วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วิเคราะห์ทำไมศาลแพ่งตัดสินให้คงพรก.ฉุกเฉินไว้ แต่..







ที่จริงถ้าจะให้ดี ศาลแพ่งควรตัดสินให้ พรก.ฉุกเฉินถูกยกเลิกไปเลย ด้วยเหตุผลที่ว่า การเลือกตั้งยังไม่จบ การที่ออก พรก.ฉุกเฉิน ทำให้เกิดผลได้ผลเสียแก่พรรคการเมือง และเป็นประโยชน์ต่อพรรครัฐบาล

แต่ในเมื่อ ศาลแพ่ง ไม่ล้ม พรก.ฉุกเฉิน แต่กลับห้าม ศรส. กระทำการ 9 ข้อ จนเสมือน ศรส.เป็นง่อยไปนั้น มันกลับทำให้ไอ้พวกโง่ที่เคร่งแต่ตัวบทกฎหมายและไม่เข้าใจหลักรัฐศาสตร์ที่ศาลใช้ โจมตีศาลได้ว่า ศาลลำเอียง!!

ก่อนอื่นผมขอบอกก่อนว่า กฏหมายรัฐธรรมนูญของไทยนั้นจะเน้นหลักรัฐศาสตร์มากกว่าตัวบทกฎหมายชนิดอื่น ๆ เพราะรัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประชาชนจำนวนมาก และยังเกี่ยวข้องกับการเมืองมากอีกด้วย

ศาลรัฐธรรมนูญจึงเป็นศาลที่ทำงานยากที่สุด เพราะมีผลทางการเมืองและมีผลต่อคนจำนวนมาก แตกต่างจากคดีความทั่วไปที่มักเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล

เช่นเดียวกัน สิทธิในรัฐธรรมนูญจึงสำคัญกว่ากฎหมายอื่น ๆ ทั่วไป

เช่น รัฐธรรมนูญมาตรา 63 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ

หากเรายึดกฎหมายเกี่ยวกับการชุมนุมโดยสงบจริง ๆ แน่นอนว่า การชุมนุม กปปส. ไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบอย่างแน่นอน เช่นมีการปิดถนน การปิดสถานที่ราชการ

เหมือนกรณีชาวนาชุมนุมก็มีปิดถนน ปิดกระทรวงพาณิชย์เช่นกัน แต่รัฐบาลกลับจะเลือกปฏิบัติเข้มงวดเรื่องกฎหมายกับ กปปส. เท่านั้น

สำหรับผม ผมมองในมุมเดียวกับศาลรัฐธรรมนูญ และศาลแพ่งมองก็คือ รัฐบาลที่กระทำผิดรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ย่อมไม่มีความชอบธรรมพอที่จะอ้างความชอบธรรมในการบังคับใช้กฎหมายเรื่องการชุมนุมโดยสงบ

เพราะการที่ กปปส. ออกมาอารยะขัดขืนกฎหมายนั้น ก็คือการแสดงออกว่าไม่ยอมรับรัฐบาลที่กระทำขัดรัฐธรรมนูญเสียเอง รัฐบาลที่กล้าประกาศว่าไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

กรณีนี้ จึงเป็นการต่อสู้กับอำนาจรัฐด้วยการกระทำอารยะขัดขืน ขอฝ่าฝืนกฏหมายทุกอย่างที่รัฐบาลไร้ความชอบธรรมประกาศใช้

อย่างเช่น รัฐบาลรักษาการยิ่งลักษณ์ได้กล่าวหานายสุเทพเป็นกบฏ และปฏิบัติราวกับนายสุเทพเป็นกบฏไปแล้วจริงๆ  ซึ่งก็ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 39 ที่เขียนว่า "ในคดีอาญาผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด ก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่า บุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้"

ยิ่งในช่วงแรก ๆ ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้กล่าวหานายสุเทพเป็นกบฏนั้น ศาลรัฐธรรมนูญก็เคยวินิจฉัยแล้วว่า การชุมนุมของ กปปส.ไม่ได้เข้าข่ายล้มล้างการปกครองแต่อย่างใด ซึ่งผมได้อธิบายไว้แล้วว่า นายสุเทพก็ย่อมไม่เข้าข่ายกบฏแน่นอน ตามบทความด้านล่าง

คลิกอ่าน เสื้อแดงโชว์โง่หยุดรัฐประหารต่อต้านกบฏ


ฉะนั้นประเด็นกฎหมายการชุมนุมโดยสงบ สำหรับผม ผมมองว่า จะใช้ได้กรณีที่อยู่ในช่วงรัฐบาลที่มีความชอบธรรมในสถานการณ์บ้านเมืองปกติเท่านั้น

ส่วนกรณี กปปส. กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แม้ดูตามกฎหมายเป๊ะ ๆ ว่า เป็นการชุมนุมที่ไม่สงบก็ตาม แต่ผมถือว่า นี่คือการอารยะขัดขืนกฎหมายของประชาชนต่อรัฐบาลที่หมดความชอบธรรมไปแล้ว

แม้แต่ยุคมหาตมะคานธี อังกฤษก็สั่งห้ามชาวอินเดียชุมนุม และถือเป็นกฎหมาย

แต่คานธีก็ออกมาอารยะขัดขืนกฎหมายของอังกฤษไงครับ อังกฤษก็มองว่า มหาตมะ คานธี นำชาวอินเดียออกมาชุมนุมโดยไม่สงบเพราะฝ่าฝืนกฎหมายเช่นกัน

--------------

ที่ยูเครนก็เช่นเดียวกัน ประธานาธิบดียูเครนก็เคยออกกฎหมายห้ามการชุมนุม แต่ประชาชนก็ไม่ยอมเชื่อฟัง เข้าบุกยึดสถานที่ราชการหลายแห่ง จนตำรวจต้องเข้าไปปราบปรามจนมีคนบาดเจ็บล้มตาย

สุดท้ายนายกรัฐมนตรียูเครนต้องลาออก เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับประธานาธิบดี สุดท้ายประธานาธิบดีจึงต้องลดแรงกดดัน ด้วยการประกาศยกเลิกกฎหมายห้ามชุมนุม

------------

ประเด็น การชุมนุม กปปส. มีอาวุธ หรือไม่ ?

วันนี้ ศรส. ไปยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแพ่งว่า กปปส. ชุมนุมโดยมีอาวุธ

ศาลแพ่ง วินิจฉัยทันทีว่า ในเมื่อมีกฎหมายอาญาอยู่แล้ว ก็ไปใช้กฎหมายนั้นเป็นกรณี ๆ ไป

คุณผู้อ่านที่มีใจเที่ยงธรรมย่อมเข้าใจเจตนาของศาลแพ่งทันที เช่น ปิดถนน ก็ไปเล่นงานแกนนำที่ฝ่าฝืนกฎหมายจราจร

หรือถ้าตรวจเจอใครพกอาวุธในที่สาธารณะก็เอาผิดการพกอาวุธในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นราย ๆ ไป

อธิบายง่าย ๆ ก็คือ หลักการของ กปปส. คือ ชุมนุมปราศจากอาวุธแน่นอน

ส่วนที่ตำรวจไปค้นเจออาวุธ ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ผู้ชุมนุมมีอาวุธจริง ๆ เพราะนั่นอาจมองได้ 2 แง่คือ การใส่ร้ายหรือไม่ก็ได้

แต่หลักการใหญ่ ๆ ของผู้ชุมนุมคือ ปราศจากอาวุธ

ส่วนกรณีฮีโร่ป๊อปคอรร์นนั้น เราจะเห็นได้ชัดว่า ฝ่ายโกตี๋ไปบุกยิงผู้ชุมนุม กปปส. ก่อน และที่สำคัญมีคลิปที่ตำรวจยิงใส่ผู้ชุมนุมด้วย จนคณะกรรมการสิทธิ ฯ ฝากถามทางตำรวจให้ไปสืบสวนด้วยว่า ตำรวจที่ไปอยู่ฝั่งเดียวกับฝ่ายโกตี๋ ไปร่วมยิงประชาชน กปปส. ด้วยทำไม

กรณีแบบนี้ ถ้าผมเป็นศาล ผมย่อมยกประโยชน์ให้ฝ่าย กปปส. ครับ เพราะถ้าไม่มีฮีโร่ป๊อบคอร์น ป่านนี้ กปปส. ตายเป็นเบือเพราะฝืมือฝ่ายโกตี๋และตำรวจแน่นอน

หรือกรณีขอคืนพื้นที่ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ผมยืนยันได้เลยว่า มีแต่คลิปตำรวจปาระเบิดใส่ผู้ชุมนุม ที่ cnn บันทึกไว้ได้

ซึ่งกรณีตำรวจปาระเบิดใส่ผู้ชุมนุมที่ผ่านฟ้าลีลาศ ผมจะนำมาเขียนอธิบายโดยละเอียดอีกที

------------

แต่ที่สำคัญคือ รัฐบาลออก พรก.ฉุกเฉิน ถือเป็นการริดรอนสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญแน่นอน

เพราะตอนที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ประกาศ พรก.ฉุกเฉินนั้น เราจะเห็นได้เลยว่า ช่วงนั้น มีแต่ ฝ่าย กปปส.เป็นฝ่ายถูกกระทำความรุนแรงจากอาวุธและระเบิดจากฝ่ายตรงข้ามเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น

การออก พรก.ฉุกเฉิน แม้เป็นอำนาจของฝ่ายบริหารก็ตาม แต่ศาลแพ่งกลับมองว่า เป็นอำนาจที่ไม่ค่อยจะชอบธรรมต่อประชาชนเท่าไหร่ครับ เช่นการห้ามชุนนุมเกิน 5 คน ก็เท่ากับริดรอนเสรีภาพในการชุมนุมแล้ว จึงได้สั่งห้าม ศรส. กระทำการ 9 ข้อไงครับ

เรื่องที่ผมอธิบายนี้ พวกนักกฎหมายเถรตรงยังไงๆ ก็ไม่มีทางเข้าใจที่ผมเขียนหรอกครับ แต่ผมเชื่อว่า แฟนบทความผมอ่านแล้วย่อมเข้าใจแน่นอน


วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เมื่ออิตาลีมีนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง







นายมัตเตโอ เรนซี ผู้นำพรรคประชาธิปไตยวัย 39 ปี เพิ่งได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอิตาลีเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 57 ที่ผ่านมา และจัดว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดของอิตาลีด้วย


นายมัตเตโอ เรนซี

และที่สำคัญนายมัตเตโอ เรนซี เขาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งคนที่ 3 ติดต่อกันของอิตาลีในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา

โดยนายกรัฐมนตรีอิตาลีที่มาจากการเลือกตั้งคนล่าสุดก็คือนายซิลวีโอ แบร์ลุสโคนี เจ้าพ่อวงการสื่อสารที่ได้รับการเลือกตั้งเมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา

แต่เพราะปัญหาคอร์รัปชั่นและเรื่องอื้อฉาวตลอดจนวิกฤติเศรษฐกิจของอิตาลี นายแบร์ลุสโคนีจึงได้ลาออก โดยที่ทุกฝ่ายต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ยังไม่ควรมีการเลือกตั้งทั่วไปใหม่ในตอนนั้น เพราะจะทำให้สูญเสียงบประมาณอีกอย่างมาก จึงตกลงกันว่าจะเปิดทางให้มีนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งดำรงตำแหน่งแทนเขา เพื่อเข้ามาแก้วิฤกติเศรษฐกิจอิตาลี

ซึ่งคนที่มารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากนายแบร์ลุสโคนี ก็คือ นายมาริโอ มอนติ ซึ่งเขาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นวุฒิสมาชิกตลอดชีพของอิตาลีอีกด้วย ถ้าไอ้พวกฟายแดงเห็นว่า มีตำแหน่งวุฒิสมาชิกตลอดชีพ ไอ้พวกฟายแดงก็ต้องโชว์โง่ว่า นี่ไม่ใช่ประชาธิปไตย แหง ๆ


นายมาริโอ มอนติ อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลี

ซึ่งนายมาริโอ มอนติ ก็เข้ามาเข้มงวดกับนโยบายรัดเข็มขัดมาก เพื่อให้อิตาลีรอดพ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจ แต่ก็ทำให้คนอิตาลีก็ไม่ค่อยพอใจเขาเท่าไหร่นัก

ต่อมานายมาริโอ มอนติ ก็ประกาศลาออก หลังจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอิตาลีเป็นเวลา 13 เดือน ตามที่เขาเคยให้สัญญาว่า จะลาออกถ้ากฎหมายงบประมาณปี 2013 ผ่านสภาไปด้วยดี

