วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557
ปัญหาลอตเตอรี่ขายเกินราคา ต้องแก้ตรงไหน
ปัญหาคือ กองสลากเอากำไรเกินไป เมื่อนำกำไรเทียบกับเงินรางวัลและจำนวนรางวัลที่มีอยู่
แล้วคิดดู ค่าเงิน 1 บาทตอนนี้มันไม่เท่าเมื่อ 15 ปีที่แล้ว เพราะค่าแรงขั้นต่ำตามกฎหมายก็ 300 บาทไปแล้ว จะให้คนขายเขาขายกำไรเท่าเดิม ในจำนวนโควต้าเท่าเดิม เมื่อเทียบกับค่าครองชีพที่เป็นอยู่ บอกตรง ไม่มีใครอยู่ได้แน่นอน
เพราะกองสลากให้ผู้ที่ได้โควต้ารายย่อย ได้ต้นทุนที่ 74.40 บาทต่อใบ ได้มาแค่รายละ 200 ใบถึง 400 ใบ/งวด แล้วจะให้เขานั่งขายเองกำไรใบละ 5.60 บาท สู้เขาส่งให้เอเยนต์ไปที่ใบละ 80-82 บาทเลย แล้วเขาไม่ต้องมาขายเองไม่ดีกว่าเหรอ แถมไม่ต้องรับความเสี่ยงหากลอตเตอรี่เหลือด้วย
ถ้ารู้ถึงสาเหตุของปัญหา มันก็จะแก้ไขได้ว่า กำไรใบละ 5 บาทกับโควต้าเท่าเดิม ถ้าขาย 80 บาทเท่าเดิม ผู้ขายรายย่อยเขาไม่พอกินแล้วครับ
นี่ขนาดผมไม่เคยซื้อลอตเตอรี่ผมยังพอมองออกเลยว่า อยู่ยากถ้าจะให้ขายกำไรเท่าดิม มันต้องแก้ที่กองสลากต้องลดราคาต้นทุนให้ผู้ได้โควต้าก่อน ถึงจะคุมราคา 80 บาทได้
ไม่งั้น คงไม่มีใครอยากขายสลากกินแบ่งรัฐบาลแหง ๆ
หรือถ้ากองสลากลดราคาต้นทุนให้ผู้ได้โควต้าสลากไม่ได้ ก็เพิ่มราคาหน้าใบที่ 120 บาท ไปเลย เพราะยังไง ๆ คนไทยก็ซื้อราคานี้ประจำกันอยู่แล้ว
กองสลากก็ส่งให้ผู้ได้โควต้ารายย่อยสลากใบละ 100 ให้ขายที่ 120
ทีนี้ ถ้าใครยังขายเกินราคาอีก ก็มีโทษคือ ริบโควต้า หรือปรับเงิน หรือโทษจำคุกสัก 1 อาทิตย์ก็พอ หรือทั้งริบ ทั้งจำ ทั้งปรับ
ตอนเด็ก ๆ ผมจำได้ว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลใบละ 20 บาท คู่ละ 40 บาท รางวัลที่ 1 รางวัลละ 1.5 ล้านบาท ถ้าซื่อ 1 คู่ ก็ได้รางวัล 3 ล้านบาท
------------
ผู้ว่าราชการจังหวุดรับเงินกินเปล่าจากหวยรัฐทุกเดือน
ผมเพิ่งรู้นะว่า ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยที่ไปเป็นบอร์ด กองสลาก กับ ผจว.ทุกจังหวัด ได้โควต้า สลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย
ผมเคยสงสัยเหมือนกันว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด เงินเดือนก็ไม่ได้มาก แต่ทำไมผู้ว่าฯ ถึงดูรวยจัง ที่แท้รับเงินจากโควต้าสลากกินแบ่งทุกเดือน นี่เอง
ทีมข่าวไทยพีบีเอส รายงานว่า บอร์ดกองสลาก และผู้ว่าราชการจังหวัด มีโควต้าสลากกินแบ่ง รวมตกงวดละแสนกว่าเล่ม
ทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดจะได้รับเงินกินเปล่าไปคนละ 3 แสน ถึง 5 แสนบาทต่อเดือน มากน้อยขึ้นอยู่กับขนาดและความสำคัญของแต่ละจังหวัด !!
จึงมีผู้แนะนำให้รื้อโควต้าเก่าทิ้งซะ แล้วจัดระเบียบการจัดสรรโควต้าสลากกินแบ่งให้เป็นธรรมใหม่
ถามว่า ทำไม คสช. ถึงไม่โละโควต้าสลากไปทันทีเลย
ขอตอบว่า ก็เพราะ คสช. พยายามจะไม่ทำอะไรที่กระทบระบบเศรษฐกิจ และความน่าเชื่อถือทางสัญญาทางธุรกิจการค้า
คสช. จะจัดการอย่างเด็ดขาดได้ทันทีในเรื่องปัญหา สังคม การเมือง และอาชญากรรม แต่จะไม่จัดการอะไรโดยหุนหันพลการ ในเรื่องที่เกี่ยวกับสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าและธุรกิจ ไม่เช่นนั้นจะยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ประเทศชาติเสียหาย และเกิดความไม่มั่นใจต่อนักลงทุนต่างชาติ
ใจเย็น ๆ ครับ โควต้าสลากจะหมดลงภายในปีนี้ ซึ่ง คสช. จะไม่ต่อสัญญาโควต้าอีก แต่จะรื้อมาจัดสรรใหม่ให้เป็นธรรมยิ่งขึ้น
คลิกอ่าน ทำไมคนไทยรู้ว่าหวยรัฐบาลล็อคได้ แต่ก็ยังชอบซื้อเหมือนเดิม
วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2557
ผมเห็นด้วยกับสหรัฐฯ กรณีไทยยังมีการใช้แรงงานทาส
คือ มันน่าจะเป็นเรื่องของช่วงเวลาที่สหรัฐอเมริกา เขาต้องจัดอันดับประเทศที่ยังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะเรื่องการค้ามนุษย์ และแรงงานทาส ซึ่งพอดีมันมาประจวบเหมาะกับประเทศไทยก็เกิดมีการรัฐประหารพอดีเช่นกัน
ถ้าเรามองในแง่ร้าย ก็จะมองว่า สหรัฐอเมริกาจ้องโจมตี คสช. เพราะสหรัฐอเมริกาไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร แต่ความจริงปัญหาแรงงานมันคาราคาซังมาตั้งแต่รัฐบาลก่อนแล้ว อยู่มา 2 ปีกว่า แต่ไม่ได้เรื่อง
ซึ่งถ้าเรามองอย่างเป็นกลาง ๆ แล้วพิจารณาดูว่า ที่สหรัฐอเมริกาเขาจัดอันดับไทยให้ตกไปอยู่ในประเทศกลุ่ม 3 ซึ่งแย่ที่สุดในเรื่องการค้ามนุษย์ มันเรื่องจริงหรือไม่ ?
