บริษัท ปตท. เป็นบริษัทที่มียอดขายมากที่สุดในประเทศไทย และมียอดขายมากเป็นอันดับที่ 81 ของโลก
ปตท. มีกำไรปีละแสนล้านกว่า ๆ มัวแต่ใช้งบเพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์องค์กรให้ดูดี แต่กลับห่วยในมาตรการแก้ไขปัญหาน้ำมันดิบรั่วลงทะเล
ถ้าเราตามข่าวมาตลอด จะเห็นได้ว่า คราบน้ำมันดิบอย่างหน้ามุ่งสู่อ่าวพร้าวแห่งเดียวเป็นหลัก
หาก ปตท. มีความพร้อมในเครื่องมือและอุปกรณ์ป้องกันดีพอ จะไม่เกิดภาพอ่าวพร้าวเต็มไปด้วยคราบน้ำมันหรอกครับ
เช่น ภาพตัวอย่างนี้ ถ้า ปตท. มีทุ่นกั้นน้ำมันที่ยาวพอ ก็สามารถไปกั้นดักคราบน้ำมันก่อนที่จะถูกพัดเข้าไปสะสมที่อ่าวพร้าวมากมายมหาศาลได้ ตามรูป
เฉพาะชายหาดอ่าวพร้าว ยาวแค่ 400 เมตร ส่วนหาดหินด้านข้างอีกประมาณ 200 เมตร เท่านั้น ถ้าไปวางทุ่นดักน้ำมันก่อนถึงชายหาดตามรูป ผมกะว่า ไม่น่าจะเกิน 1,000 เมตร
แต่ปัญหาก็คือ ปตท. ไม่มีทุ่นยาวขนาดนั้น เพราะได้ยินว่า ปตท. มีทุ่นยาวแค่ 200 เมตรเท่านั้น นี่หรือมาตรฐานบริษัทอันดับที่ 81 ของโลก ถุย !!
ทั้ง ๆ ที่มาตรฐานบริษัทน้ำมันระดับโลก เขาต้องมีทุ่นยาวอย่างน้อย 20 กิโลเมตร
ถ้าปตท. มีอุปกรณ์พร้อมในการรับมือ และแก้ปัญหา รับรองป้องกันอ่าวพร้าวได้ไม่ยาก แต่ที่เกิดเรื่องอย่างทุกวันนี้ เพราะ ปตท. มันเห่ย !!
ความเห็น สส.ชูวิทย์ กมลวิศิษย์
“ปตท.เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ลงทุนทั้งในและต่างประเทศต้องทราบว่ากฎหมายสิ่งแวดล้อมมีความรุนแรงแค่ไหน จะต้องความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่รู้จะใช้เวลาฟื้นฟูอีกนานเท่าใด แม้พูดเรื่องจริงจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว แต่เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่สำคัญ หากปริมาณที่รั่วจำนวน 5 หมื่นลิตรตามที่ให้ข่าวจริงตนก็ไม่เชื่อ เพราะเมื่อเทียบกับน้ำ 1 ลิตร คือ 1 ขวดก็เท่ากับ 5 หมื่นขวดเท่านั้น แต่ภาพที่ปรากฏความเสียหายกระจายเป็นวงกว้างมาก จนขณะนี้ก็ยังไม่สามารถจำกัดเสร็จสิ้นได้” นายชูวิทย์กล่าว
นอกจากนี้ นายชูวิทย์กล่าวอีกว่า "อุปกรณ์ที่นำใช้จัดการปัญหามีเพียงถุงบิ๊กแบ็ก ขันน้ำ รถ 2 คัน เรือ 7 ลำ เจ้าหน้าที่ไม่กี่คน ดังนั้นควรตัดลดงบประชาสัมพันธ์องค์กรที่มีจำนวนมหาศาลเพื่อมาใช้วางแผนระวังป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นดีกว่า"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น