และต่อจากนั้นก็ได้ นายเอนริโก้ เลตต้า รองหัวหน้าพรรคประชาธิปไตย ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีอิตาลีคนต่อมา เพื่อเข้ามาแก้วิกฤติของอิตาลีต่อไป


นายเอนริโก้ เลตต้า อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลี

แต่แล้วนายเอนริโก้ เลตต้า ก็ดำรงตำแหน่งได้แค่ 10 เดือนเท่านั้น ก็ต้องประกาศลาออก เพราะเขาไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้เป็นที่พอใจของประชาชน จนทำให้พรรคประชาธิปไตยของเขาถอนการสนับสนุนเขา เพื่อไปสนับสนุนหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยคนใหม่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน

ซึ่งนั่นก็คือนายมัตเตโอ เรนซี นายกเทศมนตรีเมืองฟลอเรนซ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยคนใหม่ และเป็นนายกรัฐมนตรีที่หนุ่มที่สุดในอิตาลีด้วย

ซึ่งเขาก็วางแผนว่า จะปฏิรูปการเมืองและกฎหมายในอิตาลีก่อนที่จะประกาศยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งทั่วไปใหม่ในอนาคต

-----------------------

อิตาลี มีนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งติดต่อกันถึง 3 คนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

ก็ไม่เห็นว่าจะไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหน นั่นเพราะประชาธิปไตยไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งแต่อย่างเดียวเท่านั้น แต่หัวใจประชาธิปไตยต่างหากที่บอกว่า เป็นประชาธิปไตยหรือไม่

อย่างที่ผมเคยเขียนไว้ในบทความเก่า ประเทศไทยเพิ่งจะเขียนรัฐธรรมนูญให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้งในรัฐธรรมนูญปี 2540 นี่เอง

เจตนารมณ์ในตอนนั้นคือ สกัดกั้นพวกนายทหารที่ยึดอำนาจหรือพรรคการเมืองที่ชอบอิงอำนาจทางทหาร ไปเชิญนายทหารมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งในตอนนั้นที่เกิดวิกฤตินี้ ก็สืบเนื่องมาจาก

พลเอกสุจินดา คราประยูร 1 ในคณะ รสช. ได้ถูกพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ชนะการเลือกตั้งครั้งนั้นไปเชิญมาเป็นนายกรัฐมนตรี

แต่เมื่อกาลเวลาผ่านมา 16 ปี เราได้เรียนรู้มากขึ้นแล้วว่า นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งมันก็เลวได้เช่นกัน แถมเลวระยำได้ยิ่งกว่าเสียด้วย ตัวอย่างเช่น ทรราชทักษิณ ทรราชยิ่งลักษณ์ เป็นต้น

แน่นอนว่า นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งนั้น ย่อมชอบธรรมที่สุด แต่เมื่อมันเกิดวิกฤติศรัทธา เกิดวิกฤติของบ้านเมือง

การที่จะมีนายกรัฐมนตรีที่มาจากคนกลาง เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ก็น่าจะเป็นทางออกอย่างหนึ่ง

การอ้างว่า ถ้านายกรัฐมนตรีไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แล้วจะไม่เป็นประชาธิปไตยนั้น คงมีพวกพวกโง่โลกแคบแบบเสื้อแดงนั่นแหละที่คิดได้

---------

แถม

ที่ยูเครน มีประชาชนเสียชีวิตจากการต่อต้านประธานาธิบดีมาแล้วนับร้อยคน จนกระทั่งรัฐสภายูเครนก็มีมติถอดถอนประธานาธิบดียูเครนแล้วเช่นกัน

แต่ประธานาธิบดียูเครนก็ยืนยันไม่ยอมลาออก ด้วยเหตุผลที่ว่า เขามาจากการเลือกตั้ง

แต่สำหรับรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้น รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้ถูกยุบสภาไปแล้ว

ฉะนั้น ยิ่งลักษณ์และไอ้พวกขี้ข้าทักษิณ ตลอดจนไอ้พวกฟายแดงจะมาอ้างว่า กปปส. จะล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอีกไม่ได้

เพราะที่จะล้มตอนนี้คือ รัฐบาลรักษาการที่หน้าด้าน ไร้ยางอาย ไม่มีสติปัญญาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ล้มเหลวทางด้านเศรษฐกิจตลอดช่วงเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา

(หมายเหตุการประท้วงที่ยูเครนจบลงแล้ว โดยชัยชนะเป็นของประชาชน ส่วนประธานาธิบดีลี้ภัยไปรัสเซีย และเกิดปัญหาแบ่งแยกดินแดงแคว้นไครเมีย)


วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ทำไมพนักงานออมสินต้านปล่อยกู้ให้ธกส.,บก.ลายจุดโชว์โง่อีก







ทำไมพนักงานออมสินและลูกค้าจำนวนมากต้องต่อต้านการปล่อยกู้อินเตอร์แบงค์ให้ ธกส. ?

คำตอบคือ เพราะ ธกส. แถลงกับประชาชนหลายครั้งว่า ธกส. มีสภาพคล่องมากมายเหลือเฟือ แต่กลับมาขอกู้เงินจากออมสิน โดยอ้างว่า เอาไปเสริมสภาพคล่อง

จนต่อมาสหภาพ ธกส. และสหภาพออมสิน กดดันผู้บริหารของทั้งสองธนาคาร

จนในที่สุด ผู้บริหาร ธกส. ต้องออกมายอมรับว่า การกู้เงินออมสินครั้งนี้ เป็นการแนะนำจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์เพื่อให้นำเงินไปจ่ายค่าจำนำข้าวให้ชาวนา

แต่เพราะรัฐบาลกลัวความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 181 (3) จึงทำให้รัฐบาลไม่ยอมกู้เอง จึงให้ ธกส. ไปกู้ แถมรัฐบาลกลับไม่ยอมค้ำประกันการกู้เงินในครั้งนี้ให้ถูกต้อง เพราะกลัวว่าตนจะโดนเอาผิดทางกฎหมายในภายหลัง

ดังนั้นหากเงินกู้ครั้งนี้เกิดกลายเป็นหนี้เน่าขึ้นมา ธนาคารออมสินก็ซวยเอง ธกส.ก็ซวยเอง แต่คนในรัฐบาลรอด

นี่แหละครับที่เขาเรียกว่า ธุรกรรมอำพราง หรือ นิติกรรมอำพราง ทำให้พนักงานของทั้งสองธนาคารจึงต้องออกมาปกป้ององค์กรของตนเอง

สรุปยอดการถอนเงินจากออมสิน 3 วันตั้งแต่ 17-19 ก.พ. 57 คือ ถอนไปแล้ว 9 หมื่นล้านบาท


----------------

บก.ลายจุด แม่งสร้างภาพไม่เลิก

หลังจากไอ้ บก.ลายจุด ยอดนักแสดงหลอกควายของเสื้อแดง สร้างกระแสหลายครั้งในกรณีเรื่องข้าว

มันไม่ได้คิดจะช่วยชาวนาจริง ๆ หรอก แต่มันคิดจะช่วยสร้างภาพให้รัฐบาลชั่วของมันมากกว่า

ล่าสุด มันสร้างภาพด้วยการไปปรึกษา ธกส. ว่าจะขอรับซื้อใบประทวนจากชาวนาผ่าน ธกส. ในราคา 50 %

เหอะ ๆ ไอ้ฟายแดงลายหมาเอ๋ย มึงควรไปตั้งโต๊ะรับซื้อใบประทวนจากชาวนาโดยตรง และต้องให้ราคาเต็ม 100 % ด้วย

พวกมึงมันคิดเหี้ยๆ ให้ราคาชาวนาแค่ 50 % ชาวนาเขาไม่เอากับพวกมึงด้วยหรอก

มึงควรทำตามที่กูแนะนำคือ เปิดบัญชีกองทุนชินวัตร แล้วรับซื้อใบประทวนจากชาวนาโดยตรง แล้วให้พวกตระกูลชินวัตรมาร่วมลงขันในกองทุนนี้ด้วย

ไอ้ฟายแดงลายจุดเอ๋ย พวกมึงน่ะอาจหลอกคนไทยได้ในบางครั้ง แต่หลอกคนไทยทุกครั้งไม่ได้หรอก ไอ้ฟายแดงเอ๋ย 555

--------------------

แล้วไอ้พวกฟายแดง ที่แห่จะไปฝากเงินเข้า ธกส.น่ะ มึงก็โง่นะ เงินพวกมึงน่ะไปไม่ถึงชาวนาหรอก แม่งชั่วไม่สิ้นสุด ขยันสร้างภาพกันจัง

กูบอกพวกมึงว่า มีบัญชีที่แกนนำชาวนาเสื้อแดงได้เปิดไว้เพื่อช่วยชาวนา 

พวกมึงก็เอาเงินไปฝากในบัญชี้นี้สิ ไม่ใช่ไปฝากเข้าบัญชีพวกมึงกันเอง หรือไม่ก็ทำตามที่กูแนะนำคือ ไปตั้งกองทุนชินวัตรรับซื้อใบประทวนจากชาวนาสิวะ

ไอ้ควายแดงเอ๊ย ไปอ่านรายละเอียดตามลิงค์ข้างล่างให้หายโง่ ?

คลิกอ่าน บก.ลายจุด ไปแนะนำโอ๊ค ตั้งกองทุนชินวัตรรับซื้อใบประทวนสิวะ 

วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เฉลิมโชว์โง่ แถลงถามศาลแพ่ง







เมื่อเวลาเกือบบ่าย 2 ไอ้ขี้ข้าทักษิณ เป็ดเหลิม กำลังคลั่ง ออกมาแถลงข่าวในนาม ผอ.ศรส.  (ผู้อำนวยการศูนย์รวมสัตว์)

ไอ้เป็ดมันถามศาลแพ่งว่าเมื่อตัดสินไม่ยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน แต่ศาลกลับสั่งห้าม ศรส. กระทำ 9 ข้อแบบนี้

แล้วเป็ดอย่างผม ผมจะทำอะไรม็อบได้บ้าง ?

ฮ่า ๆ ไอ้นี่แม่งยังไม่เลิกโง่

ที่ศาลแพ่งเขาตัดสินเมื่อวาน เพราะศาลเขาต้องการจะบอกใบ้อ้อม ๆ ว่า รัฐบาลของมึงมันเลว เป็นกบฏรัฐธรรมนูญ สมควรออกไปได้แล้วไง ไอ้เป็ดโง่

เมื่อรัฐบาลของพวกมึงหมดความชอบธรรม ก็ไม่สมควรมีสิทธิจัดการกับผู้ชุมนุมไงไอ้โง่เหลิม 555

ทีนี้เรามาดู 9 ข้อ ที่ศาลแพ่งสั่งห้าม ไอ้พวก ศรส. ตามนี้

1.ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม ใช้หรือสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้ใช้กำลังหรืออาวุธเข้าสลายการชุมนุมของโจทก์ และประชาชนที่ได้ชุมนุมกันโดยสงบ และปราศจากอาวุธ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 63 วรรคหนึ่ง

2.ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม มีคำสั่งยึดหรืออายัดสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค เคมีภัณฑ์หรือวัตถุอื่นใดที่ได้ใช้ หรือจะใช้สิ่งนั้นเพื่อการกระทำการ หรือสนับสนุนการชุมนุมของโจทก์และประชาชน

3.ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม ออกคำสั่งตรวจค้นหรือถอน หรือทำลายซึ่งอาคาร สิ่งปลูกสร้าง หรือสิ่งกีดขวางของโจทก์และประชาชน

4.ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม สั่งการห้ามการซื้อ ขาย ใช้ หรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งสินค้า เวชภัณฑ์ เครื่องอุปโภค บริโภค เคมีภัณฑ์ หรือวัสดุอุปกรณ์ อย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งอาจใช้ในการชุมนุมของโจทก์และประชาชน

5.ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม สั่งการห้ามกระทำการอย่างใดๆ ที่เป็นการปิดการจราจร ปิดเส้นทางคมนาคม หรือกระทำการอื่นใด ที่ทำให้ไม่อาจใช้เส้นทางคมนาคมได้ตามปกติ ในทุกเขตพื้นที่ที่โจทก์และประชาชนใช้ในการชุมนุม

6.ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม ประกาศกำหนดพื้นที่ที่ห้ามมีการชุมนุมของโจทก์และประชาชน ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป

7.ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม สั่งการห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ หรือกำหนดเงื่อนไขในการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะของโจทก์และประชาชนในการชุมนุม

8.ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม ห้ามโจทก์และประชาชนใช้อาคารหรือเข้าไป หรืออยู่ในสถานที่ หรือห้ามเข้าไปในพื้นที่ใดๆ

9.ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม สั่งให้อพยพโจทก์และประชาชนออกจากพื้นที่การชุมนุม และห้ามมิให้ออกคำสั่งห้ามโจทก์และประชาชนเข้าไปในพื้นที่ชุมนุม

ศาลแพ่งยอดเยี่ยมสุด ๆ ตัดสินให้ ศรส. ถึงมีอยู่ ก็เหมือนเป็นง่อย

555/@akecity


------------------

ด้วยเหตนี้เอง ทำให้ ศรส. มันจะขอยื่นอุทธรณ์ เพราะมันไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลแพ่ง

วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

18ก.พ.57 ตำรวจและผู้ชุมนุมคือเหยื่อของทรราชยิ่งลักษณ์








ทำไมต้องสลายการชุมนุม 18 ก.พ. ?