สำหรับผม ผมมองว่า สหรัฐอเมริกาเขาไม่ได้ใส่ร้าย เพราะมันคือเรื่องจริง ที่ข้าราชการไทยปล่อยปละละเลย แถมใช้เรื่องนี้ในการเรียกรับผลประโยชน์จากแรงงานเถื่อน และนายจ้างที่มีแรงงานเถื่อน
โดยเฉพาะรัฐบาลไทยที่ผ่านมาก็ไม่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากพอ
ตัวอย่างเรื่องแรก กรณีโรฮิงญา
ประเทศไทยมีการลักลอบเข้าประเทศจากชาวโรฮิงญาเป็นจำนวนมาก และส่วนหนึ่งก็มาเป็นแรงงานทาสในไทย แต่ส่วนใหญ่จะไปทำงานในมาเลเซีย ซึ่งขบวนการค้ามนุษย์จะใช้ไทยเป็นที่พักพิงชั่วคราวของชาวโรฮิงญา ซึ่งมีการทำร้ายและทารุณชาวโรฮิงญาจากพวกขบวนการค้ามนุษย์
เรื่องโรฮิงญานี่เอง ที่ทำให้สหรัฐฯ จัดอันดับให้มาเลเซียตกไปอยู่ในกลุ่มที่ 3 เช่นเดียวกับไทย
ตัวอย่างเรื่องที่สอง ก็คือ กรณีแรงงานเถื่อน
ซึ่งทางสหรัฐฯ เขาถือว่า การที่ไทยมีแรงงานเถื่อนจำนวนมาก ก็คือ การใช้แรงงานทาสอย่างหนึ่ง เพราะแรงงานเถื่อนย่อมไม่ได้รับการคุ้มครองและได้รับสิทธิตามกฎหมายแรงงานระหว่างประเทศ เพราะแรงงานเถื่อนจะได้ค่าจ้างที่แสนถูกกว่าค่าจ้างขั้นต่ำของไทย และต้องทำงานหนักและสกปรกที่คนไทยไม่อยากทำ
หลักฐานที่ชัดเจนก็คือ การที่มีแรงงานเถื่อนเขมรอพยพออกนอกประเทศไทยนับแสนคน เพราะได้รับข่าวลือว่า คสช. จะทำการกวาดล้างนั่นแหละ
แค่แรงงานเถื่อนเขมรในไทยก็มีเป็นแสนคนแล้ว นี่แหละคือหลักฐานชัดเจนว่า ไทยเรายังไม่สามารถจัดการปัญหาแรงงานเถื่อนได้จริง ซึ่งเรายังพบข่าวเจ้าหน้าที่จับรถกระบะ หรือรถบรรทุกที่นลักลอบำแรงงานหลบหนีเข้าเมืองซุกซ่อนมาในรถตามแนวชายแดนไทย-พม่าได้บ่อย ๆ
ตัวอย่างเรื่องที่สาม ก็คือเรื่องการทำประมง
คนไทยจำนวนมากอาจไม่ได้รับรู้ว่า การทำประมงของไทยนั้น เป็นงานหนักมาก และมีความโหดร้ายทารุณคนงานจนเป็นข่าว เช่น คนงานต่างด้าวรุมฆ่าไต้ก๋งตายเพราะทนความทรมานและการลงโทษจากไต้ก๋งไม่ไหว หรือ แรงงานต่างด้าวกระโดดหนีลงทะเลเพื่อหนีความทุกข์จากอาชีพทำประมง
เคยมีนิยายเรื่องนึงของไทย ผมจำชื่อเรื่องไม่ได้ ซึ่งตีแผ่ชีวิตคนงานบนเรือประมงไทยว่าโหดร้ายทารุณเพียงใด มีระบบการลงโทษที่โหดเพียงใด
งานประมงเป็นงานหนักมาก จนตอนหลังคนไทยไม่ยอมทำ ก็มีการไปหลอกล่อคนงานไทยให้มาทำงานเยี่ยงทาส แต่นั่นมันคือในอดีต ที่แรงงานพม่ายังไม่ได้มาทำงานในไทยมากเท่านี้
ต่อมาอุตสาหกรรมประมงไทยก็ได้แรงงานต่างด้าวจากพม่าเป็นหลักในการทำอาชีพนี้ แล้วก็มีแรงงานเขมรมาทำประมงมากขึ้นในลำดับต่อมา
แต่ก็นั่นแหละ ระบบความโหดร้าย และการใช้งานแรงงานเยี่ยงทาสในการประมงก็ยังไม่หมดไป โดยเฉพาะการกดขี่แรงงานเถื่อนนี่แหละ
ตัวอย่างเรื่องที่สี่ โสเภณีเด็ก และโสเภณีต่างด้าว
ในไทยทุกวันนี้ อาชีพโสเภณีคืออาชีพที่ผิดกฎหมาย แต่ประเทศไทยก็ยังมีอาชีพนี้อยู่จริงไหม
แถมมีโสเภณีเด็กจำนวนมาก ที่ตกเป็นข่าว เช่นมีแม่เล้าอายุ 13 เป็นต้น
อีกทั้ง โสเภณีเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะจากลาว จากเขมร จากพม่า เลยไปถึงจากเวียดนาม ก็มีมากมายในไทย
นี่แหละ ที่สหรัฐอเมริกาเขายังถือว่า ไทยเรามีปัญหาเรื่องการค้ามนุษย์และโสเภณีเด็ก
--------------------
ถ้าเราไม่หลอกตัวเอง การที่สหรัฐอเมริกาเขาติงมาแบบนี้ ก็ถือเป็นโอกาสอันดี ที่ไทยเราจะปรับปรุงแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ให้ดีขึ้น
ถามว่า ทำไมแรงงานเถื่อนถึงไม่ไปจดทะเบียนแรงงานให้ถูกต้องล่ะ
นี่แหละครับ คือปัญหาที่ไทยเราต้องแก้ไขว่า มันมีปัญหาอย่างไร ยุ่งยากตรงไหน แรงงานพวกนี้ถึงไม่ยอมไปจดทะเบียนให้ถูกต้องเพื่อได้รับสิทธิคุ้มครองตามกฎหมาย
โดยเฉพาะมาตรการลงโทษนายจ้างที่ใช้แรงงานเถื่อน ไทยเราต้องเอาให้จริงจัง เพราะนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่รัฐ
ฉะนั้นปัญหาแรงงานเถื่อน ก็คือ แรงงานทาสและการค้ามนุษย์ ในสายตาสหรัฐฯ นั่นเอง
------------
แต่ตอนนี้ปัญหาแรงงานทาสบางจำพวกของไทยก็ดีขึ้น เพราะการรัฐประหารของ คสช. เหมือนกัน
ก็ แรงงานทาสทักษิณ ไงล่ะ 5555555
วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557
คนไทยอย่าตื่นตูม กับแถลงการณ์ลมตดของอียู
ผมเห็นข่าวสองวันมานี้ ตื่นตูมกับคำแถลงการณ์ของรัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรปว่า 28 ประเทศในสหภาพยุโรปจะไม่ให้ผู้นำในรัฐบาลเดินทางมาไทย หรือจะไม่ลงนามสัญญาอะไรกับไทยในตอนนี้
ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่เรื่องเปลกแต่อย่างใด เพราะในเมื่อรัฐบาลทุกประเทศในสหภาพยุโรปเขาเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย ผู้นำระดับสูงในรัฐบาลของสหภาพยุโรปทุกประเทศ เขาก็ต้องไม่กล้าเดินทางมาพูดคุยหารือ มาทำข้อตกลงอย่างเป็นทางการกับทางการไทยในตอนนี้อยู่แล้ว เพราะจะกลายเป็นว่า เขาสนับสนุนการรัฐประหารของไทย
ฉะนั้น ถึงแม้สหภาพยุโรปจะไม่แถลงการณ์เรื่องนี้ออกมา ในทางปฏิบัติมันก็ต้องมาในแนวนี้อยู่แล้ว เพราะการที่รัฐบาลจะตกลงทำสัญญาต่อรัฐบาล ที่เรียกว่า จีทูจี นั้น มันก็ต้องทำสัญญาในช่วงที่มีรัฐบาลปกติ ในสถานการณ์การเมืองที่ยังปกติ
อย่างเช่น การเจรจาร่วมเกี่ยวกับข้อตกลงเสรีทางการค้าระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป หรือ FTA ไทย-อียู นั้น ก็หยุดการเจรจาเรื่องนี้มาตั้งแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยุบสภากลายเป็นรัฐบาลรักษาการณ์ไปแล้ว เพราะนั่นไม่ใช่รัฐบาลปกติ
ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลรักษาการณ์ยิ่งลักษณ์ หรือ จะเป็นรัฐบาลในยุค คสช. ก็ตาม ยังไง ๆ สหภาพยุโรปเขาก็ไม่มาทำสัญญาอะไรด้วยอยู่แล้ว เขาก็ต้องรอให้มีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งอยู่ดี
