับมาไทย
นี่ก็เป็นสาเหตุนึงที่ต้องปฏิรูปประเทศไทยใหม่ ต้องแก้ไขให้คดีทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คดีทุจริตคอร์รัปชันต้องไม่หมดอายุความ
พวกพระชั่ว พระปลอม พวกหากินในผ้าเหลือง ต้องมีโทษจำคุกด้วย
ในอดีตโบราณ พระที่ปาราชิกมีโทษจำคุก ตีตรวน โดนสักที่หน้า เพื่อให้รู้ว่าคน ๆ นี้ปาราชิกไม่สามารถไปบวชที่ใดได้อีก