มี 2 ประเด็น คือ

1. เพราะวันที่ 19 ก.พ. ศาลแพ่งจากวินิจฉัยเพิกถอน พรก.ฉุกเฉิน หรือไม่ ทำให้พวกรัฐบาลชั่วต้องการสร้างภาพความรุนแรง ให้ตำรวจและประชาชนบาดเจ็บล้มตาย สร้างสถานการณ์ว่าประชาชนมีอาวุธยิงตำรวจ ก่อนที่ศาลแพ่งจะตัดสิน เพื่อให้ศาลแพ่งเห็นว่า การประกาศ พรก.ฉุกเฉิน ของรัฐบาลเป็นเรื่องชอบธรรม

สรุปง่าย ๆ ตำรวจชั้นผู้น้อยและฝ่ายผู้ชุมนุม ล้วนเป็นเหยื่อทรราชยิ่งลักษณ์

2. มีข่าวลือหลุดมาว่า ทักษิณดูดวงยิ่งลักษณ์ที่พม่า แล้วหมอดูบอกว่า ต้องให้ยิ่งลักษณ์กลับไปทำงานในทำเนียบให้ได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ไม่งั้นยิ่งลักษณ์จะแพ้ และจะไร้แผ่นดินอยู่เหมือนทักษิณ

แต่ฤกษ์ดีที่สุดคือ ต้องเข้าทำเนียบภายในวันที่ 19 ก.พ. เพราะหลังจากนั้นไปพลังจะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ ไปจนหมดตอนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์พอดี

---------------------

ขำขัน แผนชั่วทักษิณเดือนกุมภาพันธ์

ทักษิณ "ไอ้ขี้ข้าเหลิม"

เป็ดเหลิม "ครับนายใหญ่"

ทักษิณ "เอ็งต้องสลายการชุมนุมให้น้องปูเข้าทำเนียบให้ได้ภายในเดือนนี้เข้าใจไหม"

เป็ดเหลิม "แต่ศาลแพ่งสั่งคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้สลายการชุมนุมก่อนศาลจะตัดสินนะครับนายใหญ่"

ทักษิณ "เอ็งยังไม่ต้องไปสนเรื่องนั้น เอ็งมีหน้าที่สลายการชุมนม ก่อนที่ศาลจะมีคำตัดสิน แล้วต้องให้มีทั้งตำรวจและผู้ชุมนุมล้มตายให้ได้ นั่นแหละหน้าที่ของเอ็ง"

เป็ดเหลิม "ทำไมต้องเร่งรีบขนาดนั้นครับนายใหญ่"

ทักษิณ "ก็เพราะดวงน้องปูจะรอดไม่รอด ก็ขึ้นอยู่ที่จะเข้าทำเนียบภายในเดือนนี้ได้หรือไม่ หากเข้าทำเนียบภายในเดือนนี้ไม่ได้ น้องปูจะต้องไร้แผ่นดินอยู่เหมือนข้า"

เป็ดเหลิม "แล้วไม่ดีเหรอครับนาย นายจะได้ไม่เหงา"

ทักษิณ "เดี่ยวปั๊ด !!"

เป็ดเหลิม "อะล้อเล่นครับนาย แล้วถ้าไม่มีตำรวจตายเลยล่ะครับ เราจะไม่โดนด่าว่า ตำรวจทำร้ายประชาชนฝ่ายเดียวเหรอครับ"

ทักษิณ "เรื่องนี้เอ็งไม่ต้องห่วง ตำรวจต้องมีตายแน่ ๆ เพราะอั๊วสั่งกองกำลังไม่ทราบฝ่ายแฝงเข้าไปในผู้ชุมนุม เพื่อจัดการงานนี้ให้แล้ว"




-------------------------

สรุปท้ายบทความ

ล่าสุด การปะทะกันในวันที่ 18 ก.พ. บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ มีผู้เสียชีวิต 5 ราย เป็นตำรวจ 1 นาย เป็นประชาชน 4 ราย

สำหรับผม ผมไม่โทษตำรวจชั้นผู้น้อย และฝ่ายผู้ชุมนุม

เพราะการจะใช้อาวุธหนักหรือไม่ มันก็อยู่ที่ผู้บังคับบัญชาฝ่ายตำรวจ

ส่วนฝ่ายผู้ชุมนุมมีอาวุธหรือไม่ ?

อันนี้ต้องยอมรับความจริงว่า อาจมีผู้ชุมนุมประเภทฮาร์ดคอร์บางคนที่จะแอบลักลอบพกอาวุธติดตัวเอาไว้ (และอาจมีฝ่ายมือที่3แฝงตัวเข้ามาในผู้ชุมนุมด้วย)





แต่ถ้าเราลองมองย้อนกลับไปว่า ฝ่ายผู้ชุมนุม กปปส. เป็นฝ่ายถูกกระทำด้วยความรุนแรงมาโดยตลอด มีการลอบยิง ลองขว้างระเบิด จนมีผู้ชุมนุมบาดเจ็บและตายมาหลายคนในหลายเหตุการณ์แล้ว

คนเราเมื่อถูกบีบให้เข้าตาจน ก็ต้องลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องชีวิตตนเองบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ตามสัญชาติญาณ

แต่ที่แน่ ๆ วันที่18 ก.พ. 57 ที่ผ่านมา ผู้ชุมนุมตาย 4 ตำรวจตาย 1

หากผู้ชุมนุมไม่ปกป้องตนเองบ้างเลย ก็อาจมีผู้ชุมนุมตายมากกว่านี้แน่นอน

ฉะนั้นผมขอประณามทรราชยิ่งลักษณ์ ที่นำพาตำรวจชั้นผู้น้อยและประชาชนต้องมาห้ำหั่นกันเองจนมีผู้บาดเจ็บล้มตายทั้งสองฝ่าย เพียงเพื่อสนองอำนาจและความร่ำรวยของพวกพ้องตนเอง

ขอให้ยิ่งลักษณ์และทักษิณ รวมทั้งพวกขี้ข้าทักษิณสารเลวทั้งหลาย พบกฎแห่งกรรมลงโทษอย่างสาสมด้วย

---------------------

แถม !!

ตอบคำถามไอ้พวกควายแดง

ควายแดง "ไหนบอกเป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ"

akecity "ตอนชุมนุมก็ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธโว้ย แต่บ้านเมืองมีกฎหมาย กฏหมายอนุญาตให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิปกป้องชีวิตตนเองตามกฎหมายเช่นกัน

เพราะว่ามีการลอบกัด ลอบยิงผู้ชุมนุม มาโดยตลอด

ถามว่า ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้ฝ่ายรัฐเข้าสลายการชุมนุม แล้วพวกตำรวจมึงมาทำอะไร ถืออาวุธหนักทำไม?"

ประชาชนตายไป 4 นะโว้ย ไอ้ควายแดง แล้วมึงอย่าเลี่ยงบาลีว่าไม่ใช่การสลายการชุมนุมล่ะ ไอ้สัสเหลิม !!

ไอ้ควายแดงมึงเถียงมาสิ"

/@akecity

วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

สมัชชาเกษตรกร20จังหวัดภาคอีสานรู้ท้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์







16 ก.พ.57 ผมได้ดูข่าวไทยพีบีเอส เกี่ยวกับสมัชชาเกษตรกรรายย่อย 20 จังหวัดภาคอีสาน ได้ลงมติคัดค้านการที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะไปกู้เงินจากสถาบันการเงินมาจ่ายชาวนา เพราะมันไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง

ผมได้ดูข่าวนี้แล้วก็รู้สึกชื่นชมสมัชชาเกษตรกรรายย่อย 20 จังหวัดภาคอีสานจริง ๆ ว่า พวกเขาเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นในโครงการรับจำนำข้าวเป็นอย่างดี

พวกเขารู้เท่าทันการโกหกของรัฐบาล ที่เอาแต่ไปโทษคนอื่น

ตามข่าวนี้

คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!


แกนนำสมัชชาเกษตรกร 20 จังหวัดภาคอีสาน เขาให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลยุบสภาในเดือนธันวาคม แต่ชาวนาไม่ได้เงินมาตั้งแต่ตุลาคม ทำไมตอนมีอำนาจเต็ม ๆ ถึงไม่รีบหาทางจัดการเรื่องนี้



และยังมีข่าวอีกข่าวคือ เครือข่ายเฟสบุ้คที่ชื่อว่า Help Thai Farmers ได้นำเงินบริจาค และข้าวสารอีก 60 ถุงไปแจกให้ชาวนาที่จังหวัดพิษณุโลก เพราะชาวนาไม่มีเงินจะซื้อข้าวกินแล้ว

คลิกที่นี่เพื่อไปดูคลิปข่าวทั้งสองข่าวนี้

----------------------

จากข่าวทั้งสองข่าวนี้ ผมว่า มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย หากรัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นรัฐบาลที่ดี

การที่ชาวนาไม่มีเงินซื้อข้าวกิน หรือจะเป็นชาวนาผูกคอตาย นี่คือความล้มเหลวของโครงการจำนำข้าวแท้ ๆ

แต่จนวันนี้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์และคนของพรรคเพื่อไทยกลับไม่เคยยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง แต่กลับโทษไปที่คนอื่นว่าผิดหมด

นี่แหละคือปัญหาที่สำคัญมากในระบอบประชาธิปไตยของไทย

การเลือกตั้งเป็นแค่สรรหาคนมาทำหน้าที่บริหารประเทศ แต่รัฐบาลที่ชนะการเลือกตั้ง ไม่ใช่ว่า จะทำอะไรก็ได้โดยไม่คำนึงถึงความชอบธรรม

----------------------

ข้อสอบ O Netty

ข้อใดเจ็บปวดที่สุด ?




วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รัฐบาลหน้าด้านยิ่งลักษณ์ vs นักการเมืองญี่ปุ่นหน้าบาง






ในประเทศที่มีนักการเมืองหน้าบาง หรือมีจิตสำนึกเพื่อชาติอย่างญี่ปุ่น เขาจะไม่ทนทู่ซี๊หน้าด้านให้อับอายหรือทนอยู่ให้คนด่าทั้งเมือง หากเขาได้ดำเนินนโยบายผิดพลาดและล้มเหลว

เพราะสังคมญี่ปุ่นจะไม่ประณามผู้ทำผิด ที่ยอมรับผิด และสำนึกผิดแล้ว แต่กลับยกย่องผู้ที่กล้ายอมรับว่าตัวเองได้กระทำผิดด้วยซ้ำว่าคือ ผู้กล้าหาญ

นี่คือวิถีจิตวิญญาณของคนญี่ปุ่นที่สืบทอดกันมานาน ผ่านวัฒนธรรมของซามุไร หรือวิถีแห่งบูชิโด

เราจะเห็นเสมอว่า ในอดีตจะมีคนญี่ปุ่นทำฮาราคีรีเพื่อยอมรับความพ่ายแพ้หรือยอมรับความผิดของตนเอง อย่างเช่น

เมื่อมีสงครามระหว่างซามุไร หากฝ่ายผู้ชนะบุกไปถึงห้องของฝ่ายผู้แพ้ระดับหัวหน้าสูงสุด หากหัวหน้าสูงสุดของฝ่ายผู้แพ้ กำลังกระทำฮาราคีรีตัวเองอยู่ในห้อง

ฝ่ายผู้ชนะก็จะให้เกียรติผู้แพ้ ได้กระทำพิธีอันศักดิ์สิทธื์ตามลำพัง และเมื่อฝ่ายผู้แพ้กระทำฮาราคีรีเสร็จแล้ว

ฝ่ายผู้ชนะก็จะให้เกียรติศพของผู้แพ้ เพราะนี่คือวิถีบูชิโด วิถีแห่งซามุไร

-------------------

สังคมการเมืองของญี่ปุ่น ก็มีการคอร์รัปชั่นเช่นกัน แต่ก็น้อยมาก และเมื่อนักการเมืองคนใดถูกตรวจสอบได้ว่า ทุจริตและคอร์รัปชั่น

นักการเมืองญี่ปุ่นที่คอร์รัปชั่นคนนั้น ๆ เขาจะยอมรับว่าเขาคือผู้แพ้ทันที เขาจะไม่ดื้อแพ่ง หรือแถอย่างหน้าด้าน ๆ ต่อไปเหมือนนักการเมืองไทย

เขาจะตอบตัวเองด้วยจิตสำนึกว่า ที่ตัวเองทำไปนั้นผิดหรือไม่ ?