แต่การเจรจาในระดับเจ้าหน้าที่ของรัฐก็คงมีการเจรจาตกลงกันต่อไป ซึ่งเรื่อง FTA ไทย-อียู กว่าจะเสร็จก็คงยังอีกนาน เพราะแค่เพิ่งจะเริ่มการเจรจากันเท่านั้น กว่าจะไปทำสัญญาตกลงกันจริง ไทยเราก็คงมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งไปแล้ว
ดังนั้น คำแถลงการณ์ของอียู เราก็ไม่ต้องตกใจอะไร เพราะมันต้องเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ส่วนการค้าของภาคเอกชนไทยก็ยังเหมือนเดิม
ที่จะไม่มีเกิดขึ้นก็แค่เรื่องการเจรจาตกลงระหว่างรัฐต่อรัฐเท่านั้นเอง
เรื่องการเจรจาระหว่างรัฐต่อรัฐ ซึ่งในยุคประชาธิปไตย ก็เคยมีจีทูจีแบบเหี้ย ๆ มาแล้ว ก็การซื้อขายข้าวแบบจีทูจีไงล่ะ
(มูลค่าการค้าของไทยและอียู มีเพียง 10 % ของมูลค่าการค้าทั่วโลกของไทย)
ผมว่า คสช. เอาเวลาไปแปลงเพลง "คืนความสุขให้ประเทศไทย" เป็นเวอร์ชันภาษาอังกฤษ แล้วปล่อยลงยูทูปยังดีกว่าสนใจแถลงการณ์ของอียู อีกนะ ผมว่า
เพราะแถลงการณ์อียู มันก็แค่ลมตดของพวกฝรั่งอียูเท่านั้น เผลอ ๆ อาจเหม็นสู้ลมตดอีปูไม่ได้ด้วยซ้ำ 55555
เจตนาแถลงการณ์ของอียูคราวนี้ ก็แค่อยากดิสเครดิต คสช. เท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ปัญหาในสหภาพยุโรปทั้งเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจและเรื่องวิกฤติยูเครน ก็ยังแทบเอาตัวเองไม่รอด แต่สะเออะมาเสือกเรื่องไทย
ส่วนเรื่องที่สหรัฐอเมริกา จัดไทยไปอยู่ในลำดับ 3 ของประเทศที่มีการค้ามนุษย์ หรือการใช้แรงงานทาส ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่แย่ที่สุดนั้น
อันนี้มองได้ 2 มุมคือ สหรัฐฯ ต้องการหาเรื่องไทย ต้องการกีดกันสินค้าไทย แต่ใช้เรื่องสิทธิมนุษยชนบังหน้า เพราะจะใช้มาตรการกีดกันด้วยวิธีอื่นก็จะทำไม่ได้ตามกฎขององค์การการค้าโลก (WTO)
ส่วนอีกประเด็นคือ ไทยเรามีการใช้แรงงานทาสจริง ๆ ซึ่งประเด็นหลัก ๆ คือ เรื่อง แรงงานโรฮิงญา นี่แหละ ที่ไทยเรามีปัญหามาก
แม้แต่มาเลเซีย เองก็โดนสหรัฐฯ จัดไปอยู่ในกลุ่มที่ 3 เช่นเดียวกับไทย ก็เพราะเรื่องโรฮิงญานี้เช่นกันครับ จนทางการมาเลเซียต้องรีบออกมาแถลงการณ์ตอบโต้สหรัฐฯ
แต่ถ้าในเรื่องการทำประมงของไทยนั้น ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่า การใช้แรงงานบนเรือประมง มีความโหดร้ายเพียงใด ไทยอย่าหลอกตัวเอง
คลิกอ่าน นายกฯอิรัก ตอกหน้าสหรัฐฯ ที่ยุให้ทำรัฐประหาร
วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2557
ความโง่อั้มเนโกะ ในความเท่าเทียมเรื่องบวชภิกษุณี
คือทีแรก ผมว่าจะเขียนเรื่อง การประท้วงรัฐประหารแบบโง่ ๆ ของ อีอั้ม เนโกะ แต่เผอิญมาเห็นรูปนี้เสียก่อน เลยต้องขอเขียนบทความเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาก่อนครับ
จากที่อั้ม เนโกะ หรือนายศรัณย์ ฉุยเฉาย แสดงความเห็นว่า พุทธศาสนาดูถูกกดขี่ผู้หญิง แล้วมันก็ถ่ายรูปกอดพระพุทธรูป
นังอั้ม เนโกะ นี่มันคือมารศาสนาจริง ๆ แถมยังแสดงความเห็นด้วยความโง่อวดฉลาดเสียด้วย
เพราะนังอั้ม เนโกะ มันโพสว่า "ผู้หญิงกับศาสนาพุทธคงทราบนะคะว่า ผู้หญิงถูกจัดบทบาทไว้อย่างไร เช่น เป็นมารผจญ ผู้หญิงเป็นสิ่งสกปรกเข้าในที่ๆ มีหินที่มโนกระดูกพระพุทธเจ้าไม่ได้ในบางที่ นอกจากนั้นแล้ว lgbt โดยเฉพาะคนที่เป็นกะเทยจะโดนมองว่า เกิดมาเป็นบาป บวชให้พ่อแม่ไม่ได้ สารพัดที่กดทับเพศหญิงและผู้มีความหลากหลายทางเพศค่ะ เป็นศาสนาที่ patriarchy ดังนั้น ภาพนี้จึงสะท้อนนัยยะของความเป็นสมัยใหม่ผ่านวัฒนธรรม selfie และสะท้อนความแนบแน่นของการที่มีคนที่มีความหลากหลายทางเพศอยู่ผ่านสีและท่าทาง ดังนั้นจะแก้ปัญหาการกดทับในสังคมไทยได้ก็ต้องแก้วิธีคิดทางศาสนาด้วยค่ะ จงแยกศาสนาออกจากรัฐ"
Aum Neko ยังโพสต์ต่ออีกว่า "แล้วแต่ค่ะใครใคร่มีก็มีไป แต่รัฐต้องไม่สนับสนุนศาสนาใดศาสนาหนึ่ง และโดยส่วนตัวไม่มีศาสนาค่ะเพราะไม่เห็นความจำเป็นว่าศาสนาจะช่วยให้มนุษย์มีสันติเท่าเทียมกัน เลยขอยึดหลักมนุษยธรรมตามหลักการของสิทธิมนุษบชนดีกว่าค่ะ"
จากที่อั้ม เนโกะ มันโพส ถ้าคนที่ไม่ศึกษาพุทธศาสนาให้มาก ก็จะหลงเชื่อตรรกะโง่ ๆ ของนังอั้ม เนโกะ ได้โดยง่าย
เพราะความจริงแล้ว ศาสนาพุทธไม่ได้ห้ามผู้หญิงบวช ผู้หญิงสามารถบวชเป็นภิกษุณีได้ ในช่วงพุทธกาลไม่เคยมีศาสนาใด ๆ ด้วยซ้ำที่อนุญาตให้ผู้หญิงเป็นนักบวช แต่ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแรกที่อนุญาตให้ผู้หญิงบวชเป็นพระได้
และที่ประเทศไทยไม่มีภิกษุณีมาแต่เก่าก่อน ก็เพราะประเทศไทยรับนิกายเถรวาทจากลังกา(ศรีลังกา) โดยมีพระภิกษุเดินทางเข้าเผยแพร่ในดินแดนสุวรรณภูมิ นิกายเถรวาทในไทยจึงถูกเรียกว่า "ลังกาวงศ์" ไทยเราไม่ได้รับนิกายเถรวาทของฝ่ายภิกษุณีมาตั้งแต่แรก จึงไม่มีใครบวชพระให้ผู้หญิงได้ เพราะภิกษุณีต้องได้รับการบวชจากพระอุปัชฌาย์ที่เป็นภิกษุณีเช่นเดียวกันเท่านั้น
เมื่อเริ่มต้นเถรวาทในไทยมีแต่พระภิกษุเท่านั้น ก็เลยมีผลให้ไม่มีการบวชพระภิกษุณีมาจนปัจจุบัน ส่วนที่เห็นภิกษุณีในไทยในยุคนี้ ก็เพราะภิกษุณีเหล่านั้นได้ไปบวชพระในนิกายมหายานที่ไต้หวัน
อีกทั้ง การครองสมณเพศของผู้หญิงนั้นยากมาก ซึ่งผู้หญิงมีกฎระเบียบหรือศีลที่ต้องถือมากถึง 331 ข้อ ซึ่งมากกว่าภิกษุที่มีศีลแค่ 227 ข้อเท่านั้น
ซึ่งการไม่ได้บวชเป็นพระ ไม่ได้กีดขวางการสำเร็จมรรคผล แต่อย่างใด คนเราไม่ได้เป็นพระก็บรรลุธรรมได้เช่นกัน
ส่วนเรื่องความเท่าเทียมกันนั้น พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า คนเรานั้นเท่าเทียมกัน ศาสนาพุทธไม่มีชนชั้นวรรณะ เพราะความสูงต่ำของมนุษย์ขึ้นอยู่กับผลของการกระทำหรือ ผลของกรรม เป็นตัวกำหนดที่เรียกว่า กฎแห่งกรรม
ที่คนเราเกิดมาแตกต่างกัน ก็เพราะมีกรรมเป็นสิ่งกำหนด
แต่มนุษย์ไม่ว่าจะชายหรือหญิง จะจนหรือรวย จะพิการหรือสมบูรณ์ ก็มีสิทธิสำเร็จมรรคผลและนิพพานได้ทั้งสิ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับกรรมที่แต่ละคนได้สั่งสมมา
--------------
ห้ามกระเทยบวชพระ ?
ประเด็นกระเทย ที่อีอั้มยกขึ้นมาอ้างเพื่อบอกว่า ศาสนาพุทธ ห้ามคนเป็นกระเทยบวชพระนั้น
ประเด็นนี้ผมขอตอบแบบใช้ตรรกะแล้วกัน โดยใช้หลักธรรมชาติมาตอบเช่น
กฎธรรมชาติกำหนดว่า กระเทยไม่สามารถตั้งท้องได้ แบบนี้ถามว่า ธรรมชาติกดขี่ทางเพศหรือไม่ ??
อีอั้ม มึงคงอยากเป็นผู้หญิง แต่เสียดายที่มึงเป็นผู้หญิงแท้ ๆ ไม่ได้ ไม่ว่ามึงจะพยายามสักแค่ไหนก็ตาม
การที่คนเราต้องเกิดมาเป็นกระเทย ในทางพุทธ เราถือว่า มีกรรมพิเศษเฉพาะตนอย่างหนึ่ง
การเกิดเป็นกระเทย นั้นน่าสงสาร จึงยิ่งควรทำจิตใจให้ดี เป็นคนดี ผลบุญจะได้นำพาให้ชาติต่อ ๆ ไป จะได้เกิดเป็นมนุษย์ที่มีเพศถูกต้องสมบูรณ์
แต่อีอั้มเกิดมาเป็นกระเทยหน้าตาอุบาทว์ จิตใจยังอุบาทว์อีก สงสัยชาติหน้าคงไม่ได้เกิดเป็นกระเทยหรอก แต่น่าจะเกิดไปเป็นไส้เดือนกิ้งกือมากกว่านะ 555
---------------
ส่วนเรื่องห้ามผู้หญิงเข้าไปในศาสนสถานบางแห่งนั้น
สาเหตุก็เพราะศาสนาสถานเหล่านั้นบรรจุกระดูกหรืออัฐิ หรือพระธาตุของพระอรหันต์เพศชาย หรือบรรจุพระบรมสารีกธาตุของพระพุทธเจ้า จึงไม่เหมาะให้สตรีเข้าไป
เฉกเช่นเดียวกัน หากศาสนสถานแห่งนั้นเป็นที่บรรจุพระธาตุของพระอรหันต์เพศหญิง ผู้ชายก็ไม่ควรเข้าไปในศานาสถานนั้นเช่นกัน (เฉพาะบางสถานที่เท่านั้น)
นี่แหละความเท่าเทียมกัน !!
เพราะผู้ชายก็เป็นมารของการครองสมณเพศของภิกษุณี
ส่วนผู้หญิงก็เป็นมารของการครองสมณเพศของภิกษุ เช่นกัน
แต่เพราะประเทศไทยมีแต่ภิกษุ จึงดูเสมือนว่ากีดกันเฉพาะเพศหญิง ซึ่งความจริงมันไม่ใช่ !!
ฉะนั้น ใครที่บอกว่า ศาสนาพุทธกดขี่เพศหญิง นั่นเพราะมันโง่บัดซบเหมือน อีอั้ม เนโกะ
การใช้ความโง่ลบหลู่พระพุทธศาสนาของ อีอั้ม เนโกะ ผมว่า บาปกรรมนี้อาจทำให้ชาติหน้า อีอั้ม เนโกะ มันอาจได้เกิดเป็นไส้เดือน แหง ๆ 55555
-------------
และหลาย ๆ เรื่องที่ดูเหมือนว่ามีความไม่เท่าเทียมกันของเพศชายและหญิง นั่นเพราะโลกนี้ผู้ชายครองโลกมาตั้งแต่อดีตแล้วต่างหาก จึงไม่เกี่ยวกับศาสนาพุทธที่กดขี่ทางเพศแต่ประการใด
ทุกชีวิต หรือทุกจิตวิญญาณ มีสิทธิเกิดเป็นชายหรือหญิง ก็ได้ แต่ถ้าทำบาปมากในบางเรื่องก็อาจเกิดมาผิดเพศ
แต่ไม่ว่าจะเพศใด ๆ ก็สามารถศึกษาธรรมและเป็นคนดีได้ทั้งสิ้น นี่คือความเท่าเทียมกันในพระพุทธศาสนา
ส่วนอีอั้ม เนโกะ มันเป็นกระเทยจิตเสื่อม ชอบแสดงความโง่ แต่นึกว่าตนเองฉลาด จึงมีแต่พวกโง่และเสื่อมด้วยกันเท่านั้นที่หลงเชื่อมัน
พวกล้มเจ้าจะมีเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ ไม่นับถือพระพุทธศาสนา หรือถึงขั้นไร้ศาสนา เพราะพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งประเสริฐ พวกมารพวกผีในร่างคนจึงไม่ชอบ
อีกทั้งพระพุทธศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย เป็นสิ่งที่เกื้อกูลกัน พวกล้มเจ้าจึงต้องปฏิเสธพระพุทธศาสนาไปด้วยนั่นเอง
นายศรัณย์ ฉุยฉาย ทำซ่าปากดีกับศาสนาพุทธเท่านั้น ลองไปปากดีดูถูกศาสนาอื่น ๆ เกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันทางเพศดูสิ ไม่กล้าใช่ไหมล่ะ
นี่หรือความเท่าเทียมกันของมึง !
คลิกอ่าน เสียดายเนติวิทย์ ไม่หล่อเท่า ณเดชน์
วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2557
ความพยายามครองโลกของสหรัฐอเมริกา
หลังจากจบยุคสงครามเย็นระหว่าง ผู้นำค่ายคอมมิวนิสต์ โดยสหภาพโซเวียต และผู้นำค่ายประชาธิปไตย โดย สหรัฐอเมริกา
หลายคนอาจมองว่า วันนี้ฝ่ายประชาธิปไตย คือ ฝ่ายชนะ !!