เขาจะไม่แถหรือหลอกตัวเองว่า ข้าไม่ผิด

หากรู้ตัวว่าผิดหรือไม่ผิดก็ตาม นักการเมืองญี่ปุ่นก็มักจะลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้ตนเองเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างโปร่งใสทันที เพื่อแสดงให้เห็นว่า เขาจะไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อทำลายหลักฐานหรือกดดันพยานใด ๆ ทั้งสิ้น

เพราะเขาไม่ต้องการให้ความผิดของเขานั้น ต้องไปทำลายความชอบธรรมในสังคมและระบบยุติธรรมของประเทศลงไปด้วย

ซึ่งก็มีหลายคดีที่นักการเมืองญี่ปุนชิงฆ่าตัวตายก่อนที่คดีจะสิ้นสุดลง

เมื่อนักการเมืองฆ่าตัวตายชดใช้ความผิดแล้ว คนญี่ปุ่นก็จะยกย่องว่า เขาได้เป็นผู้กล้าหาญที่ทำผิดแล้วกล้ายอมรับผิด จะไม่มีการประณามไปที่ครอบครัวของนักการเมืองคนนั้น

เรื่องทำนองนี้ไม่ได้มีเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น แม้แต่เกาหลีใต้เองก็มีเรื่องทำนองนี้เช่นเดียวกัน

อย่างเช่นคดีที่อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ นายโนห์ มูเฮียน ได้ฆ่าตัวตาย เนื่องจากมีสมาชิกในครอบครัวของเขาถูกกล่าวหาว่ารับเงินสินบนจากบริษัทเอกชน

คงเพราะเขาได้ชื่อว่า เป็นนักการเมืองมือสะอาด พอมีเรื่องคอร์รัปชั่นของคนในครอบครัว ก็อาจทำให้เขายอมตายเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเขาไม่ได้มีส่วนร่วมคอร์รัปชั่นด้วย

หรือไม่ก็อาจเสียใจและสำนึกผิดที่ตนเองเป็นถึงประธานาธิบดี แต่กลับดูแลคนในครอบครัวไม่ดีพอ

-------------------------

ทำไมยิ่งลักษณ์ไม่ยอมสละอำนาจ ?

คำตอบนั้นง่ายนิดเดียวครับ คือ ตอนนี้ยิ่งลักษณ์และคณะรัฐมนตรีชั่วของเธอ กำลังนั่งทับพรมที่ภายใต้มีแต่ขยะเน่า ๆ ซุกไว้ข้างใต้ไว้มากมาย จากปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในโครงการรับจำนำข้าว

ตราบใดที่ยังอยู่ในอำนาจ ก็ยังสามารถปกปิดความชั่วนี้ได้ต่อไป ด้วยอำนาจทางการเมืองที่มีอยู่และอำนาจเงินที่ซื้อข้าราชการชั่ว ๆ บางคนได้

รวมทั้งถ้าเธอยังอยู่ในอำนาจ พวกตำรวจก็ยังยอมเป็นขี้ข้าให้รับใช้ได้อย่างดี

หากยิ่งลักษณ์ลงจากตำแหน่งเมื่อไหร่ ก็ยากที่จะปกปิดความผิดนี้ได้ เพราะอำนาจในมือที่จะบีบข้าราชการหมดไป ก็คงเหลือแต่อำนาจเงินเท่านั้นที่จะใช้ต่อไปได้ ซึ่งมันคงยากขึ้น

ถ้ายิ่งลักษณ์ลงจากอำนาจเมื่อไหร่ โอกาสติดคุกหนักมากกว่าทักษิณมีความเป็นไปได้สูง

ตอนนี้ข่าววงในลือว่า ทักษิณพยายามวิ่งเต้นทุกทางให้ยิ่งลักษณ์รอดทุกคดี

ฉะนั้นหนทางเดียวที่จะรอด และปกปิดความชั่วได้ต่อไป

หนทางเดียวคือยื้อให้อยู่ในอำนาจให้ได้นานที่สุด หรือจนกว่าจะกวาดขยะใต้พรมได้หมดจดจนไม่มีใครตรวจสอบเจออีกนั่นแหละ

ไม่งั้น ยิ่งลักษณ์จะติดคุกยาวหรือไร้แผ่นดินยิ่งกว่าทักษิณแน่นอน



รมว.คลังของญี่ปุ่น กินยาแก้แพ้ ก่อนการร่วมแถลงข่าวในต่างประเทศ มีท่าทางเหมือนง่วงหนักคล้ายคนเมาเหล้าต่อหน้าสาธารณะชน เขายังต้องลาออกเพราะทำให้ประเทศชาติขายหน้า ไม่ต้องรอให้ประชาชนออกมาไล่เป็นล้านคนหรอก เขาชิงลาออกก่อนเลย นี่แหละที่เรียกว่า ความสำนึกรับผิดชอบ

ส่วน รมว.คลังของไทย โกหกหน้าด้าน ๆ แถมดำเนินนโยบายจำนำข้าวขาดทุนหลายแสนล้าน ปากเคยบอกว่า จะรับผิดชอบ แต่สุดท้ายยังหน้าด้านอยู่ต่อไปจนวันนี้

---------------------

ยูโกะ โอบุชิ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่่น ก้มหัวขอโทษที่จำเป็นต้องลาออก จากข้อกล่าวหาว่า เธอใช้เงินสนับสนุนพรรคไปในทางที่ผิด




วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ทำไมศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ?







สาเหตุที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของอดีต สส. ประชาธิปัตย์ กรณีการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ก็เพราะ



แต่ที่น่ายินดีอยู่อย่างคือ ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่รับคำร้องจากฝ่ายต่อต้าน กปปส. กรณีกล่าวหาว่า กปปส. ล้มล้างการปกครองด้วย ยิ่งตอกย้ำว่า กปปส.ไม่ใช่กบฏตามที่พวกรัฐบาวชั่วกล่าวหา

ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องที่สมาคมรัฐธรรมนูญเพื่อสังคม ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ว่าการชุมนุมของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นแกนนำ พร้อมพวกรวม 9 คนที่เป็นอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีการบุกรุกสถานที่ราชการ ปิดเส้นทางจราจร ขัดขวางการรับสมัคร และการลงคะแนนเลือกตั้งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยมีเป้าหมายต้องการล้มรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้น เข้าข่าย เป็นการกระทำล้มล้างการปกครองฯและกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิถีทางที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่

โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การชุมนุมของประชาชนตามคำร้องเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพโดยมีเหตุผลสืบเนื่องจากการต่อต้าน พ.ร.บ.โทษนิรโทษกรรม และความไม่ไว้วางใจในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ส่วนการกระทำของนายสุเทพและพวก จะเป็นการทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่นๆ ก็เป็นเรื่องที่ผู้ต้องรับผิดชอบ ในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย จึงไม่มีมูลกรณีที่จะเป็นการล้มล้างการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งการได้อำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในวิถีทางรัฐธรรมนูญ จึงไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคหนึ่ง ที่จะศาลจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัย


ตอนนี้ก็รอแต่ศาลแพ่ง จะวินิจฉัยกรณีรัฐบาลรักษาการยิ่งอัปลักษณ์ ออก พรก.ฉุกเฉินว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่


ส่วนผมเคยเขียนในบทความเก่าตามลิงค์ด้านล่างว่า กปปส. ไม่เข้าข่ายข้อหากบฏแน่นอน

คลิกอ่าน เสื้อแดงโชว์โง่ ในประเด็น "หยุดรัฐประหารต่อต้านกบฏ"

เรื่องปลอบใจของคนไร้คู่







หลายคนอยากมีคนรัก แต่ก็ต้องผิดหวัง

หรือหลายคนต้องอยู่เป็นโสดไปคนเดียว ไปตลอดชีวิต

หากไม่ได้ซีเรียสว่า คนเราต้องมีคู่ทุกคน ก็คงไม่เป็นไร

แต่หลายคนอยากมีคู่ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีสักที ก็อาจเศร้าใจ น้อยใจในโชคชะตาได้

ผมเลยมีเรื่องเล่าเรื่องนึงเพื่อปลอบใจคนไร้คู่ ครับ ซึ่งเรื่องนี้คล้ายเรื่องนึงในพุทธศาสนา แต่เผอิญผมลืมไปแล้วว่าเรื่องอะไร

งั้นขอเล่าในแบบฉบับของผมแล้วกันนะครับ

เรื่อง เนื้อคู่คุณกำลังนอนหลับ 

มีเทวดาสุดหล่อองค์หนึ่งสมมุติชื่อ เทพบุตรสุดหล่อ แล้วกัน

ซึ่งเทพบุตรสุดหล่อ ก็กำลังเพลิดเพลินกับความสวยงามของมวลหมู่บุปผาพฤกษชาติบนสรวงสวรรค์ พร้อมกับภรรยานางฟ้าของเขา

เทพบุตรสุดหล่อ เขามีภรรยาชือ นางฟ้าสุดสวย ทั้งสององค์ต่างกำลังเสวยสุขบนสวรรค์อย่างเพลิดเพลิน

ระหว่างนั้น เทพบุตรสุดหล่อ เกิดง่วงนอน เลยของีบในสวนพฤกษชาติสวรรค์สักครู่

ระหว่างนั้น นางฟ้าสุดสวยก็เลยไปเดินเล่นชมเหล่าบุปผาสววรค์เพียงองค์เดียว

แต่แล้ว!! นางฟ้าสุดสวยก็เกิดหมดบุญกุศล ณ เวลานั้นพอดี จึงเป็นเหตุให้นางฟ้าสุดสวยต้องมาจุติบนโลกมนุษย์ทันที!!




หลังจากนั้นนางฟ้าสุดสวยก็ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ ใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ จนเวลาล่วงผ่านไป 80 ปี ก็เสียชีวืต

นางฟ้าสุดสวยก็ได้กลับไปเกิดบนสวรรค์ชั้นเดิม แถมยังได้กลับไปเป็นนางฟ้าสุดสวย ภรรยาของเทพบุตรสุดหล่อเหมือนเดิมอีกด้วย

พอนางฟ้าสุดสวยกลับมาจุติเป็นนางฟ้า จึงกลับไปที่สวนพฤกษชาติอีกครั้ง

ปรากฏว่า เทพบุตรสุดหล่อเพิ่งจะงัวเงียตื่นขึ้นมา หลังจากงีบไปหลายชั่วโมง

เทพบุตรสุดหล่อ "พี่ต้องขอโทษน้องนางฟ้าสุดสวยด้วย ไม่รู้เป็นอะไร วันนี้พี่ง่วงเหลือเกิน เลยหลับไปหลายชั่วโมงเหมือนกัน"

นางฟ้าสุดสวย "ไม่เป็นไรค่ะพี่ ช่วงที่พี่นอนหลับไปนั้น น้องเพิ่งไปเกิดเป็นมนุษย์บนโลกมา แล้วเพิ่งจะได้กลับมาจุติเป็นนางฟ้าอีกครั้งเมื่อกี้นี่เองค่ะ"

เทพบุตรสุดหล่อ "อ้าวเหรอ ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย แล้วน้องเป็นยังไงบ้าง มีคู่ครองบนโลกหรือไม่"

นางฟ้าสุดสวย "ไม่เลยค่ะ น้องไม่ได้รักใครเลย เลยครองตัวจนโสดไปจนเสียชีวิต"

-------------

เรื่องเล่านี้สอนให้รู้ว่า บางทีที่คุณไร้คู่รองในชาตินี้ อาจเป็นเพราะเนื้อคู่ของคุณ ยังไม่ได้ลงมาเกิดพร้อมกับคุณก็ได้ครับ

เนื้อคู่ของคุณอาจกำลังนอนหลับอยู่บนสวรรค์อยู่ก็ได้มั้ง

----------

สุดท้ายของฝากด้วยนิยามของคำว่ารักแท้ ที่ผมเคยได้อ่านมาในเน็ต ซึ่งผมชอบมาก

"ทุกคนย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย หากเราชอบแต่ข้อดีของเขา นั่นคือ ความหลง

แต่เมื่อไหร่ที่เรายอมรับข้อเสียของเขาได้นั่นคือ ความรัก"



วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ชาวนาไม่ได้เงินตั้งแต่กันยายน เพราะรัฐบาลมัวแต่ช่วยทักษิณ







ตอนนี้รัฐบาลกบฏยิ่งลักษณ์ ออกมาแก้ตัวแบบแถ ๆ ว่า ที่ชาวนาไม่ได้เงิน เพราะมีคนไปต่อต้านไม่ให้ธนาคารปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาล และเพราะรัฐบาลเป็นรัฐบาลรักษาการ จึงทำให้ติดขัดในข้อกฎหมายรัฐธรรมนูญ

ถ้าพวกฟายแดงที่วัน ๆ เอาแต่ดูทีวีเสื้อแดงทั้งวัน จนเขางอก มันก็จะโกรธคนที่ไปห้ามธนาคารปล่อยกู้แน่นอน

แล้วความจริงเป็นอย่างไร ?