แต่บางครั้งประชาธิปไตย นี่แหละ ก็อาจเป็นสิ่งอันตรายได้หากอยู่ในมือนักการเมืองที่เลว
เหมือนอย่างประชาธิปไตยไทยที่ล้มเหลวหลายครั้ง เพราะปัญหาคอร์รัปชั่นเป็นต้นเหตุให้ทหารอ้างในการยึดอำนาจโดยการทำรัฐประหาร
แต่รัฐประหารปี 2557 พลเอกประยุทธ มีเหตุผลที่ดูดีกว่าการรัฐประหารที่ผ่าน ๆ มาในประวัติศาสตร์ชาติไทย นั่นคือ ประชาธิปไตยไทยมาถึงทางตัน เพื่อต้องการสร้างความปรองดอง สลายสีของคนในประเทศ และคืนความสุขที่หายไปให้ประชาชน
เพราะหากขืนปล่อยให้นักการเมืองไทยและประชาชนตัดสินอนาคตกันเอง ก็คงไม่แคล้วอาจพาไปสู่สงครามกลางเมือง เฉกเช่น ที่อียิปต์เคยประสบ
มีการก่อการร้ายด้วยอาวุธสงครามในเมืองหลวงแทบไม่เว้นแต่ละวัน นี่คือความล้มเหลวของรัฐบาลและตำรวจ
ทหารจึงต้องเข้ามากู้วิกฤตินี้ !!
--------------
การครองโลกยุคใหม่ ที่กระทำโดยสหรัฐอเมริกา ด้วยการใช้ประชาธิปไตยและเสรีภาพบังหน้า แล้วเอาระบบนายทุนขูดรีดเข้าไปแทรกซึมสังคมในประเทศนั้น ๆ ผ่านเข้าทางนักการเมืองที่เห็นแก่ตัว
ถ้าประเทศนั้น ๆ เป็นเกษตรกรรม สหรัฐอเมริกาก็จะนำระบบการเกษตรทำลายสิ่งแวดล้อม ที่เรียกว่า "ปฏิวัติสีเขียว"เข้าไปทำลายชาติที่ยอมรับสหรัฐอเมริกามาเป็นเพื่อนที่แสนดี
แล้วสหรัฐอเมริกามันจะสูบทรัพยากรของประเทศนั้น ๆ เพื่อผลประโยชน์ของชาติตัวเองอย่างเลือดเย็น
รัฐบาลสหรัฐอเมริกา จึงเปรียบเสมือน "พยาธิในระบอบประชาธิปไตย"
อย่างประชาธิปไตยที่สหรัฐอเมริกาพยายามปลูกฝังมาที่คนไทยคือ สิทธิและเสรีภาพ แต่ละเลยในเรื่องที่สำคัญกว่านั้น นั่นก็คือคือ หน้าที่ของพลเมืองในชาติ ไปเลย
ประเทศไทยมีปัญหาตรงที่ คนไทยสนใจแต่สิทธิและเสรีภาพ แต่ไม่สนใจหน้าที่พลเมืองที่ดี
-------------
กรณีล่าสุดในความเลวของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาก็คือ
รัฐบาลสหรัฐอเมริกา บังคับ รัฐบาลเอลซาวาดอร์ ซื้อเมล็ดพันธุ์ GMOs จากมอนซานโต้ เพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือมูลค่า 300 ล้านดอลล่าห์
นายริคาร์โด นาวาร์โร (Ricardo Navarro) ผู้นำของศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความเหมาะสมแห่งเอลซัลวาดอร์ (CESTA) ได้กล่าววิพากษ์สหรัฐฯ ถึงเงื่อนไขของสหรัฐฯในการให้เงินช่วยเหลือ และให้ความเห็นว่ารัฐบาลเอลซัลวาดอร์ไม่ควรทำตามเงื่อนไขของสหรัฐฯ
“ผมอยากจะขอให้เอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ประจำเอลซัลวาดอร์ เลิกกดดันรัฐบาลของเราในการสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์ทางการเกษตรที่ผ่านเทคโนโลยีตัดแต่งทางพันธุกรรม”
และเขายังเสริมว่า "แรงกดดันครั้งนี้มีแต่จะทำให้เศรษฐกิจเอลซัลวาดอร์แย่ลง แต่ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มีเพียงแต่บริษัททุนข้ามชาติสหรัฐฯเท่านั้น"
และเขายังได้ชี้ไปถึงบริษัทมอนซานโตว่า “มีบริษัทที่ชั่วร้ายเกิดขึ้นในโลกใบนี้คือ “มอนซานโต” ...และที่น่าหงุดหงิดมากคือการที่สหรัฐฯพยายามให้ความช่วยเหลือบริษัทที่ชั่วร้ายนี้”
รายละเอียดข่าว คลิกที่นี่
เพราะ บริษัท มอนซานโต้ คือ บริษัทปีศาจเกษตรกรรมของสหรัฐอเมริกา
มีการประท้วงต่อต้านมอนซานโต้ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก เพราะบริษัทนี้ทำลายสิ่งแวดล้อมของโลก ผ่านการผูกขาดด้านการเกษตรในหลายประเทศ แค่คุณพิมพ์คำว่า ต่อต้านมอนซานโต้ ในกูเกิ้ล คุณก็จะพบเรื่องราวเหล่านี้มากมาย
หรืออย่างในประเทศไทย การที่พวกนักการเมืองร่วมกับนายทุนเกษตรกรรม ก็มอมเมาการทำเกษตรที่ผิด ๆ ให้เกษตรกรไทยยากจนไม่สิ้นสุด
อย่างเช่น สอนให้ชาวนาหลงในประชานิยม ซึ่งทำให้ชาวนาไม่คิดหาทางลดต้นทุนการผลิตที่ถูกต้อง ถ้าตราบใดรัฐบาลยังจ่ายเงินให้ชาวนาแบบผิด ๆ คนที่รวยตัวจริงกลับไม่ใช่ชาวนา แต่เป็นนายทุนการเกษตร
----------------
การที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาต่อต้านรัฐประหาร คสช. โดยไม่ดูบริบทว่า ที่มาที่ไปทำไมถึงเกิดเหตุการณ์นี้ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่เคยพูดถึง การคอร์รัปชันของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ทำให้ประเทศเสียหาย เพราะรัฐบาลสหรัฐสนใจอย่างเดียว คือ การเลือกตั้งเท่านั้น
ทั้ง ๆ ที่การคอร์รัปชั่นของนักการเมืองนี่แหละ คือการทำลายประชาธิปไตยไทยที่แท้จริง
ส่วนพวกนักวิชาการบางพวกก็ไม่สนเรื่องการคอร์รัปชันของนักการเมือง เพราะพวกนี้มีหน้าที่อย่างเดียวคือ หาทางเปลี่ยนแปลงระบอบประชาธิปไตย ด้วยการอ้างเสรีภาพมาทำลายระบอบเดิม ๆ ของไทย โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ การเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นสาธารณรัฐ
โดยสหรัฐอเมริกา จะจ้างหรือให้เงินทุนกับนักวิชาการล้มเจ้าพวกนี้ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ ล้มสถาบันกษัตริย์ไทย