ชาวนาผู้หญิงที่ผูกคอตายใต้ต้นมะขามในจังหวัดกำแพงเพชร จนเป็นข่าวดังเช้าวันนี้ สามีของเธอยืนยันว่า เมียเครียดเรื่องหนี้ เครียดที่ไม่ได้เงินจำนำข้าวมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2556

นี่คือตัวอย่างและหลักฐานชัดเจนว่า มีชาวนาจำนวนมากไม่ได้เงินค่าจำนำข้าวมาตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เพิ่งยุบสภาในวันที่ 9 ธันวาคม 2556 นี่เอง

แล้วตั้งแต่เดิอนกันยายนจนถึง 9 ธันวาคม ก่อนยุบสภานั้น รัฐบาลกบฏยิ่งลักษณ์มันมัวไปทำอะไรอยู่ ทำไมไม่เสือกรีบกู้เงินเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ

ตามหลักทั่วไปแล้ว ถ้าจะต้องมีภาระจ่ายเงินให้ชาวนาเดือนกันยายน ก็ต้องเตรียมการกู้เงินให้เสร็จตั้งแต่เดือนสิงหาคม จริงไหม ?

แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์กลับปล่อยยืดเยื้อมาจนกระทั่งยุบสภา แล้วก็มาโทษคนอื่นว่าเป็นเหตุให้ธนาคารไม่ปล่อยกู้ ซึ่งมันคือการตอแหลทั้งเพ

ระยะเวลาตั้งแต่กันยายนถึงธันวาคม ตั้ง 3 เดือน ที่รัฐบาลชั่วไม่ยอมกู้เงิน มันมัวไปทำอะไรอยู่ ?

คำตอบคือ ช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะพวก สส. เพื่อไทย มัวแต่เร่งออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย เหมาเข่ง เพื่อช่วยทักษิณ และยังมัวแต่แก้รัฐธรรมนูญ ที่มา สว. และแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 190 อยู่ไงครับ

28 ก.ย. 56 สภาลงมติผ่านร่างแก้ไข รธน. ที่มา สว. ในวาระ 3
31 ต.ค. 56 สภาลงมติผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในวาระ 3
4 พ.ย. 56 สภาลงมติผ่าน แก้ไข รธน. มาตรา 190 ในวาระ 3


เรื่องเร่งรีบที่ต้องจ่ายเงินให้ชาวนาไม่คิดรีบทำ ไม่รีบคิดขายข้าว เพราะมัวคิดแต่แก้กฎหมายเพื่ออำนาจพวกพ้องอยู่นั่นแหละ

----------------------------

ทำไม ธกส. ไม่ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์กู้

คำตอบคือ มันเกินกรอบวงเงินกู้ 5 แสนล้านไงครับ เพราะ 2 ปีกว่า ๆ ที่่ผ่านมา ธกส. จ่ายเงินสดให้ชาวนาไปแล้ว 7 แสนกว่าล้านบาท

แต่รัฐบาลนำส่งเงินคืน ธกส. ได้น้อยมาก คือประมาณ 1.4 แสนล้านบาท จึงทำให้ ธกส.ไม่สามารถปล่อยกู้ให้รัฐบาลได้อีก

เรื่องมันเลยคาราคาซังไงครับ ในเมื่อ ธกส. ให้รัฐบาลกู้ไปตั้ง 7 แสนกว่าล้าน ได้เงินจากรัฐบาลคืนมา1.4แสนล้าน เบ็ดเสร็จเต็มวงกรอบเงินกู้ 5 แสนล้านบาทแล้ว

ธกส. จึงไม่สามารถให้รัฐบาลกู้เพิ่มได้อีก เพราะถ้าให้รัฐบาลกู้อีก ธกส.ก็เจ๊งสิครับ นั่นจึงเป็นเหตุให้พนักงาน ธกส. ต้องออกมาปกป้องธนาคารของพวกเขาด้วยประท้วงต่อต้าน หาก ธกส.จะให้รัฐบาลกู้เพิ่มอีก

แล้วเมื่อ ธกส. ไม่ให้กู้ จนกระทั่งยิ่งลักษณ์ประกาศยุบสภา ก็ทำให้รัฐบาลรักษาการพยายามจะหาทางกู้จากแหล่งเงินทุนอื่น ๆ โดยเฉพาะธนาคารของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์

ซึ่งก็ไม่มีใครยอมให้กู้หรอกครับ เพราะมันเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ และจะกลายเป็นหนี้เน่าได้ โดยเฉพาะธนาคารของรัฐนั้น หากผู้บริหารปล่อยกู้ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ ก็อาจซวยในข้อหาร่วมทุจริตคอรัปชั่นด้วยอีกกระทงนึง

ฉะนั้นประเด็นที่ กปปส. ต่อต้านการปล่อยกู้ของธนาคารของรัฐนั้น แทบไม่มีผลอะไรในการขัดขวางได้หรอกครับ

เพราะปัจจัยที่ต่อต้านการปล่อยกู้ของธนาคารที่ได้ผลที่สุดก็คือ บรรดาพนักงานของธนาคารเอง และความชั่วของโครงการจำนำข้าวที่ปกปิดไม่มิดต่างหาก

เพราะถ้าธนาคารเขาอยากปล่อยกู้จริง ๆ กปปส. ก็ไม่มีทางห้ามเขาได้ แต่ธนาคารเขาไม่โง่เหมือนพวกฟายแดงไงครับ เขาถึงไม่ยอมปล่อยกู้

ทำให้รัฐบาลรักษาการยิ่งลักษณ์ไปเชิญธนาคารเอกชนให้มาประมูลซื้อพันธบัตรเพื่อนำไปจ่ายหนี้ชาวนา  แต่ธนาคารเอกชนเขายิ่งฉลาดกว่าธนาคารของรัฐเสียอีก เขาเลยไม่ซื้อพันธบัตรไงครับ

ตอนนี้เรื่องจะขายพันธบัตรให้ธนาคารเอกชน ก็มีอันล้มเลิกไปแล้ว

-------------------

ต่อมารัฐบาลชั่วก็จะให้โรงสีช่วยปล่อยกู้ให้ชาวนาไปก่อน โดยใช้ใบประทวนค้ำประกัน แล้วดอกเบี้ยรัฐบาลจะจ่ายให้โรงสีเอง

แต่เพราะโรงสีไม่ใช่ธนาคาร ไม่ใช่กิจการแหล่งเงินทุน จึงไม่มีกฎหมายมารองรับ ทำให้โรงสีก็เลยปฏิเสธเข้าร่วมโครงการนี้แล้วเช่นกัน

ล่าสุด จะให้ชาวนาเอาใบประทวนไปขอกู้ที่ธนาคาร เพราะถือว่าใบประทวนเป็นหลักฐานที่มีมูลค่าที่ออกโดยภาครัฐ แล้วรัฐบาลรักษาการจะรับผิดชอบเรื่องดอกเบี้ยให้

ก็ยังไม่รู้ว่า วิธีการนี้จะได้ผลหรือไม่ ?

ดูการ์ตูนของท่านชัยราชวัตร เป็นคำตอบแล้วกัน




สรุปง่าย ๆ ว่า การที่รัฐบาลไม่จ่ายเงินชาวนา ไม่ต้องโทษคนอื่น โทษพวกมันเองนั่นแหละ ที่เลว !!


คลิกอ่าน ดีใจที่ชาวนาตัวจริง รู้ทันเล่ห์ รัฐบาลยิ่งลักษณ์

วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ดีใจที่ชาวนาตัวจริง รู้ทันเล่ห์ รัฐบาลยิ่งลักษณ์






คือตอนนี้ได้มีพวกอดีต สส. เพื่อไทย และแกนนำแดง ในหลายจังหวัดไปจ้างชาวนาตัวจริงที่ได้เงินจากจำนำข้าวแล้ว ผสมกับชาวนาแดงปลอมมา รวมถึงชาวนาที่ไม่รู้ทันพวกชั่ว ให้มาถือป้ายประท้วงว่า

"ธนาคารช่วยปล่อยกู้ให้รัฐบาลด้วย ชาวนาแย่แล้ว" หรือจะเป็นป้ายทำนองต่อว่า กปปส. ที่ไปขัดขวางการปล่อยกู้ของธนาคาร

นี่คือเล่ห์เหลี่ยมชั่ว ๆ ที่รัฐบาลกบฏยิ่งลักษณ์งัดมาใช้ เพื่อปัดความผิดของตัวเองไปให้ธนาคารที่ไม่ยอมปล่อยกู้ และปัดความผิดของตัวเองไปที่ กปปส. ว่าเป็นต้นเหตุให้ชาวนาไม่ได้เงินค่าจำนำข้าว

ผมขออธิบายนิดนึงว่า ที่ธนาคารเขาไม่กล้าปล่อยกู้ เพราะเขากลัวผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 181(3) ที่กำหนดว่า ห้ามรัฐบาลรักษาการกระทำหรืออนุมัติงานหรือโครงการที่มีผลต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป

เพราะถ้าผิดรัฐธรรมนูญขึ้นมา ผู้บริหารธนาคารที่อนุมัติก็ซวย ธนาคารก็อาจไม่ได้เงินกู้คืน กลายเป็นหนี้เน่า(NPL) เพราะมันผิดรัฐธรรมนูญ

-----------------------

ชาวนาแท้รู้ทันรัฐบาลชั่ว

เมื่อ 2 วันก่อนมีชาวนาไป ป.ป.ช. เพื่อเร่งให้เอาผิดยิ่งลักษณ์โกงชาวนา

ได้มีแกนนำชาวนาคนหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าเงินที่รัฐบาลต้องไปกู้มาจ่ายแล้วทำให้ประเทศชาติล่มจม ชาวนาก็ไม่อยากได้เงินแบบนั้น การที่รัฐบาลดำเนินนโยบายนี้ ก็ต้องวางแผนแต่แรกว่า จะนำเงินมาจ่ายให้ชาวนาได้อย่างไร เห็นอวดว่า ขายข้าวได้มาก ขายข้าวให้หลายประเทศเยอะแยะ ถ้าขายข้าวได้มากจริง ๆ แล้วเงินมันหายไปไหน ทำไมไม่เอามาจ่ายให้ชาวนา

ดีใจครับ ที่ชาวนาไทยไม่หลงกลการใส่ร้ายที่รัฐบาลกบฏยิ่งลักษณ์พยายามกระทำ ถึงขนาดไปซื้อโฆษณาในมติชน เพื่อแก้ตัวและโฆษณาว่าโครงการจำนำข้าวดีเหลือเกินขนาดไหน

ซึ่งความจริงยิ่งลักษณ์มันไม่สนชาวนาที่ยังไม่ได้เงิน หรอกครับ

แต่เจตนาพวกมันคือต้องการรักษาฐานเสียงเสื้อแดงโง่ ๆ ให้หลงเชื่อไว้ก่อนว่า รัฐบาลของพวกมันไม่ผิด และต้องการให้ชาวนาบางส่วนที่ได้เงินไปแล้วยังหลงเชื่อโครงการจำนำข้าวของพวกมันต่อไป

------------------

ผมขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลจ่ายเงินจำนำข้าวไปแล้ว 7.49 แสนล้านบาท (ยังไม่รวมค่าดำเนินการ) แต่ขายข้าวได้เงินแค่ 1.5 แสนล้านบาทเท่านั้น

รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็เลยได้แต่กู้เงินมาจ่ายให้ชาวนามาโดยตลอด กู้จนเกินวงเงิน แล้วก็ยังจะหน้าด้านกู้ต่อไป

หนี้เก่ายังค้างอีกหลายแสนล้านบาท แถมยังจะหน้าด้านไปขอกู้ใหม่อีก1.3แสนล้าน เป็นใครเขาจะยอมให้กู้อีกล่ะครับ

หลักคิดง่าย ๆ แค่นี้พวกชั่วเสื้อแดงมันไม่ยอมเข้าใจ

ผมดีใจนะที่ชาวนาไทยแท้ ๆ ไม่ยอมโง่หลงเชื่อรัฐบาลชั่วกับพวกแกนนำฟายแดง

ทางออกของปัญหาชาวนายังไม่ได้เงิน ก็คือ รัฐบาลรักษาการต้องลาออก เพื่อให้รัฐบาลใหม่เข้ามากู้เงินได้อีกครั้งเป็นงวดสุดท้าย (เพราะกฎหมายไม่ได้ห้าม) และเพื่อปิดบัญชีโครงการจำนำข้าวเน่า ๆ นี้ซะ (ไอ้รัฐบาลชั่วมันไม่ยอมเลิกโครงการง่าย ๆ เพราะถ้ามันยอมเลิกและปิดบัญชี แสดงว่ามันยอมรับว่ามันผิด)

แต่ที่รัฐบาลรักษาการยิ่งลักษณ์ไม่ยอมลาออก เพราะมันเป็นผู้ร้ายปากแข็ง เพราะถ้าพวกมันลาออก ก็แสดงว่า พวกมันแพ้ พวกมันผิด

----------------------------------

ที่สำคัญที่สุดคือ โกดังข้าวรัฐบาล มันมีไม่ตรงกับตัวเลขจริงที่แจ้งไว้ เหตุเพราะมันมีการเวียนเทียนจำนำ มีการลักลอบโกงเอาออกไปขาย และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย

เช่นข้าวเน่าคาโกดัง จึงทำให้รัฐบาลชั่วไม่กล้าเปิดโกดังให้ตรวจสอบอย่างโปร่งใสทุกโกดัง

คิดดูสิครับ ข้าวถ้าจะต้องเก็บไว้นาน ๆ ก็ควรเก็บในรูปข้าวเปลือก ข้าวถึงจะไม่เสื่อมสภาพได้ง่าย

แต่ไอ้รัฐบาลชั่วมันให้โรงสีสีข้าวที่รับจำนำทันที แล้วเก็บในรูปข้าวสารทั้งหมดเพื่อหวังให้โรงสีได้กินค่าจ้างสีข้าวแบบอิ่มเอม แถมยังได้ค่าจ้างเก็บอีก

โครงการจำนำข้าวนี้มันชั่วจริง ๆ และที่เลวที่สุด คือ ไอ้ยรรยง พวงราช มันบอกในรายการเจาะข่าวเด่นว่า

"ชาวนาที่มาประท้วงเป็นแค่ชาวนาส่วนน้อยเท่านั้น"



หลักคิดง่าย ๆ ไม่เจ๊งได้ไง

ราคาข้าวสารของเวียดนามในต่างประเทศ ราคาตันละ 12,000-14,500 บาท

แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์กลับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาตันละ 15,000 บาท (ซึ่งเมื่อเอาไปสีเป็นข้าวสารก็ได้ไม่ถึงตัน)

คิดดู ราคาข้าวเปลือกไทยตันละหมื่นห้า กลับแพงกว่าราคาข้าวสารเวียดนามตันละ12,000 บาท

แล้วแบบนี้จะไม่เจ๊งได้ไง ??

---------------------

ล่าสุด ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลซื้อป้ายโฆษณาโจมตี



ก็คงมีแต่พวกโง่เท่านั้นที่จะเชื่อป้ายโฆษณานี้


คลิกอ่าน ข้าวรมควันพิษ เป็นอย่างไร

วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

พ.ร.บ.ยุบสภา กับความเห็นแก่ตัวของยิ่งลักษณ์







ประเทศไทยได้มีนายกรัฐมนตรีที่ได้ชื่อว่า โง่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่โชว์โง่ได้ไม่เคยซ้ำ โชว์โง่ได้ไม่หยุดหย่อน ท่ามกลางความภูมิใจของพวกเสื้อแดง

ล่าสุดในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ก็ไปเลือกตั้งแบบโง่ ๆ หย่อนบัตรผิดกล่อง แล้วก็ยังหน้าด้านไปโทษเจ้าหน้าที่ว่า แนะนำผิด

โถ ๆ ถ้าเจ้าหน้าที่แนะนำ ให้มึงลาออก ให้มึงไปตาย มึงจะทำตามไหม อีโง่

แล้วที่ประกาศยุบสภา และมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา ออกมา

อีโง่ก็ยังแยกแยะไม่ถูกว่า เขาเรียกว่า พระราชกฤษฎีกายุบสภา แต่อีโง่ดันเรียก พ.ร.บ.ยุบสภา

โคตรภูมิใจเลยนะไอ้พวกฟายแดงที่พวกมึงเลือกอีโง่นี่มาเป็นนายกฯ


ฟังยิ่งลักษณ์ เรียก พ.ร.บ.ยุบสภา นาทีที่ 1.40


ประเด็นพูดผิด ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

แต่ผมว่า ยิ่งลักษณ์ไม่ได้พูดผิด แต่เธอไม่รู้เรื่องว่าอะไรเป็นอะไรเลยมากกว่า

เพราะเธอก็ไม่รู้ตัวด้วยว่าที่พูดนั่นน่ะ ผิด!!

-------------------------------

ยิ่งลักษณ์เห็นแก่ตัว และไม่ยอมเสียสละ

ตั้งแต่ยุบสภา ยิ่งลักษณ์จะอ้างเสมอว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 181 กำหนดให้อยู่รักษาการต่อไปจนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่มาทำหน้าที่ ถ้าเธอลาออกจะถูกข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

นี่การโกหกคำโตที่สุด เพราะไม่มีกฎหมายใดห้ามคนไทยลาออกหรอกครับ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จะบังคับใช้สำหรับผู้ที่ยังดำรงตำแหน่งในราชการ แต่ไม่ยอมปฏิบัติตามหน้าที่เท่านั้น กฎหมายนี้จะไม่บังคับใช้กับผู้ที่ลาออกจากราชการไปแล้ว

สมมุติว่า ถ้ายิ่งลักษณ์ลาออกแล้วมีความผิดตามที่เธออ้างจริง อยากรู้นักว่า มันจะติดคุกเพราะลาออกจากรักษาการนายกเหรอ ??

ไม่มีหรอกครับ มันมั่ว !!

ถามว่า แล้วจะยอมเสียสละลาออก เพื่อให้ผู้ชุมนุม กปปส. นับล้านคน หยุดการชุมนุม

เพียงแค่นี้ ทำไม่ได้เหรอ ? (คนที่เป็นผู้นำประเทศ หากจำต้องติดคุกเพื่อชาติจริง ๆ ก็ต้องทำ)

แน่นอน คนอย่างยิ่งลักษณ์ทำไม่ได้หรอก เพราะเธอมันเห็นแก่ตัว ซึ่งผมเคยเขียนในบทความเก่าแล้วว่า กปปส. ไม่มีทางไล่ยิ่งลักษณ์ได้ เพราะคนอย่างยิ่งลักษณ์มันเห็นแก่ตัวที่สุด

และเรื่องนายกรัฐมนตรีจากคนกลาง เขาก็มี รธน.มาตรา 7 ไว้ เผื่อประเทศถึงทางตัน จะได้มีทางออกให้บ้านเมือง ไม่งั้นเขาจะเขียนมาตรา 7 นี้ไว้ทำไมในรัฐธรรมนูญ ?

แต่ยิ่งลักษณ์กลับอ้างอย่างหน้าด้านว่า ถ้าจะมีนายกจากคนกลางก็ต้องฉีกรัฐธรรมนูญ ??

เฮ่อ.. ประเทศชาติมีนายกที่เลวและหน้าด้านสมบูรณ์แบบ แบบนี้นี่แหละ

ถึงเรียกว่า นักการเมืองผู้ทำลายระบอบประชาธิปไตยตัวจริง

แม้แต่โครงการจำนำข้าวของพวกมันล้มเหลวขนาดนี้แล้ว ก็ยังหน้าด้านไม่ยอมรับความผิด ยังหน้าด้านแถต่อไป ไม่สิ้นสุด

ถึงอยู่รักษาการไป ก็ทำอะไรไม่ได้ แก้ปัญหาให้ชาวนาก็ไม่ได้ เพราะติดปัญหากฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 181(3) จะกู้อะไรก็กู้ไม่ได้ ก็ยังจะหน้าด้านอยู่ต่อไป

มีชาวนาผูกคอตายเพราะเครียดไม่ได้เงินจากจำนำข้าวมาแล้ว 3 คน (เท่าที่เป็นข่าว)

ชีวิตของชาวนามีค่ายิ่งกว่าชีวิตยิ่งลักษณ์มากมายนัก

เพราะชาวนามีพระคุณต่อคนไทย แต่ยิ่งลักษณ์มันเป็นตัวกาลกิณีของบ้านเมือง ตั้งแต่มันเป็นนายก ประเทศไทยมีแต่หายนะจากน้ำท่วมหนักมาจนจำนำข้าวเน่า

พวกมันทำบาปกรรมกับประเทศมากมายขนาดนี้ คงไม่ได้ตายดีแน่นอน

ปรัชญาแห่งความสวย ที่ยิ่งกว่าสวยของผู้หญิง







ผู้หญิงที่นิสัยดี และมีความน่ารัก = ผู้หญิงฉลาด

ผู้หญิงสวย บางที ก็ไม่ใช่ผู้หญิงฉลาด

ผู้หญิงที่มีแต่สวยเขาให้มีไว้ใช้งาน ผู้หญิงฉลาดมีไว้ครองคู่

ขงเบ้ง มีเมียที่ไม่สวย แต่ฉลาดมาก

ผู้หญิงที่ไม่รู้ตัวเองว่าสวย จะสวยมากกว่าผู้หญิงที่คิดว่าตัวเองสวย

เพราะผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าตัวเองสวย มักมีกิริยาที่สวย เพราะเธอคิดว่าเธอไม่สวย จึงมีกิริยาที่งดงามเพื่อทดแทน

ส่วนผู้หญิงที่คิดว่าตัวเองสวย มักมีกิริยาที่ไม่สวย เพราะหลงว่าตัวเองสวย จึงมักรอให้คนมาเอาใจ

ผู้ชายคิดไกลจึงมักหลงรัก ผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าตัวเองสวย นั่นแหละเพชรเลอค่าอมตะ

มหาเศรษฐีแห่งแคว้นสุ่ย มีภรรยาหลายคน แต่มหาเศรษฐีกลับดูรักภรรยาที่หน้าตาขี้เหร่ที่สุด รักและให้เกียรติมากกว่าภรรยาที่สวยงามดุจดั่งนางฟ้า

ทำไมถึงเช่นนั้น ?