ฉะนั้น เราจึงไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมมีคนไทยบางพวก ชอบแอบอ้างสันติภาพและเสรีภาพบังหน้า โดยที่ไม่สนใจว่า มีประชาชนอีกฝ่ายถูกฆ่าตายจากฝ่ายรัฐบาลของนักการเมือง
คลิกอ่าน นิยามของสหรัฐอเมริกา
วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557
ขอเป็นกำลังใจให้ ฝ้าย เวฬุรีย์ ที่เสียสละลาออกจากตำแหน่ง
จากกระแสต่อต้านฝ้าย เวฬุรีย์ กับที่เธอได้ตำแหน่งมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส2014 นั้น ผมเคยเขียนแบบแจงละเอียดไปแล้ว ทั้งเหตุผลเรื่องรูปร่าง เรื่องพฤติกรรมใช้คำหยาบคายในโซเชียลเน็ตเวิร์ค และเรื่องด่าพวกแดงล้มเจ้าของฝ้าย
ซึ่งผมได้วิจารณ์ไปหมดแล้วในทุกเรื่องเหล่านั้น
เมื่อฝ้าย ประกาศลาออกจากตำแหน่งเอง ก็ถือว่า ทุกฝ่ายที่โจมตีเธอควรยุติ และควรให้เกียรติเธอ ที่เธอยอมลาออกจากตำแหน่งแล้ว
ใครที่เคยด่าเธอ ก็หยุดด่าเธอได้แล้ว และควรชื่นชมเธอ ที่เธอยอมรับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของพวกคุณ ด้วยการลาออกตามที่พวกคุณได้เรียกร้อง
----------------
ส่วนฝ้าย ผมขอยืนยันว่า ในบรรดามิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สที่ได้ตำแหน่งทั้ง 3 คน คือคุณ และรองทั้งสองคน
ผมยืนยันว่า คุณมีใบหน้าที่สวยกว่าทั้งสองคนอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่คุณแพ้เขาตรงหุ่นนี่แหละ หุ่นของคุณนี่แหละประเด็นโดนโจมตีมากที่สุด นั่นคือ ความสมส่วน
ต่อให้คุณฝ้ายบอกว่าจะไปลดน้ำหนัก มันก็ช่วยอะไรไม่ได้มากหรอก เพราะจุดบกพร่องมันลึกไปถึงโครงสร้างของกระดูกเลย
คุณจึงเหมาะจะไปเป็นดารา มากกว่ามาเป็นนางงาม เพราะหน้าคุณสวยมาก ผมกล้ายืนยัน เพราะเพื่อนผมหลายคนก็ว่าหน้าคุณสวยทั้งนั้น
--------------
แต่สำหรับผมนะ คนที่เป็นรองอันดับ 1 น่ะ ยังสวยแพ้อีกหลาย ๆ คนที่ตกรอบไป
รองอันดับ 1 แม้จะสูง หุ่นดี แต่นั่นคือสูงแบบฝรั่ง ไม่ใช่สูงแบบสาวไทยทั่วไป แถมหน้าตาเธอออกไปทางกระเทยที่สวย ๆ ด้วยซ้ำนะ ผมว่า..
ซึ่งเมื่อฝ้ายสละตำแหน่ง แต่ไม่ต้องคืนเงินรางวัล ??
รองอันดับ 1 ก็จะไปประกวดนางงามจักรวาลแทนฝ้าย
คือถ้าชอบสูงแบบฝรั่ง ต่อไปก็ต้องกำหนดว่า ต่อไปต้องสูงเกิน 175 ซม. เท่านั้นถึงจะเข้าประกวดได้
ขนาดนางงามจากเอเซียหลายประเทศเช่น ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น ที่มักจะผ่านเข้ารอบลึก ๆ บ่อยกว่าไทยในการประกวดมิสยูนิเวิร์ส ก็ไม่ได้สูงปรี๊ด
แต่เพราะฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น เขาเลือกนางงามที่มีความเป็นเอเซีย และมีความเป็นชาติเขาชัดเจน ก็เลยมักเป็นที่ชอบของพวกกรรมการฝรั่งที่มักชอบสาวสวยแบบเอเซียแท้ ๆ
แต่เวทีนางงามจักรวาล มันก็มีเรื่องการเมืองและผลประโยชน์อยู่มากมายเช่นกัน
จึงไม่มีอะไรที่ชัวร์ หรือเที่ยงธรรมในทุกเวทีนั่นแหละ
แต่คนไทยบางพวกกลับก็เอาจริงเอาจังเรื่องนางงาม มากกว่าเอาจริงเรื่องนักการเมืองโกงเสียอีก ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าพวกไหน (ก็พวกที่โดนฝ้ายด่านั้นแหละ 555)
นี่แหละความน้ำเน่าในสังคมไทย
แทนที่จะไปด่ากรรมการมันให้หนัก ๆ ว่ากรรมการแต่ละตัวเลือกนางงามคนนี้มาได้อย่างไร ดันมาด่าที่ตัวนางงามซะยับเยิน
คนผิดตัวจริงคือ กรรมการ นะโว้ย ไอ้พวกโง่ !!
ปีหน้าเสนอเลิกดูเวทีนี้ซะ ส่วนผมดูเฉพาะชุดว่ายน้ำเท่านั้นมาหลายปีแล้ว ไม่เคยดูจนจบสักครั้ง
-------------
แต่มีอีกประเด็นที่ผมไม่อาจมองข้ามคือ กระแสปรองดอง และกระแสรัฐประหาร คสช. อาจมีผลในการตัดสินใจของฝ้ายครั้งนี้หรือไม่ นั่นแหละ
วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557
ชู 3 นิ้วแบบโง่ ๆ กับ ชู 3 นิ้วแบบฉลาด
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีพวกโง่ออกมาซ่าชูนิ้ว 3 นิ้ว แค่ไม่กี่คน ตามข่าวด้านล่าง
คลิกที่รูปเพื่อขยาย
ผมล่ะขำจริง ๆ มีมาแค่ 5-6 คน คงกะจะให้เจ้าหน้าไปขับไล่หรือจับกุมต่อหน้าสื่อมวลชน หรือต่อหน้ากล้องที่ประชาชนถ่าย
แต่กลับไม่มีเจ้าหน้าที่สนใจเข้าไปจับ นั่นเพราะเจ้าหน้าที่แค่ถ่ายรูปแล้วจะตามไปเช็คบิลเอาทีหลัง
ผมคิดเข้าข้างตัวเองเล่น ๆ ว่า ฤาเจ้าหน้าที่จะมาอ่านบทความก่อนของผม ที่แนะนำว่า อย่าไปจับไอ้พวกนี้ ปล่อยให้ชุมนุมกันไป แล้วถ่ายรูปไว้ แล้วค่อยตามไปจับทีหลัง
เพราะคนพวกนี้มันอยากให้นักข่าวต่างประเทศ หรือสื่อไทย หรือพวกมันเองถ่ายรูปตอนที่เจ้าหน้าที่มีขับไล่หรือจับกุม เพื่อจะหวังเอาไปแฉใส่ร้ายทหารไปทั่วโลก
ตอนนี้เจ้าหน้าที่รู้ทันแล้ว อยากชุมนุมก็ทำไป เดี๋ยวตามจัดการทีหลังง่ายกว่า
พวกนี้ตั้งแต่แรกที่เริ่มการชุมนุม ตั้งแต่ตอนที่ไอ้หนูหริ่ง บก.ลายจุด ยังไม่ถูกจับ มันก็มาชุมนุมแค่ไม่กี่คนหรอก สัก 20 กว่าคนได้