ท่านมหาเศรษฐีตอบว่า "เพราะนางไม่รู้ว่าตัวเองสวย กิริยาและความคิดของนางจึงสวยกว่าทุกคน"




----------------

ส่วนความหล่อของผู้ชาย ไม่ควรดูที่หน้าตา แต่ให้ดูที่ความเสียสละของเขาต่างหาก

"พิสูจน์ใจหญิงให้ดูตอนผู้ชายยากจน"

"พิสูจน์ใจชายให้ดูตอนผู้ชายร่ำรวย"

--------------------

จริง ๆ ถ้าผู้หญิงโดนผู้ชายมอง หรือสนใจมาจีบเยอะ ๆ เธอก็จะคิดว่า สงสัยเราสวยแน่เลย แต่ผู้หญิงฉลาดจะไม่ให้ความสำคัญกับความสวยมากไปกว่าความถ่อมตน ความอ่อนโยน และจิตใจที่มีเมตตา

แม้ผู้หญิงจะรู้ตัวว่าตัวเองสวย แต่ไม่ควรติดสวยจนเกินไป นั่นแหละครับ ผู้หญิงที่สวยที่สุด


วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ความชั่วของกิตติรัตน์ กับ กองทุนออมเงินแห่งชาติ






ที่ญี่ปุ่น รัฐบาลญี่ปุ่นเขาส่งเสริมให้ประชาชนออมเงินผ่านกองทุนการออม National Pension System (NPS)  ของรัฐบาล แล้วรัฐบาลจะช่วยสมทุบเงินออกให้ประชาชนด้วย เมื่อประชาชนถึงวัยเกษ๊ยณก็จะมีสิทธิเบิกเงินออมนั้นออกมาใช้ยามแก่ชรา

พี่น้องแรงงานนอกระบบของไทยก็ได้ต่อสู้เพื่อให้มี พรบ.การออมแห่งชาติมาร่วมสิบปี สุดท้ายก็ทำสำเร็จ และรัฐบาลต้องจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติในปี 2554

ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้แรงงานนอกระบบสามารถออมเงินผ่านกองทุนการออมแห่งชาติ แล้วรัฐบาลก็จะจ่ายสมทบช่วยออมด้วย





เช่น ถ้าแรงงานนอกระบบที่อายุตั้ง 15 -30 ปี ถ้าออมเดือนละ 100 บาท รัฐจะจ่ายสมทบให้เดือนละ 50 บาท (รัฐจะจ่ายให้ไม่เกิน 600 บาท/ปี) เท่ากับปีนึงประชาชนจะมีเงินออม 1,800 บาทต่อปี

อายุตั้งแต่ 30-50 ปี ถ้าออมเดือนละ 100 บาท รัฐจะช่วยจ่วยสมทบให้เดือนละ 80 บาท (รัฐจะจ่ายให้ไม่เกิน 960 บาท/ปี) เท่ากับประชาชนจะมีเงินออม 2,160 บาทต่อปี

อายุตั้งแต่ 50-60 ปี ถ้าออมเดือนละ 100 บาท รัฐจะช่วยจ่ายสมทบให้เดือนละ 100 บาท (รัฐจะจ่ายให้ไม่เกิน 1,200บาท/ปี) เท่ากับประชาชนจะมีเงินออม 2,400 บาทต่อปี




แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กลับไม่ยอมตั้งกองทุนการออมแห่งชาตินี้สักที อ้างโน่นอ้างนี่ อ้างว่ากลัวผลกระทบงบประมาณ อ้างว่ามีกองทุนประกันสังคมที่ผู้ใช้แรงงานนอกระบบก็ไปออมได้

นี่จึงทำให้กองทุนการออมแห่งชาติเลยไม่เกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่มีกฎหมายรองรับแล้ว และประกาศในพระราชกฤษฎีกาไปแล้ว

กองทุนการออมแห่งชาติมีสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ใช้แรงงานนอกระบบมากกว่าให้ผู้ใช้แรงงานนอกระบบไปจ่ายผ่านกองทุนประกันสังคม เป็นมรดกตกทอดที่โอนให้ทายาทได้ (รายละเอียดตรงนี้ต้องไปอ่านในกฏหมายได้)

การที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ยอมจัดให้มีกองทุนเพื่อการออมแห่งชาติเกิดขึ้น ทำให้ผู้ใช้แรงงานหรือประชาชนทั่วไปที่มีอายุตั้งแต่ 15-60 ปี ขาดโอกาสในการออมเงิน ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลควรสนับสนุนการออมของประชาชน





เพราะไอ้รัฐบาลกบฏยิ่งลักษณ์มันดีแต่จะหลอกให้คนไทยใช้เงินเสียเงิน พวกรัฐบาลนายทุนมันชอบกระตุ้นให้คนไทยจับจ่ายใช้สอย จึงไม่ยอมสนับสนุนการออมของคนไทย เพราะผลประโยชน์ที่ได้จากการที่ให้คนไทยใช้จ่าย สุดท้ายก็ต้องตกไปที่อยู่ในมือพวกนายทุนนักธุรกิจอย่างพวกมันในที่สุด

ตอนนี้ประชาชนกำลังฟ้องร้องเพื่อเอาผิดรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และรมว.คลัง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง โทษฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ที่กฎหมายกำหนดว่าต้องจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติขึ้น แต่ไม่ยอมกระทำ



คุณผู้อ่านลองคิดดู ประชาชนหลายล้านคนต้องเสียโอกาสออมเงิน โดยมีรัฐบาลช่วยจ่ายเงินสมทบเพื่อการออมมาตั้งแต่ปี 2554 ทำให้ประชาชนต้องเสียเงินที่มีประโยชน์ตรงนี้ไปมากเท่าไหร่แล้ว?

เงินออมส่วนนี้จะเป็นเงินบำนาญให้ประชาชนมีไว้ใช้ในยามแก่ แต่เขากลับไม่ได้เริ่มออมสักที

ความชั่วของรัฐบาลกบฏยิ่งลักษณ์ มันคิดแต่จะเอาเงินไปจ่ายประชานิยมรถคันแรก เพราะพวกมันกินเปอร์เซนต์จากบริษัทรถยนต์

มัวแต่เอาเงินไปจ่ายคืนโครงการบ้านหลังแรก เพราะพวกมันทำธุรกิจบ้านและที่ดินที่จะได้ผลประโยชน์ทับซ้อนพวกพ้อง

เอาเงินไปผลาญในโครงการจำนำข้าวจนเสียหาย 7 แสนล้าน

แต่โครงการที่ดีของประชาชนอย่าง การสนับสนุนให้ประชาชนออมเงินไว้ใช้ยามชรา พวกรัฐบาลชั่วมันกลับไม่สนใจทำ

มันเลวจริง ๆ เลวทุกตัวในรัฐบาลกบฏยิ่งลักษณ์



คลิกอ่าน สันดานกิตติรัตน์ กับหนี้ครัวเรือน

วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ถามสรยุทธ สุทัศนะจินดา คุณสนับสนุนพวกล้มเจ้าหรือไม่ ?







นักเล่าข่าวอันดับ 1 ของประเทศอย่างสรยุทธ สุทัศนะจินดา ที่ต่อหน้าทีวีทำเป็นจงรักภักดี อย่างเช่นเมื่อวานนี้ ทำเป็นนำเทปพระกระแสของเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ที่รับสั่งแก่แพทย์ พอสว.

ที่เจ้าฟ้าหญิงทรงมีรับสั่งเกี่ยวกับ มีคนด่าในหลวงอย่างรุนแรง แต่ในหลวงก็ไม่เคยทรงตอบโต้ ในหลวงทรงเป็นเสมือนพระอริยะที่ทำเพื่อประชาชนมาตลอด

นี่คือการสร้างภาพของสรยุทธด้านหนึ่ง ที่ผมขอยกตัวอย่างพอสังเขป


คลิกอ่าน ต้นสายปลายเหตุที่ฟ้าหญิงเล็กทรงติดริบบินธงชาติ

-----------------------

แต่วันนี้คือ วันที่ 5 ก.พ. 57 เวลาประมาณ 08.22 น. นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้นำความเห็นของนายเกษียร เตชะพีระ มานำเสนอในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ โดยทั้งนายสรยุทธ และน้องไบร์ท ก็ร่วมกันอ่านความเห็นของนายเกษียร ที่โพสในเฟสบุ้คมาออกอากาศ (เป็นความเห็นเกี่ยวกับการเมือง แต่อิงเสียดสีศาล โดยมันเรียกศาลว่า ศาลเจ้า แต่ความหมายของศาลเจ้าของไอ้เกษียร ไม่ได้หมายถึงศาลเจ้าทั่ว ๆ ไป)





ผมถามว่า คนอย่างนายสรยุทธ คุณไม่รู้เหรอว่า นายเกษียร เตชะพีระ มันมีท่าทีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไร มีท่าทีต่อพระบรมวงศานุวงศ์อย่างไร

ถ้าคุณสรยุทธ คุณยังจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์จริง คุณไม่ควรจะนำเสนอข่าวหรือนำเสนอความเห็นของพวกนักวิชาการกลุ่มนี้ทุกกรณี เช่น นายสมศักดิ์ เจียมธีระสกุล หรือ นายเกษียร เตชะพีระ

แต่สรยุทธ คุณกลับนำเสนอแนวความคิดของนักวิชาการพวกนี้บ่อยมาก ทั้ง ๆ ที่น่าจะรู้ว่า คนพวกนี้คิดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์อย่างไร

ผมอยากจะบอกคนในวงการบันเทิง และวงการสื่อด้วยว่า คนอย่างสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นพวกสร้างภาพว่าจงรักภักดีเท่านั้น เพราะคนที่จงรักภักดี จะต้องไม่สนับสนุนความคิดของพวกนักวิชาการชั่ว ๆ คนนี้ นำมาออกอากาศทำนองให้ท้ายแบบนายสรยุทธชอบกระทำบ่อย ๆ

ย้ำว่า สรยุทธมักนำเสนอความเห็นของไอ้เกษียรออกรายการสม่ำเสมอ

สรยุทธ สุทัศนะจินดา คุณลองดูโพสนี้ของนายเกษียตร เตชะพีระ ซะ คุณก็น่าจะรู้ว่าคน ๆนี้ มีสันดานอย่างไร



(ลิงค์รูปนี้ ไอ้เกษียร มันลบไปแล้ว)


ส่วนนายเกษียร ผมบอกตรง ๆ ความจริงผมไม่เคยให้ราคาไอ้นี่เท่าไหร่ เพราะตรรกะมันเห่ย และกระจอกยิ่งกว่าสมศักดิ์ เจียมด้วย เพียงแต่รายการดังของสรยุทธ ก็ชอบนำเสนอความคิดของมันเหลือเกิน

สำหรับผม ผมเห็นรูปด้านบนนี้ ผมไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร เพราะผมรู้ดีว่า พวกล้มเจ้ามันเก็บกดมาก มันก็ต้องหาทางระบายแบบโง่ ๆ ของมันไป

แต่สำหรับเราคนไทยที่มีความคิดอันควร เรารู้จักกาลเทศะว่า สิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำ ใครที่นำเรามาล้อเลียนได้ และใครที่เราควรละไว้ 

แต่พวกล้มเจ้ามันไม่มีความคิดแบบนี้อยู่แล้ว

การแสดงออกแบบนี้ของพวกล้มเจ้า ผมถือว่า นี่คือความพ่ายแพ้อีกครั้งในใจพวกมันเองครับ



ทราย เจริญปุระ

--------------------

และที่ผมเขียนบทความนี้ไม่ได้หวังว่า คนเยี่ยงสรยุทธจะเลิกสันดานสนับสนุนไอ้พวกนี้หรอก

แต่ผมอยากให้คนไทยจำนวนมากรู้ทัน สรยุทธ นักเล่าข่าวหน้าเงินคนนี้เท่านั้นครับ

และอยากจะย้ำเหมือนเดิมตามที่ผมเคยเขียนในหลายบทความว่า สรยุทธไม่ใช่สื่อ แต่เขาเป็นเพียงนักเล่าข่าวที่เห็นแก่เงินเท่านั้น

คลิกอ่าน สรยุทธสอบผ่านรายงานข่าว แต่สอบตกหน้าที่คนไทย

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ทำไมเด็ก 5 ขวบพูดเขียนได้ถึง 5 ภาษาทั้งที่ไม่เคยเรียน






ก่อนอื่นผมขอบอกก่อนว่า เรื่องทำนองนี้ผมเคยเขียนในเฟสบุ้คไว้หลายเดือนแล้ว เกี่ยวกับกรณีที่มีข่าวว่า พบเด็กพูดอ่านเขียนภาษาไทย และภาษาต่างประเทศได้เอง โดยไม่ต้องมีใครสอน และเด็กก็ไม่เคยไปโรงเรียนมาก่อน ว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้เพราะอะไร

ตลอดชีวิตของผม ผมได้ยินข่าวทำนองแบบนี้บ่อยมาก ว่าพบเจอเด็กที่ไม่เคยเรียนหนังสือ แต่กลับอ่านออกเขียนได้เองหลายภาษาทั้ง ๆ ที่พ่อแม่ก็ไม่ได้สอน แถมพ่อแม่ก็พูดอ่านภาษาต่างประเทศไม่ได้

และล่าสุดรายการ วีไอพี เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้นำเด็กหญิงอายุ 5 ขวบมาออกรายการพร้อมแม่ของเด็ก

เด็กคนนี้พูดอ่านเขียนได้เอง 5 ภาษาตั้งแต่อายุ 3 ขวบครึ่ง คือภาษาไทย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษ ั้ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีใครในบ้านสอนเด็กมาก่อน

ทางการแพทย์ เขาคงต้องหาเหตุผลมากมายมาบอกว่า เป็นเด็กอัจฉริยะ

แต่กรณีของเด็กคนนี้ แพทย์ตรวจพบว่าไม่ใช่กรณีอัจฉริยะ แต่พบว่าสมองของเด็กคนนี้มีการทำงานตลอดเวลา เรียนรู้ตลอดเวลาไม่ยอมหยุด แม้กระทั่งเวลานอน เด็กคนนี้ก็เลยสามารถอ่านออก 5 ภาษาได้เองโดยไม่มีใครสอน

เหอะๆ แพทย์ก็อ้างไปเรื่อย นั่นเพราะเด็กเคยมีอาการชักมาก่อน แม่เด็กจึงพาไปตรวจ จนแพทย์พบว่า สมองของเด็กทำงานหนักมาก ไม่ยอมหยุดทำงานเลย

ผมอยากจะบอกว่า อาการโรคสมองของเด็กนั้น ไม่เกี่ยวกับการที่เด็กสามารถพูดและอ่านเขียน 5 ภาษาได้เองหรอกครับ

ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เด็กจะไปพูดภาษาต่างประเทศได้เอง ทั้ง ๆ ที่คนในบ้านพูดไม่เป็น และเด็กก็ไม่เคยไปโรงเรียนมาก่อนด้วย

-------------------------

แล้วเพราะอะไรล่ะ ?