ยิ่งตอนนี้ไอ้บก.ลายจุด โดนจับไปแล้ว ข่าวลือที่ว่า จะมาการชูนิ้วสิบจุดทั่วกรุงเทพ สุดท้ายแทบไม่มีเลย
นั่นเพราะ คสช. ประกาศแล้วว่า จะตามจับไปทีหลัง และใครฝ่าฝืนจะมีโทษสูงสุด คือ จำคุก 3 ปี
ทีนี้ไอ้พวกที่เคยรับจ้างมาถือป้ายข้อความแบบโง่ ๆ กับรับจ้างมาชูนิ้ว ก็เลยหัวหดกันไปหมด
คงเหลือแค่ 5-6 คนที่พารากอนนี่แหละ ซึ่งคงไม่ใช่พวกรับจ้างมาชูนิ้วหรอก แต่เป็นพวกโง่เต็มพิกัดเลยต่างหาก 555
--------------
ทำไมพวกต่อต้าน คสช. ชู 3นิ้ว ถึงเป็นพวกโง่
สุดท้าย พวกที่มาซาชูนิ้ว 3 นิ้วต่อต้าน คสช. ก็ถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบตามประกบจับไอ้พวกนี้ไปได้รวม 7 คน
ผมขอเสนอให้ คสช. เอาจริง ให้ติดคุกไปเลยครับ เพราะถ้าไม่เชือดไก่ให้ลิงดู ซะบ้าง คนพวกนี้มันจะไม่เข็ด
ติดคุกไปเลยสักคนละเดือน เอาแค่นี้มันก็เข็ดตายแล้วครับ
และผมขอแนะนำ คสช. ว่า ต้องประกาศห้ามสื่อมวลชนรายงานข่าวพวกชูนิ้วต่อต้าน คสช. ทันที
เพราะถ้าตราบใด ยังมีสื่อไทยนำเสนอข่าวของคนพวกนี้ นั่นก็เท่ากับ พวกมันทำสำเร็จไปครึ่งนึงแล้วครับ
ถ้า คสช. เชื่อผมตามนี้ รับรองพวกชูนิ้วเชิงกวนตีน จะสาบสูญในไม่กี่วันแน่นอน
-------------
คลิป ชู 3 นิ้วแบบฉลาดของอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ในงานนาฏราช 57
ผมอยากจะบอกว่า
"ถ้าใครรักอีโง่ ให้ชู 3 นิ้วแบบโง่ๆ
แต่ถ้าใครรักชาติให้ชู 3 นิ้วแบบ I love you"
วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2557
คสช. ต้องรู้ทันเล่ห์ ปตท. กรณี ก๊าซ LPG
ปตท. คือผู้ใช้ LPG มากที่สุด ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี แต่กลับเสียภาษี LPG น้อยที่สุดในอัตรา 1 % ในขณะที่ผู้บริโภค LPG กลุ่มอื่น ๆ เสียภาษี LPG 12 % แถม ปตท. ยังซื้อในราคาถูกที่สุดอีกด้วย
และเพราะอุตสาหกรรมปิโตรเคมีใช้ LPG มากขึ้น ๆ จึงทำให้ LPG ในประเทศไม่พอใช้ จนต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
ในขณะที่ ผู้ใช้แก๊สตามบ้าน ต้องมาแบกภาระต้นทุนจากการนำเข้า LPG อย่างนั้นเหรอ ?
ปตท. มันอ้างว่าไงรู้ไหม ที่มันได้จ่ายภาษี LPG ถูกกว่า แถมซื้อในราคาถูกกว่าชาวบ้าน
ปตท.มันบอกว่า เพราะกิจการปิโตรเคมีทำกำไรให้ประเทศ จึงได้สิทธิพิเศษในการซื้อถูกกว่าคนไทยตามบ้านเรือน
เอ่อ.. มันจะแถเพื่อผลประโยชน์และกำไรของมันมากขึ้นแท้ ๆ ทั้ง ๆ ที่ ทรัพยากรธรรมชาติไม่ว่าน้ำมันดิบ หรือ LPG เป็นของคนไทยทุกคน กลับต้องแบกรับราคาแพงกว่าเพื่อให้ ปตท. มีกำไรเยอะ ๆ
และที่จริงแล้ว ผู้ที่จ่ายส่วนต่างให้ ปตท. เพราะอ้างว่าขาดทุนกำไรจากขาย LPG ในราคาต่ำกว่าราคาตลาดโลกเพื่อขายให้ผู้ใช้ครัวเรือน ก็คือ ผู้เติมน้ำมันเบนซินทั้งหลาย
แต่การขึ้นราคา LPG ติดต่อกันมา 5 เดือน ก็ไม่เห็นราคาน้ำมันเบนซินถูกลงเลย ราคาก็ยังอยู่ในช่วง 40 กว่าบาทตลอดมา
ถ้าเรื่องแค่นี้ รอง หัวหน้า คสช. ตามเล่ห์กล ปตท. ไม่ทัน ก็แย่ล่ะครับ
-------------
ความเลวของรัฐบาลมชาย วงศ์สวัสดิ์
รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เข้ามาแค่ไม่กี่เดือน เสือกสร้างผลงานอัปยศคือ แก้กฎหมายพลังงานให้บริษัทปิโตรเคมีของ ปตท. มีสิทธิใช้ LPG เป็นกลุ่มแรก
ทั้ง ๆ ที่แต่เดิม ต้องให้สิทธิผู้ใช้ครัวเรือนกับผู้ใช้รถยนต์ใช้ LPG ที่ผลิตได้ในประเทศก่อน เหลือแค่ไหน บริษัทปิโตรเคมีค่อยเอาไปใช้ต่อ
แต่่รัฐบาลสมชายแก้กฎหมายให้ปิโตรเคมีมาแย่ง LPG ไปใช้ก่อนประชาชน จน LPG ไม่พอใช้ ทำให้ต้องนำเข้า ซึ่งกลายเป็นว่า ประชาชนต้องแบกรับค่าแก๊สน้ำเข้าแทนบริษัทปิโตรเคมี
--------------
ตามหลักการคิดราคาที่ถูกต้อง
ผู้ใช้ครัวเรือน ควรซื้อ LPG ในราคาที่ต่ำกว่ากลุ่มใด ๆ เพราะนี่คือ 1 ในการผลิตปัจจัย 4 คือการทำอาหาร
และที่ถูกต้อง ราคาที่เป็นธรรม อย่างน้อยก็ควรนำ (ราคาต้นทุนที่ผลิตได้ในประเทศคูณด้วยจำนวนที่ผลิตได้) มาบวกกับ (ราคาที่นำเข้าจากต่างประเทศคูณด้วยจำนวนที่นำเข้า) แล้วหารด้วย 2 และหารด้วยจำนวนก๊าซทั้งหมดอีกรอบ
จึงจะได้ราคาที่เป็นธรรม
แต่ที่ผ่านมา ปตท. คิดราคาต้นทุนทุกอย่างที่ราคาตลาดโลกทั้งสิ้น
แล้วแบบนี้ประเทศไทยจะมีทรัพยากรไปทำไม ในเมื่อเจ้าของทรัพยากรคือคนไทยทุกคน ต้องซื้อทรัพยากรของตัวเองในราคาที่แพงเท่ากับหรือราคาแพงกว่าราคาตลาดโลก
ต้นทุนทรัพยากรของคนไทย ไม่ได้ถูกนำมาเป็นส่วนลดให้คนไทยเลยเหรอ ??
นี่แหละความเลวของ ปตท. !!
ส่วนคุณรสนา โตสิตระกูล ให้ความเห็นว่า ควรให้คนไทยใช้ LPG ในภาคครัวเรือนและขนส่งก่อน เพราะมีปริมาณ LPG พอใช้โดยไม่ต้องนำเข้า
ส่วนที่เหลือจากที่คนไทยใช้แล้ว ภาคอุตสาหกรรมและภาคปิโตรเคมีค่อยมาเอาไปใช้ต่อ ถ้าไม่พอก็ค่อยนำเข้า แล้วภาคอุตสาหกรรมและภาคปิโตรเคมีก็แบกรับราคา LPG นำเข้าเอาเอง โดยไม่ต้องให้ประชาชนมาร่วมแบกรับภาระด้วย
ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับคุณรสนาเช่นกัน !!