คำตอบนี้ ต้องไปถามทางพระ หรือถามผู้เชี่ยวชาญในเรื่องศาสนาพุทธจะสามารถตอบได้ทันที ว่านั่นคือ เด็กเกิดระลึกสัญญาเก่า ๆ ในอดีตชาติได้

สัญญา ในที่นี้หมายถึง ความรู้

อดีตชาติเด็กคนนี้อาจเคยเป็นครูสอนภาษา หรือ อาจเคยเป็นทูต หรืออาจเคยเกิดเป็นคนจีน คนญี่ปุ่น คนเกาหลี คนอังกฤษมาก่อนก็ได้

แล้วเด็กคนนี้กลับระลึกสัญญาหรือความรู้ในอดีตชาติของตนเองได้ เพียงแต่ไม่สามารถระลึกชาติได้

แตกต่างกันนะครับระหว่าง การระลึกชาติ กับการระลึกความรู้

เด็กอาจจดจำความรู้ในอดีตชาติของตนเองหลาย ๆ ชาติ มารวมกันอยู่ในชาตินี้ชาติเดียว จึงทำให้เด็กสามารถพูดอ่านเขียนหลายภาษาทั้ง ๆ ที่ไม่เคยไปเรียนหนังสือหรือเคยมีใครสอนมาก่อน

เรื่องแบบนี้ มันเป็นเรื่องของกรรมลิขิต ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดครับ

แต่ทางการแพทย์สมัยใหม่ เขาจะไม่ยอมรับเรื่องแบบนี้ เขาจึงต้องหาเหตุผลด้านวิทยาศาสตร์ทางสมองมารองรับสิ่งที่เกิดขึ้น

แต่ในทางพุทธศาสนา เราเข้าใจในเรื่องแบบนี้มานานแล้วครับ และถ้าหมอคนไหนเรียนรู้เรื่องพุทธศาสนามาพอควร ก็จะเข้าใจเรื่องแบบนี้เช่นกันครับ

ย้ำว่า กรณีเด็กระลึกสัญญาความรู้ในอดีตได้ ต่างจากเด็กอัจฉริยะนะครับ

เพราะเด็กอัจฉริยะ จะต้องมีคนสอน เด็กถึงจะรู้ เพียงแต่เด็กอัจฉริยะจะเรียนรู้ได้เร็วมากกว่าคนปกติเท่านั้นเอง

ส่วนเด็กระลึกสัญญาความรู้ได้ ไม่ต้องมีใครมาสอน เด็กรู้ขึ้นได้เอง แต่เด็กจะอัจฉริยะด้วยหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง


---------------

เรื่องเล่าของคุณชายคึกฤทธิ์

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยเล่าว่า สมัยท่านยังเป็นเด็ก ท่านเคยเจอหม่อมคนนึงเป็นลม สลบไป พอฟื้นขึ้นมา หม่อมคนนั้นกลับพูดได้แต่ภาษาอังกฤษ และลืมภาษาไทยไปเลย

แต่หม่อมคนนั้นยังจำได้ว่า ตัวเองเป็นหม่อม เพียงแต่ลืมการพูดภาษาไทยไปเท่านั้น เล่นเอาวุ่นวายพอควร เพราะคนใช้ภาษาอังกฤษในวังนั้นมีพูดได้ไม่กี่คน

หม่อมคนนั้นเป็นแบบนี้อยู่ในระยะเวลานานหลายเดือนพอควร จนกระทั่งเกิดเป็นลมอีกครั้ง ก็กลับมาพูดภาษาไทยได้เหมือนเดิม

แปลกไหมครับ ?


วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ขำๆ กับบัตรเสีย ในเลือกตั้ง 2 ก.พ.







รูปแรก บัตรเสียที่ยิ่งลักษณ์ชอบที่สุด




รูป 2 บัตรเสียที่บ่งบอกตัวตนของยิ่งลักษณ์



รูป 3 บัตรเสียที่ไม่เลือกข้างการเมือง แต่เลือกแมนยู 555


ขอบคุณรูปจากโลกออนไลน์


รูป 4 คุณผู้อ่านด้านล่างส่งมาให้



ทำไมชูวิทย์แค้นกปปส. และการจัดฉากถูกต่อยวันเลือกตั้ง







ถาม ทำไมชูวิทย์ถึงตามกัดตามเห่าใส่ แกนนำ กปปส. และพระพุทธะอิสระ เรื่อยมา

ตอบ ก็เพราะชูวิทย์มันแค้นใจที่เคยไปร่วมแสดงความยินดีกับม็อบ กปปส. แต่กลับถูกม็อบ กปปส. ไล่อย่างกะหมูกะหมาตามคลิปนีั



นับแต่นั้นเป็นต้นมา ชูวิทย์ก็แค้นฝังหุ่น ตามด่าแกนนำ กปปส. ไม่เลิกรา

นี่แหละสันดานเสี่ยอ่างอดีตเจ้าพ่อค้ากาม เกาะกระแส กปปส. ไม่สำเร็จ เลยหันไปเกาะกระแสทักษิณแทน

----------------

ผมต้องขอบอกก่อนว่า แต่เดิม ผมเคยชื่นชมชูวิทย์อย่างมาก เคยเขียนในบทความอยากให้ชูวิทย์เป็นนายกด้วยซ้ำ เพราะคิดว่า ชูวิทย์คงกลับตัวกลับใจ มาทำความดีเพื่อชาติต่อต้านคนชั่วคอรัปชั่น

ผมเลือกชูวิทย์ทุกครั้ง ทั้งลงผู้ว่า กทม. และเลือกบัญชีรายชื่อในการเลือกตั้ง ผมก็เลือกชูวิทย์

แต่วันนี้ผมผิดหวังกับความคิดชูวิทย์ และผมจะไม่เลือกชูวิทย์อีก เพราะชูวิทย์มีแนวทางการเมืองแตกต่างจากที่ผมคิดไปแล้ว แถมไปออกสื่อช่อง 11 ได้อย่างเหมือนเป็นพวกเดียวกัน

ส่วนวันนี้ผมก็นอนหลับทับสิทธิไม่ไปเลือกตั้ง แต่ได้ดูข่าวว่า ชูวิทย์โดนต่อยเพราะไปเลือกตั้ง

เมื่อดูจากข่าวช่อง 9 เขาถ่ายให้เห็นชูวิทย์เดินมาหน่วยเลือกตั้ง โดยมีชายฉกรรจ์หลายคนเดินประกบหลัง เหมือนภาพเจ้าพ่อมาเฟียเดินมา แล้วมีลูกน้องเดินตาม ยังไงยังนั้นเลยครับ


ยิ่งดูรูปข้างล่างนี้แล้ว ถามหน่อยจะมีใครกล้าบุกเดี่ยวไปต่อยชูวิทย์ ?

(มามาดเจ้าพ่อมาเฟียซะขนาดนั้น)


ต่อมาก็มีเหตุการณ์ชูวิทย์ร่วมกับการ์ดได้ชกต่อยกับคนร้าย

แต่ภาพการเตะต่อยคนร้ายของชูวิทย์ มันไม่เนียน มันไม่แรงเหมือนเตะต่อยกันจริง ๆ มันเหมือนเตะเอาท่าว่าเตะแรง มากกว่าจะเตะแรงจริง ๆ

แล้วยังมีเปิดโอกาสให้คนร้ายที่ล้มลงไปแล้ว ได้ลุกวิ่งหนีไปขึ้นมอไซค์ได้อย่างลอยนวล แบบที่ชูวิทย์บอกว่า ไม่อยากดำเนินคดี ไม่อยากเอาผิด

ทั้งหมดแล้ว จะบอกว่าชูวิทย์จัดฉากหรือไม่ ?






ถ้าถามความเห็นผม ผมว่าน่าจะจัดฉาก

เพราะคนที่เข้ามาต่อยชูวิทย์มีแค่เพียงคนเดียว ทั้ง ๆ ที่น่าจะเห็นอยู่แล้วว่า ชูวิทย์มาพร้อมกับการ์ดตัวใหญ่ ๆ หลายคน

ชูวิทย์มากับการ์ด และลูกชายคนเล็ก




และพอต่อยกันพอประมาณ แล้วการ์ดชูวิทย์ก็พาคนร้ายไปส่งถึงมอเตอร์ไซค์ที่จอดรออยู่





แถมเอฟเฟก แบบไกล ๆ 555





ที่สำคัญ ชูวิทย์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ตั้งใจมาโหวตโน ??

โกหกอีกแล้ว ชูวิทย์ ไม่เลือกพรรครักประเทศไทยเหรอ 555



----------------

ประเด็น ลูกชูวิทย์ ยืนถ่ายคลิปหรือไม่ ?

ผมดูจากคลิปเหตุการณ์หลายคลิปแล้ว ที่โลกออนไลน์เข้าใจผิดว่า เป็นลูกชูวิทย์กำลังยืนถ่ายคลิปพ่อตัวเองนั้น ผมดูแล้วฟันธงว่าไม่ใช่ครับ

รูปด้านล่างคือ รูปคนที่ถูกเข้าใจว่าเป็นลูกชายชูวิทย์




จากคลิปเหตุการณ์ ชูวิทย์มากับลูกคนเล็กที่ชื่อ ต่อตระกูล เท่านั้น ส่วนคนที่ถูกเข้าใจว่า เป็นลูกชูวิทย์นั้น ตัวผอมเล็กและเตี้ยเกินไป

เพราะลูกชายชูวิทย์ทุกคน ตัวสูงใหญ่เหมือนพ่อ และล่ำสันครับ

-------------------

ลูกชูวิทย์ ใช้ภาษาถนัด

เติมตระกูล ลูกชายคนที่ 2 ของชูวิทย์ ได้โพสข้อความ


สมแล้วที่เป็นลูกชายของอดีตพ่อค้ากาเม

เอ่อ.. กปปส. เขาประกาศไม่ขัดขวางการเลือกตั้ง 2 ก.พ.

แล้วในกรุงเทพ ส่วนใหญ่ก็เลือกได้ตามปกติ ถ้า กปปส. คิดจะไปขัดขวางการเลือกตั้งจริง ๆ มันต้องหนักกว่านี้แน่ ไม่ใช่มีแต่พวกหน้าม้าที่ชูวิทย์จ้างมาแค่คนเดียว

แต่อยู่ ๆ หน่วยเลือกตั้งที่ชูวิทย์ไปเลือกกลับมีเรื่องดราม่า

ถุย !! การจ้างมาเล่นหนังบู๊ ถ้าจะให้เห็นเลือดตกยางออกก็มีได้ ถ้าเงินถึงว่ะ (เลือดปลอมก็ถูกหน่อย เลือดจริงก็แพงหน่อย)

ไอ้ลูกชูวิทย์อย่าแสดงความเห็นโง่ ๆ เลย

ลูกชูวิทย์แสดงความเห็นในอินสตาแกรมว่า

"โดนซะเลือดอาบ ยังจะบอกจัดฉาก จะมีใครสมัครใจ เลือดเหรอครับ? , ไอพวกพูดก็พูดได้ ไม่หน่าหละ กินหญ้าเยอะไปหน่อย" คลิกดูต้นฉบับ




counter statistics