---------------
ผู้ใช้เบนซิน เป็น ทาส หรือ ผู้ทำกุศลทานกันแน่
การตรึงราคาน้ำมันดีเซล โดยอ้างว่า เป็นต้นทุนการขนส่งที่สำคัญ ถ้าปล่อยให้ดีเซลราคาลอยตัว จะควบคุมราคาสินค้าให้ถูกไม่ได้
เอ่อ.. แต่ที่ผ่านราคาสินค้ามันก็คุมไม่ได้อยู่แล้ว แม้จะตรึงราคาดีเซลไว้ก็ตาม ก็เพราะผู้เห็นแก่กำไร ถ้ามันอยากจะขึ้นราคา มันก็จะมีเหตุผลอื่น ๆ มาอ้างเพื่อขึ้นราคาสินค้าได้อยู่ดี
การคงราคาดีเซลตายตัวไว้ อันนั้นก็พอเข้าใจเหตุผลนะครับ แต่การที่คนรวยก็หันมาใช้ดีเซลในรถหรูมากขึ้นด้วย แบบนี้ใครซวยล่ะครับ
ก็คือ ผู้ใช้น้ำมันเบนซินทุกคน ที่ต้องซื้อน้ำมันเบนซินราคาแพงกว่าปกติ เพื่อนำเงินส่วนนั้นมาชดเชยให้ราคาดีเซลคงที่ ตั้งแต่รถซาเล้งเครื่อง มอไซค์รับจ้าง ก็ต้องมาช่วยจ่ายค่าน้ำมันดีเซลให้ราคาถูกคงที่เพื่อรถหรูของคนรวยจำนวนมากอีกด้วย
รถกระบะดีเซลที่ไม่ได้ใช้เพื่อการขนส่ง ไม่ได้จดทะเยียนเพื่อการขนส่งก็มีเยอะ ยิ่งคนหันมาใช้รถกระบะเยอะ เพราะไม่อยากใช้น้ำมันเบนซิน ก็ทำให้ตัวรถกินความยาวถนนมากขึ้น รถก็ติดมากกว่า แถมรถใช้ดีเซลมลภาวะก็มากกว่ารถใช้เบนซิน นี่เท่ากับไปสนับสนุนให้คนใช้รถกระบะโดยไม่จำเป็น
แถมพวกที่ใช้รถกระบะเป็นรถส่วนบุคคล ไม่ได้ใช้เพื่อการขนส่ง แต่เสือกแอบไปจดทะเบียนรถเพื่อการขนส่ง เพราะราคาภาษีถูกกว่า ก็มีเยอะเสียด้วย
โจทย์นี้ รองหัวหน้า คสช. ต้องเอาไปตีโจทย์ให้แตก
ไม่งั้น ผู้ใช้น้ำมันเบนซินก็ซวยตลอดชาติ !!!
ถ้ามองในแง่ดี ผู้ใช้น้ำมันเบนซินทุกลิตรคือ ผู้ทำทานให้ผู้ใช้น้ำมันดีเซล และผู้ใช้แก๊ส LPG
เพราะกองทุนน้ำมันมาขูดรีดกับผู้ใช้เบนซินเพื่อไปชดเชยส่วนต่างกำไรที่ ปตท. อ้างว่า ตนเองได้กำไรน้อยลง
หรือจะมองอีกแง่ก็ได้ก็คือ ผู้ใช้ดีเซล เป็นหนี้บุญคุณผู้ใช้น้ำมันเบนซิน
แต่ถ้าจะให้ถูกต้องที่สุด ถ้า ปตท. ไม่บิดเบือนราคาน้ำมันทุกชนิดด้วยข้ออ้างว่า ต้องอิงราคาสิงคโปร์ คนไทยก็ไม่ต้องซื้อดีเซลและเบนซินแพงหูฉี่แบบนี้ โดยที่ไม่ต้องมีใครมาแบกรับราคาแทนใคร
---------------
เรื่องปฏิรูปพลังงาน มันยากตรงไหน ?
มันยากตรงที่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้า คสช. ปกติก็เป็นกรรมการอิสระ ใน ปตท. อยู่แล้วนี่แหละ
เพราะคนเคยกินผลประโยชน์จากค่าประชุม ค่าโบนัส แพงๆ จาก ปตท. จนพุงกางมาก่อน จะยอมไม่ไว้หน้า ปตท. เพื่อประชาชนได้จริงหรือ
คลิกอ่าน นโยบายน้ำมันไทยห่วยจริง ๆ (คุณจะรู้ที่มาว่า ทำไม ปตท. มันต้องอ้างอิงราคาสิงคโปร์)
วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557
ดูความเลวรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลออสเตรเลีย
รัฐบาลสหรัฐ และรัฐบาลออสเตรเลีย แสดงท่าทีชัดเจนในการต่อต้านการรัฐประหารในประเทศไทย
โดยอ้างเหตุผลเดิม ๆ คือ ไม่ใช่แนวทางประชาธิปไตย และละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชน
ด้วยล่าสุด ทางรัฐบาลออสเตรเลียได้ตัดความสัมพันธ์ทางทหารกับกองทัพไทย ส่วนสหรัฐอเมริกา ก็บอกจะตัดงบประมาณช่วยเหลืออันกระจิ๊ดริดทางด้านการทหารแก่ไทย
ถุย !! ไอ้ 2 ประเทศจอมเสือก มึงคิดว่า พวกกูสนใจนักรึ
ความเลว ๆ และความหน้าด้านที่รัฐบาลของทั้งสองประเทศ คือสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย กระทำต่อชาติอื่นน่ะ เลวเสียยิ่งกว่าเลว
รัฐประหารของไทย เป็นการแก้ปัญหาทางตันของชาติก่อนจะนำไปสู่สงครามกลางเมือง ซึ่งไทยไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีกับประเทศอื่น ๆ
ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกา และรัฐบาลออสเตรเลียกลับไปทำเลวกับประเทศอื่น ๆ น่ะ น่ารังเกียจมาก ๆ แถมยังหน้าด้านไม่ขอโทษซะด้วย
นั่นคือ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาแอบดักฟังโทรศัพท์ในประเทศอื่น ๆ นับล้าน ๆ ครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาไปแอบดักฟังโทรศัพท์ของนายกรัฐมนตรีหญิงของเยอรมันอีกด้วย
รัฐบาลสหรัฐอเมริกาดักฟังผู้นำเยอรมันมานานกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ประธานาธิบดีสหรัฐ ก็รู้เรื่องทุกคน รวมทั้งประธานาธิบดีโอบามาก็รู้ด้วยเช่นกัน
ส่วนรัฐบาลออสเตรเลียก็ไปดักฟังโทรศัพท์ของผู้นำอินโดนีเซีย จนทำให้ชาวอินโดนีเซียออกมาประท้วง จนกระทั่งนายโทนี แอ๊บบอตต์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ต้องส่งหนังสือไปยังประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ว่าจะไม่กระทำเรื่องดังกล่าวอีก แต่มันก็ไม่ยอมขอโทษ!!
การดักฟังโทรศัพท์ของสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ต่อประเทศอื่น ๆ คือการละเมิดสิทธิเสรีภาพที่น่าเกลียด น่าขยะแขยงที่สุด
ฉะนั้น ถึงไอ้ 2 ประเทศนี้จะออกมาต่อต้านรัฐประหารไทย ก็ชั่งแม่มัน
ประเทศเลว ๆ อย่างสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย พวกมึงอย่ามาเสือกปัญหาในประเทศไทยของกู
แต่ก็นั่นแหละ 2 ประเทศนี้มันหน้าด้าน ก็ต้องเสือกเป็นเรื่องปกติ
---------------------
ส่วนไอ้พวกที่พยายามจะให้ต่างชาติมาแทรกแซงไทย หรือชอบที่มีต่างชาติมาแทรกแซงกิจการภายในของไทย
ผมก็ขอนำโพสที่คุณโจ นูโว โพสใน IG มาให้อ่านแล้วกัน
คมมาก !!
คลิกอ่าน แนะวิธีปราบพวกต่อต้าน คสช. ไม่อยากหรอก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)